อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 205 ท่านอ๋องทุ่มเงินทำให้ประหลาดใจ
เห็นบนพื้น โต๊ะ ล้วนมีหีบอยู่เต็มไปหมด!
แล้วยังมีกล่องผ้าแพรใหญ่น้อย กองเป็นภูเขาลูกเล็กๆ
หีบกับกล่องผ้าแพรปิดผนึกอย่างดี ไม่เคยถูกคนเปิดออก
เมื่อได้ยินเสียงหยุนหว่านหนิงตกใจ หรูเยียนก็รีบเข้ามา “พระชายา มีอะไรหรือเจ้าคะ”
“นี่ มันอะไรกันเนี่ย”
หยุนหว่านหนิงกะพริบตาปริบๆ “ตอนแรกข้ายังนึกว่าเรือนชิงหยิ่งถูกยกเค้า! ”แต่มิจฉาชีพที่ไหนจะโง่แบบนี้ ดันเอาของเยอะแยะมากองทิ้งที่นี่ได้
“มิจฉาชีพ?”
หรูเยียนแสดงออกว่าฉงนฉงาย ฟังไม่เข้าใจว่ามันคือสิ่งใด
อึ้งครู่หนึ่ง “ท่านอ๋องก็คือมิจฉาชีพคนนั้นเจ้าค่ะ”
“ท่านอ๋อง?”
หยุนหว่านหนิงตกใจ “โม่เยว่ส่งของพวกนี้มาหรือ”
“เจ้าค่ะ!”
หรูเยียนเดินเข้าไป ยิ้มชี้หีบและกล่องที่อยู่ด้านข้าง “พระชายา ท่างอ๋องบอกว่านี่คือจะให้ท่านประหลาดใจ ท่านต้องแกะด้วยตนเอง จะให้คนอื่นทำแทนไม่ได้เจ้าค่ะ”
“ประหลาดใจ?”
หยุนหว่านหนิงเบะปาก “เขาจะทำอะไรให้ข้าประหลาดใจได้ คงไม่ทำให้ข้าหัวใจวายกระมัง”
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่นางก็ดีใจมาก
เมื่อครู่ได้ยินหรูเยียนบอกว่าโม่เยว่ส่งของเหล่านี้มา นางยังนึกว่าโม่เยว่จะขนของของตัวเอง ยกครัวมาที่เรือนชิงหยิ่งเสียอีก
จากนั้นต่อไปก็พักอาศัยอยู่ที่นี่ไม่ยอมกลับ!
แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นการทำให้ประหลาดใจ นางจึงไม่สนใจจะล้างหน้าบ้วนปาก นั่งขัดสมาธิเริ่มแกะหีบทันที
นึกถึงเมื่อก่อน ตอนที่ยังไม่ได้มาที่เฮงซวยแห่งนี้ เรื่องที่นางชอบทำที่สุด ก็คือการแกะพัสดุ
การแกะพัสดุช่างทำให้คนมีความสุขมากจริงๆ!
เดิมคิดว่ามาที่นี่จะไม่ได้แกะพัสดุแล้ว…คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ โม่เยว่จะส่งหีบเอย กล่องผ้าไหมเอยมาเยอะแยะอย่างนี้ พอให้นางแกะทั้งช่วงเช้าเลยล่ะ
หยุนหว่านหนิงสีมือแล้วจึงเริ่ม
แกะหีบใบแรก ข้างในคือชุดกระโปรงหรูฉวิน(*ชุดกระโปรงแบบหนึ่งในสมัยโบราณ)ที่พับเรียบร้อยหนึ่งชุด
นางไม่รู้ว่าเป็นผ้าอะไร แต่ลูบแล้วเย็นสบายมาก
ใส่ผ้าแบบนี้ในวันอากาศร้อนแผดเผา เหมาะที่สุด
หีบใบใหญ่สองสามใบ ข้างในแทบจะเป็นชุดกระโปรงใหม่เช้งวับ เนื้อผ้าชั้นดีและทำเป็นชุดเรียบร้อยแล้ว แล้วยังถึงกับมีชุดทางการของพระชายาหมิงโดยเฉพาะอีกสองชุด
เมื่อเห็นชุดทางการ หยุนหว่านหนิงก็ชะงักไปเล็กน้อย
แต่งเข้าจวนอ๋องสี่ปีแล้ว ก็มีแต่วันนี้นี่แหละ ที่ได้มีชุดทางการเป็นของตัวเอง
โม่เยว่เขา…
คิดทำอะไรกันแน่
เมื่อเห็นนางตะลึง หรูเยียนจึงรีบอธิบาย “พระชายา ยังมีกล่องผ้าไหมอีกหลายใบนะเจ้าคะ!”
เมื่อนั้นหยุนหว่านหนิงจึงได้สติ
เปิดกล่องผ้าไหม ข้างในหากไม่ใช่ปิ่นมุก ปิ่นหยก ปิ่นทองคำ ปิ่นดอกไม้ ก็คือกำไลหยก แหวนหยก ปลอกเล็บยาว หรือไม่ก็เป็นพวกสร้อยคอ ต่างหู พู่หยก และขนาดว่าเครื่องประดับศีรษะก็ยังมีหลายชุด
นอกจากนี้ ยังมีเยียนจือ(*แป้งสีชาด ใช้แต่งริมฝีปากและแก้ม) แป้งน้ำ เครื่องหอม…
“โม่เย่ว่หมายความว่าอย่างไรเนี่ย”
นางขมวดคิ้วมุ่น
ไม่มีความตื่นเต้นดีใจอย่างที่คาดหมาย แต่หัวคิ้วกลับขมวดเป็นปม
หรูเยียนหยั่งถาม “พระชายา ไม่ชอบของเหล่านี้หรือเจ้าคะ”
“ท่านอ๋องบ้านเจ้าจะทำอะไรกันแน่”
หยุนหว่านหนิงถามอีก
หรูเยียนวางกล่องผ้าไหมในมือ “บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ หรูโม่ส่งของเหล่านี้มา บอกว่าหลายวันก่อนท่านอ๋องสั่งให้นำพวกเครื่องประดับเสื้อผ้าที่นิยมและแพงที่สุดในเมืองหลวงมามอบให้พระชายาเจ้าค่ะ”
“ชุดทางการเหล่านี้ ก็หาช่างตัดเย็บที่ดีที่สุดในเมืองหลวงทำไว้นานแล้ว”
“ระยะนี้หรูโม่ยุ่งอยู่กับการกวาดร้านใหญ่ๆ ในเมืองหลวง…”
เมื่อนั้นหยุนหว่านหนิงก็ยิ่งสับสน “เขามีเงินเหลือเฟือไม่มีที่จะใช้หรือ ถึงได้ทุ่มเงินซื้อของพวกนี้”
โม่เยว่กำลัง…เอาใจนาง?
หรือว่าชดเชยนาง?
หรือว่าจะมีแผนการอะไร ต้องการให้นางช่วยเขาทำธุระให้สำเร็จ ก็เลยซื้อใจนางไว้ก่อน?
หยุนหว่านหนิงเท้าคาง มองหีบและกล่องผ้าไหมที่กองเกลื่อนพื้นอย่างมีความคิด
ทันใดนั้นหยวนเป่าก็ออกมา
หลังจากเขาถูกเสียงข้างนอกรบกวนจนตื่น ก็สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยด้วยตัวเองก่อนจะลงจากเตียง เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว เขาก็ตะลึงก่อน จากนั้นก็เดินมาอยู่ข้างกายหยุนหว่านหนิงอย่างสุขสันต์
“ท่านแม่ ท่านดูสิ ของเหล่านี้ชอบหรือไม่”
หยวนเป่าไม่ตกใจ ทั้งยังทำหน้าดีใจอีก
หยุนหว่านหนิงงุนงง “เจ้าลูกชาย นี่มันอะไรกัน หรือว่าเจ้ารู้”
“ใช่!”
หยวนเป่าพยักหน้าอย่างจริงจัง “นี่คือที่ข้าพูดเอง ข้าบอกว่าพ่อเก๊ไม่ดีกับท่าน ท่านมีแต่กำไลหยกแค่วงเดียว ดูแล้วยากจนข้นแค้นเหลือเกิน”
“สงสัยว่าพ่อเก๊จะรู้สึกละอายใจ ก็เลยลงมือใช้การกระทำกระมัง”
หยุนหว่านหนิงตกใจจนอ้าปากค้าง
ไม่ใช่เพราะหยวนเป่าบอกว่า เขารู้ว่าโม่เยว่เป็นคนส่งของพวกนี้มา
แต่เป็น… ‘ท่านมีแต่กำไลหยกแค่วงเดียว’ คำนั้นต่างหาก!
ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเห็นกำไลหยกวงนี้ของนางหรอกหรือ!
นึกถึงเมื่อวาน ตอนที่ซ่งจื่ออวี๋มองข้อมือนาง สายตาแปลกๆ เห็นชัดว่าเห็นกำไลหยกของนางแล้ว
หรือว่าหยวนเป่าก็เห็นเหมือนกัน!
โม่เยว่ไม่ได้คัดค้านคำพูดของหยวนเป่า หรือเป็นเพราะเขาก็เห็นด้วย!
จะเป็นได้อย่างไร!
หยุนหว่านหนิงก้มหน้ามองกำไลหยก ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง!
นางยกมือขึ้นถามหยวนเป่า “เจ้าลูกชาย เจ้าว่ากำไลหยก…เป็นแบบไหนหรือ”
หรูเยียนทำหน้างง “กำไลหยกอะไรเจ้าคะ พระชายา ข้อมือท่านมีกำไลหยกที่ไหนกัน”
หยวนเป่ายื่นมือชี้กำไลหยกของนาง ตอบตามสัตย์จริง “ก็คือกำไลหยกขาวธรรมดา ดูไม่มีอะไรเป็นพิเศษ”
หยุนหว่านหนิงลุกขึ้นยืนพรวดด้วยความระทึก
ตอนนี้ที่ชัดเจนแล้วก็คือ หยวนเป่าเห็นกำไลหยกของนาง หรูเยียนไม่เห็น!
โม่เยว่กับซ่งจื่ออวี๋ก็เห็น ไม่รู้ว่ายังมีคนอื่นเห็นอีกหรือไม่
ซ่งจื่ออวี๋เห็นก็ช่างเถอะ เขาไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
แต่หยวนเป่ากับโม่เยว่…
นางต้องพิสูจน์ความจริง
หยุนหว่านหนิงเปิดประตูออกไป
แม่นมจางกำลังกึ่งนอนตากแดดอยู่ที่ทางเดิน พิงที่กั้นอย่างขี้เกียจ เผยอปากเล็กน้อย เสียงกรนดังออกมาจากปากนางแผ่วเบา
ยัยแก่นี่ เช้ามาก็แอบอู้แล้ว!
หยุนหว่านหนิงเตะนางเบาๆ “แม่นมจาง”
แม่นมจางสะดุ้ง รีบเช็ดน้ำลายที่ไหลย้อย คลานขึ้นมาอย่างเร็วรี่ “พระชายามีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ”
“เจ้าดูข้อมือข้าดีๆ สิ มีอะไร”
หยุนหว่านหนิงยื่นมือที่สวมกำไลหยกออกมา แกว่งทีหนึ่งให้นางดูให้ละเอียด
แม่นมจางดูข้อมือที่ว่างเปล่า ยังนึกว่าตัวเองตาฟากฟาง นางขยี้ตาแรงๆ “ไอ้หยา! พระชายา!”
เมื่อได้ยินคำนี้ หยุนหว่านหนิงยังนึกว่านางมองเห็นอะไร
รีบถาม “มีอะไรหรือ”
แม่นมจางขยี้ตาอีก เงยหน้าขึ้นทำหน้าเอ๋อ “บ่าวคงไม่ได้ตาฟางแล้วกระมัง หรือว่ามีอายุตาจะบอดแล้ว ไม่เห็นอะไรเลยเจ้าค่ะ”
หยุนหว่านหนิง “…”
เมื่อเห็นนางพูดไม่ออก แม่นมจางก็รีบพูด “แต่ผิวพรรณของพระชายา ใช้คำศัพท์ที่บ่าวเคยได้ยินมาบรรยาย”
“นั่นเรียกว่าบอบบางจนต้องลมอาจสลาย ขาวดุจหิมะดุจหยก เหมือน…”
แม่นมจางขมวดคิ้วมุ่น พยายามคิด “บ่าวคิดออกแล้วเจ้าค่ะ! เหมือนรากบัวขาวหิมะปล้องหนึ่ง!”
หยุนหว่านหนิง “…ข้าว่าเจ้ายังไม่ตื่นดี เจ้ากลับไปนอนเถอะ”
นางแค่มาถาม ไม่ได้ให้ยัยแก่นี่พยายามประจบประแจงสักหน่อย
แต่ก็พิสูจน์เรื่องหนึ่งได้แล้ว แม่นมจางไม่เห็นกำไลหยกที่ข้อมือนาง
ตอนนี้หยุนหว่านหนิงงงยิ่งกว่าเดิม
ทำไมโม่เยว่ หยวนเป่ากับซ่งจื่ออวี๋ถึงมองเห็น แล้วคนอื่นไม่เห็น
ทำไมพวกเขาถึงเห็น!
ขณะกำลังคิด ลุงเว่ยก็เข้ามารายงานแบบรีบๆ ร้อนๆ “พระชายา คุณชายซ่งมีธุระด่วนขอเข้าพบขอรับ!”