อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 206 คุ้มครองให้นางปลอดภัย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 206 คุ้มครองให้นางปลอดภัย
“จื่ออวี๋มาหรือ”
หยุนหว่านหนิงทำอารมณ์ให้กลับเป็นปกติ “เจ้าให้เขารอที่ห้องโถง เดี๋ยวข้าจะไป”
นางเข้าห้องล้างหน้าบ้วนปาก สั่งให้บ่าวไพร่เตรียมสำรับ แล้วพาหยวนเป่าไปที่ห้องโถง
ซ่งจื่ออวี๋รออยู่นานแล้วตามคาด
เมื่อเห็นนางเดินเข้ามา เขาก็วางถ้วยน้ำชาแล้วลุกขึ้นยืน “หว่านหนิง”
แม้ทั้งสองจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่เดือน แต่ด้วยการขอร้องของหยุนหว่านหนิง หลายหน ในที่สุดซ่งจื่ออวี๋ก็ไม่เรียกนางว่า ‘พระชายาหมิง’ แล้ว
ฟังดูห่างเหินเกรงใจกันเกินไป
“จื่ออวี๋ เจ้ามาแต่เช้าขนาดนี้ มีเรื่องอะไรหรือ”
หยุนหว่านหนิงเดินเข้าไปใกล้ หยอกเขา “เจ้าไม่ต้องกินอาหารเช้าหรือ เจ้าที่เป็นสำนักหอดูดาวหลวงว่างงานขนาดนี้เชียว?”
“จะไปหรือไม่ก็เหมือนกัน ข้าไม่ชอบอยู่รวมกลุ่มกับใคร”
ซ่งจื่ออวี๋เอ่ยเรียบ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หากเป็นเรื่องใหญ่ โม่จงหรานย่อมส่งคนมาเชิญเขาไปปรึกษาหารือด้วยอยู่แล้ว
โม่จงหรานรู้ว่าซ่งจื่ออวี๋เป็น ‘ผู้สูงส่งละทิ้งทางโลก’ ไม่ชอบคบค้าสมาคมกับ ‘ผู้ยังมีกิเลส’ ดังนั้นจึงเจาะจงอนุญาตไม่ต้องร่วมประชุมเช้าทุกวัน
“ข้าไม่ใช่คนหรือ”
หยุนหว่านหนิงกลอกตา
ซ่งจื่ออวี๋หัวเราะเบาๆ “นอกจากเจ้ากับท่านอ๋อง”
“จริงสิ ลุงเว่ยบอกว่าเจ้ามาหาข้ามีเรื่องด่วน มีอะไรหรือ”
หยุนหว่านหนิงมองเขาด้วยความสงสัย
ซ่งจื่ออวี๋หยิบยันต์คุ้มครองออกมาจากแขนเสื้อก่อนจะมอบให้ “สิ่งนี้ข้ากับท่านอาจารย์ร่วมแรงกันทำขึ้นเมื่อคืน เจ้าต้องพกติดตัวตลอดเวลา ห้ามทำหายเด็ดขาด”
ยันต์คุ้มครอง?
หยุนหว่านหนิงรับมาด้วยความสงสัย “ให้ยันต์คุ้มครองข้าทำไม”
“ทำไมไม่ให้ลูกข้าอีกอันล่ะ”
“ยันต์คุ้มครองนี้ เจ้าใช้ได้คนเดียว”
ซ่งจื่ออวี๋ส่ายหน้าน้อยๆ “หยวนเป่าไม่จำเป็น”
ฉะนั้น นางต้องการยันต์คุ้มครอง?!
แต่อยู่ดีๆ ทำไมต้องมียันต์คุ้มครองด้วย?
หยุนหว่านหนิงงุนงง “ซ่งจื่ออวี๋ เจ้าพูดมาให้ชัด ทำไมข้าถึงต้องมียันต์คุ้มครอง หรือว่าข้าจะมีเรื่องอะไรหรือ”
นางมีกำไลหยกอยู่ในมือ
ถ้าเจออันตรายอะไร ช่องว่างจะเตือนนางแน่นอน
แต่ช่องว่างไม่มีปฏิกิริยา…
“วิญญาณเจ้าไม่มั่นคง”
ซ่งจื่ออวี๋พูดธรรมดา แต่หยุนหว่านหนิงตกใจจนหน้าซีดเผือด!
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
เพราะตกใจเกินไป มือกระตุก ยันต์คุ้มครองจึงเกือบตกลงพื้น!
ซ่งจื่ออวี๋มองนางด้วยความหมายลึกซึ้ง “หยวนเป่าคงยังไม่ได้กินมื้อเช้ากระมัง ให้เด็กกินก่อนเถอะ หยวนเป่ากำลังโต กินสายเกินไปจะไม่ดีกับสุขภาพ”
หยุนหว่านหนิงรู้ เขาต้องการให้หยวนเป่าออกไป
ด้วยเหตุนี้ นางจึงเรียกหรูเยียนเข้ามา ให้นางพาหยวนเป่าไปห้องอาหาร
ตอนนี้ในห้องโถงจึงเหลือพวกเขาเพียงสองคน
“มีอะไรเจ้าก็พูดมาตรงๆ อย่าทำให้ข้าตกใจ”
หยุนหว่านหนิงมองเขาด้วยสายตาหวาดหวั่น “ข้าขวัญอ่อน”
ถ้าเปลี่ยนเป็นเสวียนซันเซียนเซิงอยู่ตรงหน้า ต้องหัวเราะเยาะนางแน่
แต่คนผู้นี้คือซ่งจื่ออวี๋
เขาเปลี่ยนบุคลิกอ่อนโยนดั่งหยกในปกติ ยามนี้มีกลิ่นอายเย็นเฉียบรายล้อมอยู่รอบตัว ทั้งเนื้อทั้งตัวราวกับเพิ่งลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า มาถึงพื้นพิภพด้วยท่วงท่าแห่งเซียนมนุษย์
ซ่งจื่ออวี๋ในเวลานี้ มีความน่าเกรงขามมาก!
หยุนหว่านหนิงแอบสะดุ้งใจ!
“เจ้าไม่ควรอยู่บนโลกใบนี้”
ซ่งจื่ออวี๋ไม่อ้อมค้อม ประโยคแรกก็ทำให้หยุนหว่านหนิงตกใจแล้ว!
รู้ม่านตานางหดเล็ก มองเขาอย่างเหลือเชื่อ…
“ท่านอาจารย์เคยบอก ผู้ที่ไม่สมควรอยู่ในสถานที่แห่งนี้ สามจิตเจ็ดวิญญาณจะถูกกลืนกินไปทีละน้อย นี่คือกฎของโลกแห่งความเป็นและความตาย ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจรอดพ้น”
เหมือนกับที่คิด!
ซ่งจื่ออวี๋กับเสวียนซันเซียนเซิงรู้ความเป็นมาของนาง!
หยุนหว่านหนิงตกใจจนพูดไม่ออก
สองมือนางสั่นระริก
เพียงเพราะคำว่า ‘ผู้ที่ไม่สมควรอยู่ในสถานที่แห่งนี้ สามจิตเจ็ดวิญญาณจะถูกกลืนกินไปทีละน้อย’ ของซ่งจื่ออวี๋!
นี่มิใช่จิตวิญญาณแตกสลายหรือ!
ไม่ได้!
ถ้าจิตวิญญาณของนางแตกสลาย หยวนเป่าจะทำอย่างไร!
หยุนหว่านหนิงทิ้งได้ทุกอย่าง แต่จะทิ้งบุตรชายไม่ได้!
ในเมื่อซ่งจื่ออวี๋กับเสวียนซันเซียนเซิงรู้ความลับของนาง…หยุนหว่านหนิงลุกขึ้นยืน คว้ามือของซ่งจื่ออวี๋หมับ สายตาจดจ่อ “จื่ออวี๋ ในเมื่อรู้ความลับของข้าแล้ว”
“จะเก็บเป็นความลับหรือไม่ไม่สำคัญ! ข้าจะขอเจ้าเพียงอย่างเดียว ต้องช่วยข้านะ ข้าจะทิ้งลูกข้าไปไม่ได้!”
เนื่องจากร้อนรนและกลัวมาก ปากของหยุนหว่านหนิงจึงสั่น มีประกายน้ำตาระยิบระยับ
เดิมทีนางคิดว่าตัวเองไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น
นึกว่านางสามารถแข็งแกร่ง ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้นได้จริงๆ!
มีเพียงบุตรชายที่เป็นจุดอ่อนของนาง!
นางจะสูญเสียเขาไปไม่ได้!
ตอนนี้หยุนหว่านหนิงกลัวจริงๆ แล้ว!
“หว่านหนิง เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ”
ซ่งจื่ออวี๋ก้มหน้ามองมือที่ถูกนางจับ เนื่องจากนางออกแรงมากเกินไป หลังมือของเขาจึงเป็นสีขาวนิดๆ เจ็บมากๆ
ทว่าสายตาของกลับซับซ้อน
“เมื่อวาน ที่ข้ากลับไปภูเขาหยุนอู้เพื่อหารือเรื่องนี้กับท่านอาจารย์นั่นแหละ”
ที่แท้เขาก็รู้ความลับของนางนานแล้ว!
ที่เมื่อวานซ่งจื่ออวี๋กลับภูเขาหยุนอู้ก็เพื่อนาง!
หยุนหว่านหนิงซาบซึ้งใจ หยาดน้ำตาไหลรินอาบพวงแก้ม “จื่ออวี๋…”
“อย่าเพิ่งร้อนใจ ยังมีข้ากับท่านอาจารย์อยู่นะ”
ซ่งจื่ออวี๋ยิ้มน้อยๆ “ท่านอาจารย์ถ่ายพลังสิบปีลงไปในยันต์คุ้มครอง ข้ากับท่านอาจารย์จะพยายามคิดวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ก่อนที่พลังในนั้นจะหมด”
“ฉะนั้นก่อนจะถึงวันนั้น ยันต์คุ้มครองจะห่างตัวเจ้าไม่ได้เป็นอันขาด”
“ข้ารู้แล้ว”
หยุนหว่านหนิงก้มหน้า น้ำตาตกลงบนรองเท้าทีละหยด
นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้
แต่จะว่าไปก็มีเหตุผล วัฏจักรชีวิตคือกฎของธรรมชาติ นางปรากฏตัวออกมาเฉยๆ เป็นการขัดขืนกฎ ทั้งหมดนี้ไม่สอดคล้องกับเหตุผลแต่แรก
แต่ทุกสิ่งที่ซ่งจื่ออวี๋กับเสวียนซันเซียนเซิงทำให้ กลับทำให้นางซาบซึ้งใจยิ่งกว่า
ดูท่านางไม่ได้ทำของอร่อยพวกนั้นให้เสวียนซันเซียนเซิงเสียเปล่า ฮือๆๆๆ…
หยุนหว่านหนิงเช็ดน้ำตา
“จริงสิ จื่ออวี๋ ในเมื่อเจ้ารู้ความลับของข้าแล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้า”
นางยื่นมือออกมา
แสงสุริยาลอดเข้ามาจากหน้าต่าง ส่องสว่างข้อมือขาวปานหิมะ กำไลหยกทอประกายวาววับ
“กำไลหยกของข้าอันนี้ ตั้งแต่มาที่นี่ นอกจากข้าก็ไม่มีใครเห็น แต่ช่วงนี้หยวนเป่า โม่เยว่กับเจ้าต่างเห็นกันหมด สาเหตุเป็นเพราะจิตวิญญาณข้าไม่มั่นคงหรือ”
ซ่งจื่ออวี๋พยักหน้า “เป็นเช่นนี้จริง”
ถ้าเป็นอย่างนี้ ทุกอย่างก็สอดคล้องกันแล้ว
หยุนหว่านหนิงถามสืบต่อ “ถ้าจิตวิญญาณของข้าถูกกลืนกินต่อ จะมีคนมองเห็นกำไลหยกมากขึ้นใช่หรือไม่”
“ใช่”
ซ่งจื่ออวี๋ไม่ปกปิด และไม่ถามความอัศจรรย์ของกำไลวงนี้
เขาเคารพความเป็นส่วนตัวของนาง คุ้มครองนางให้ปลอดภัย
ในใจหยุนหว่านหนิงบังเกิดความรู้สึกซับซ้อนหลากอารมณ์
ทรมาน กังวล ซาบซึ้ง และครั่นคร้าม
สุดท้าย นางก็เก็บยันต์คุ้มครองเข้าไปในช่องว่างอย่างหวงแหนและเห็นเป็นสำคัญ
นี่ถึงจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด และจะไม่ทำหายที่สุด ถ้ากำไลหยกของนางหาย ยันต์คุ้มครองก็จะหายไปด้วย และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะอันตรธานหายไป…
ดังนั้นจะทำกำไลหยกหายไม่ได้
มันดื่มกินเลือดของนาง แทบจะหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับนาง
“ขอบคุณ จื่ออวี๋”
หยุนหว่านหนิงเงยหน้า มองเขาด้วยสีหน้าจริงใจ “เจ้ากับเสวียนซันเซียนเซิงช่วยชีวิตข้า บุญคุณนี้ข้าจะไม่มีวันลืม ขอเพียงต้องการข้า เจ้าก็เอ่ยปากได้ทุกเมื่อ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
ซ่งจื่ออวี๋เบนสายตาออก
ที่เขาช่วยนาง มิใช่เพื่อให้นางจดจำบุญคุณ…