อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 203 ร่ายรำเสริมบรรยากาศ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 203 ร่ายรำเสริมบรรยากาศ
โม่เยว่อึดอัดในหัวใจ
หันไประบายกับโม่ฮั่นอี่ว์ “พี่รองมิได้บอกว่ามาฉลองวันเกิดให้ข้าหรือ”
“ถูกต้อง”
โม่ฮั่นอี่ว์ไม่เข้าใจความหมายของเขา พยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
โม่เยว่อยากถามเขาเหลือเกิน ว่ามาฉลองวันเกิดให้เขา หรือมาเพื่อกินข้าวกันแน่…
เขาสงบอารมณ์ เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อมาเพื่อฉลองวันเกิดข้า เช่นนั้นก็ขอเชิญพี่รองร่ายรำสักเพลง เสริมบรรยากาศให้พวกเราหน่อยเถอะ”
โม่ฮั่นอี่ว์ “เจ้าว่าอะไรนะ!”
ร่ายรำ?!
เขารำเป็นที่ไหน!
อีกอย่าง ถึงจะเพื่อเสริมบรรยากาศ ก็น่าจะเชิญนางรำมา ไฉนถึงให้เขาที่เป็นพี่รองร่ายรำเพื่อเสริมบรรยากาศด้วยตนเองด้วย!
“ไม่ได้!”
โม่ฮั่นอี่ว์ปฏิเสธทันควัน “ดีชั่วข้าคืออ๋องคนหนึ่ง จะร่ายรำเสริมบรรยากาศให้เจ้าได้อย่างไร!”
เขากลับคิดให้โม่เยว่เชิญนางรำมาโดยตรง
แต่พอเห็นโจวหยิงหยิงที่อยู่ด้านข้างแล้ว เขาก็หดหัว ล้มเลิกความคิดนี้ไปโดยสิ้นเชิง
เขา! ไม่! กล้า!
“ข้าร่ายรำไม่เป็น!”
“พี่รอง การฉลองวันเกิดของท่านนี้ จะไม่จริงใจเกินไปแล้ว”
โม่เยว่เท้าคาง กวาดสายตามองเขาอย่างลอยๆ ทีหนึ่ง “ข้ากลับได้ยินมา ระยะก่อนพี่รองร่ำเรียนศิลปะการร่ายรำอย่างหนัก…เหตุใดตอนนี้ กลับไม่ยินดีเสริมบรรยากาศให้ข้าเล่า”
“นี่ช่างทำให้ข้าสงสัยนัก พี่รองมาฉลองวันเกิดให้ข้าจริงหรือไม่”
โม่ฮั่นอี่ว์รับกับการพูดยั่วยุอย่างนี้ไม่ได้มากที่สุด
ก่อนหน้านี้ที่เมามายอยู่ที่จวนอ๋องหมิงและถูกโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงหลอกถาม ก็เพราะถูกหยุนหว่านหนิงพูดยั่วยุอย่างนี้เหมือนกัน
เขาอัดเอ้อร์โกโถวเข้าไป ถึงได้เมาหยำเปไม่ได้สติ
ตอนนี้พอถูกโม่เยว่พูดแทงใจดำ…
เขาหยัดตัวตั้งตรงทันที “น้องเจ็ด อาหารกินไปเรื่อยได้ แต่คำพูดจะพูดไปเรื่อยไม่ได้นะ! ทำไมข้าถึงไม่ได้มาเพื่อฉลองวันเกิดเจ้าเล่า”
“ของขวัญข้าก็ให้เจ้าแล้วไม่ใช่หรือ”
แต่มอบให้หยุนหว่านหนิงไปแล้ว
“หรือว่า ข้ายังต้องสลักคำว่า ‘ข้ามาเพื่อฉลองวันเกิดให้เจ้า’ ไว้ติดหน้าผากอีก!”
โม่ฮั่นอี่ว์ราวกับไก่ชนที่แสดงความมุ่งมั่นห้าวหาญ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พี่รองก็เชิญเลยสิ”
โม่เยว่ยกริมฝีปากเอ่ยเรียบ
โม่ฮั่นอี่ว์ฮึดฮัด “นั่นข้าตรากตรำเรียนศิลปะป้องกันตัวต่างหาก! มิใช่ศิลปะการร่ายรำ!”
“มีอะไรต่างหรือ”
โม่เยว่จงใจทำเป็นไม่เข้าใจ
โม่ฮั่นอี่ว์โกรธขึงขังถลึงตาจ้องเขา “น้องเจ็ด เจ้าไม่มีเหตุผล!”
เมื่อเห็นสถานการณ์ตึงเครียด โจวหยิงหยิงจึงรีบลุกขึ้นมาตบมือ “ท่านอ๋อง ในเมื่ออ๋องหมิงเอ่ยปากแล้ว! วันนี้เจ้าของวันเกิดเป็นใหญ่ เจ้าก็ร่ายรำสักบทเพลงเถอะ!”
โม่ฮั่นอี่ว์ “…”
มีใครรังแกผู้ชายของตัวเองอย่างนี้บ้าง!
“หยิงหยิง ข้าคือสามีเจ้านะ!”
หาเรื่องในวันนี้แพร่ออกไป หน้าอ๋องฮั่นของเขาจะเอาไปไว้ที่ไหน!
ต่อไปกลัวแต่ต้องถูกคนอื่นเรียกเป็น ‘อ๋องอู่(*ในที่นี้หมายถึงอ๋องนักร่ายรำ)’ แล้วกระมัง
“ท่านอ๋อง เที่ยวหน้ายังอยากมากินข้าวที่จวนอ๋องหมิงอีกหรือไม่”
โจวหยิงหยิงกระซิบข้างหูเขา มุบๆ มิบๆ “แค่มากินข้าวได้ อย่าว่าแต่ให้เจ้าร่ายรำเลย”
“ต่อให้เจ้าเห่าโฮ่งๆ ข้าก็จะผลักเจ้าออกไปแบบไม่ลังเล”
โม่ฮั่นอี่ว์ “…”
ศรีภรรยาจริงๆ!
เมื่อเห็นโม่ฮั่นอี่ว์ถูกผลักออกมา…หัวใจโม่เฟยเฟยก็บีบรัด ท่าทีที่พี่เจ็ดบีบบังคับพี่รองไปเสียทุกอย่างนี้ พิลึกจริงแฮะ!
ฮือๆๆ ประเดี๋ยวพี่เจ็ดจะไม่จัดการนางหรือ…
เสริมบรรยากาศให้เขากับพี่สะใภ้เจ็ดก็แล้วกัน?!
โม่เฟยเฟยหันไปมองหยวนเป่า หัวเราะแหะๆ เอ่ย “หยวนเป่า พวกเราออกไปเดินเล่นกันเถอะ”
ครั้นเห็นนางยิ้มอย่างเกร็งๆ…
หยวนเป่าก็ลุกขึ้นอย่างรู้ใจ จูงมือนางออกไป
โม่เฟยเฟยประทับใจจนสะอื้นให้เสียงเบา ฮือๆๆ ไม่เสียทีที่เอ็นดู
โม่ฮั่นอี่ว์ราวกับถูกขึงอยู่บนเตาไฟ หลังจาก ‘พลิกซ้ายพลิกขวาย่าง’ แล้ว(*หมายถึงถูกทำให้ลำบากใจจากทั้งสองด้านแล้ว) ก็ได้แต่บากหน้า “ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะลดตัว ร่ายรำให้เจ้าสักเพลง!”
“ใครใช้ให้วันนี้เจ้าคือเจ้าของวันเกิดล่ะ!”
ถ้ารู้แต่แรกว่ามากินข้าวแล้วยังต้องร่ายรำ ต่อไปเขาจะหลบเจ้าโม่เยว่ มาตอนที่เขาไม่อยู่จวนอ๋อง!
ทว่าการร่ายรำนี้ของโม่ฮั่นอี่ว์ กลับทำให้หยุนหว่านหนิงต้องทึ่ง
ที่แท้โม่ฮั่นอี่ว์ก็ไม่ได้กินเป็นอย่างเดียว!
เขาถึงกับ เชี่ยวชาญ การร่ายรำ จริงๆ ด้วย!!!
อย่าเห็นเขาอ้วนตุ๊ต๊ะอย่างนี้นะ ท่วงท่าพลิ้วเสียไม่มี…กระทั่งการร่ายรำจบหนึ่งเพลง หยุนหว่านหนิงปรบมือก่อนเป็นคนแรกเลย “ที่แท้อ๋องฮั่นยังถึงกับเป็นราชานักเต้นแห่งยุคที่ปกปิดเอาไว้อีกด้วย!”
การชื่นชมนี้ ทำไมฟังดูแล้วแทงใจอยู่บ้างนะ
ชมเขาว่า ‘ราชานักสู้แห่งยุค’ ยังดี เขาผู้ซึ่งเป็นบุรุษตัวโต…
แล้วยังเป็นอ๋องฮั่น ไฉนถูกชมว่า ‘ราชานักเต้นแห่งยุค’ ไปได้
ใบหน้าชราโม่ฮั่นอี่ว์แดงซ่าน “เอาล่ะ ข้าก็ร่ายรำเสริมบรรยากาศให้เจ้าแล้ว ตอนนี้พอใจแล้วกระมัง ความจริงใจของข้าพอแล้วกระมัง”
“อื่ม พอใช้ได้”
โม่เยว่พยักหน้า นับว่าพอใจอย่างเห็นชัด
เมื่อนั้นโม่ฮั่นอี่ว์จึงหอบหนักนั่งลง กรอกน้ำชาคำใหญ่
แต่น้ำชาเพิ่งจะถึงลำคอก็ได้ยินโม่เยว่ออกคำสั่งไล่แขก “พวกท่านกินก็กินแล้ว ดื่มก็ดื่มแล้ว สมควรไปได้แล้วใช่หรือไม่”
โจวหยิงหยิงที่กำลังกินขนม “???”
โม่ฮั่นอี่ว์ที่เพิ่งวางถ้วยน้ำชา “???”
“น้องเจ็ด นี่เจ้าถึงฝั่งแล้วจะถีบหัวเรือส่งหรือ! ข้าเพิ่งร่ายรำให้เจ้า พริบตาก็จะไล่คนเสียแล้ว?”
“ดึกมากแล้ว”
โม่เยว่ยิ้มน้อยๆ “ข้ากับหนิงเอ๋อร์ก็ต้องพักผ่อนเหมือนกัน”
หยุนหว่านหนิงแสดงออกว่าระอาใจมาก
อะไรเรียกว่าพวกเขาต้องพักผ่อน
พวกเขายังไม่เคยได้พักผ่อนหรือ
ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปาก สายตาของโม่เยว่ก็ทอดตกอยู่ที่ตัวนาง ชูหนึ่งนิ้วแบบเงียบๆ หยุนหว่านหนิงเข้าใจความหมายนี้ นั่นคือหนึ่งหมื่นตำลึง
ทั้งสองต่างทุ่มเงินใส่กัน ใกล้หนึ่งปีแล้ว
นางยังพอเข้าใจการส่งสัญญาณเล็กน้อยเช่นนี้
สามีภรรยาในนามที่ใช้เงินทองการดำรงความสัมพันธ์ ยังพอมีความรู้ใจอยู่บ้าง
หยุนหว่านหนิงเอี้ยวคอทันที “ข้าเหนื่อยแล้ว”
โม่ฮั่นอี่ว์กับโจวหยิงหยิงจึงได้แต่ลุกขึ้นยืนอำลา
หลังจากส่งพวกเขาและโจวเถียนเถียนกลับ หยุนหว่านหนิงก็หันไปมองโม่เยว่ทันที “ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า แค่หนึ่งหมื่นตำลึงข้าไม่เอาด้วยหรอก”
“ใครบอกว่าให้เจ้าหนึ่งหมื่น”
โม่เยว่เหลือบมองนาง
หยุนหว่านหนิงตะลึง “หรือว่าเจ้าจะให้ข้าแค่หนึ่งพัน? เจ้าทำลงหรือ!”
โม่เยว่เดินผ่านข้างตัวนางไป ทิ้งไว้เพียงคำพูดลอยๆ “หนึ่งแสนตำลึง”
“หนึ่งแสน?!”
หยุนหว่านหนิงตะลึงอีกครั้ง ตามไปด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง “ท่านอ๋อง! วันนี้ข้าเตรียมของขวัญวันเกิดให้เจ้าด้วยนะ ไม่อย่างนั้นเจ้าก็เบิกจ่ายให้ข้าด้วยเลยแล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ของขวัญวันเกิด’ ฝีเท้าโม่เยว่ก็หยุดชะงัก “เค้ก?”
เขายังจำคำพูดของหยวนเป่าได้
หากหยุนหว่านหนิงต้องการเค้ก ปะป๊าช่องว่างต้องมอบให้แน่…
แต่ประเด็นคือ นางไม่ให้เขาหรอก!
“ไม่ใช่ นี่ต่างหาก!”
นางล้วงพู่หยกออกมาจากหน้าอกอันหนึ่ง “ข้าเห็นมันสวยดี เจ้าจะหาช่างแกะสลักชื่อให้เจ้าก็ได้นะ”
ตอนบ่ายรีบเกินไป นางไม่ทันให้คนแกะสลักชื่อของเขา
พู่หยก?
โม่เยว่รับมาพินิจ พู่หยกนี้เนื้อใสทะลุ
ถืออยู่ในมือ เนื้อนวลอุ่น
เป็นหยกชั้นเลิศโดยแท้
“ข้าจะเอาของพรรค์นี้ไปทำอะไร ห้องเก็บสมบัติในจวนอ๋องมีเกลื่อนไปหมด”
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่เขาก็เก็บมันเข้าที่อกอย่างมีสติสัมปชัญญะดียิ่ง
ภายนอกดูรังเกียจ แต่ไหนเลยจะรู้ ในอนาคตอันใกล้…พู่หยกชิ้นนี้กลับช่วยชีวิตเขา!