อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 207 กินรังแตนมาหรือ
หลังจากเลิกประชุมเช้า โม่เยว่ก็กลับจวนอ๋องหมิงด้วยความวาดฝันเต็มประดา
เดิมนึกว่าเขาทุ่มเทกายใจมอบความประหลาดใจให้หยุนหว่านหนิง กลับถึงจวนต้องมีสวัสดิการอย่าง ‘การต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ถามไถ่อย่างห่วงใย’ กระมัง
ไหนเลยจะรู้ ครั้นเข้าประตูมา จวนอ๋องกลับเงียบกริบ
หยุนหว่านหนิงไม่อยู่ในห้องโถง
เขาไปเรือนชิงหยิ่ง หรูเยียนจัดเก็บของที่ส่งมาแต่เช้าตรู่เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว
เรือนชิงหยิ่งเงียบไร้สุ้มเสียง
“หรูเยียน?”
โม่เยว่ขมวดคิ้ว “พระชายาล่ะ”
“อยู่ในห้องเจ้าค่ะ”
หรูเยียนชี้ “พระชายาตื่นแต่เช้าไม่ค่อยสดชื่น หลังจากกินมื้อเช้าแล้วก็กลับมานอนอยู่ในห้องเจ้าค่ะ ท่านอ๋อง ท่านเข้าไปดูพระชายาเถอะ”
“ไม่สดชื่น?”
โม่เยว่คิดไม่ถึงเล็กน้อย
ในสายตาของเขา หยุนหว่านหนิงมักมีท่าทางกระปรี้กระเปร่ากำลังเต็มพิกัดเสมอ
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่านางไม่สดชื่น…
เมื่อคืนนานก็นอนหลับปุ๋ยดีนี่?!
โม่เยว่เข้าห้องด้วยความฉงนใจเต็มอก
และเขาก็เห็นหยุนหว่านหนิงซึมเซานอนอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยดังคาด เมื่อเห็นเขาเข้ามา แม้แต่หนังตาก็ไม่ชายมาสักนิด นางจ้องขื่อ คล้ายกำลังเหม่อลอย
โม่เยว่เดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ ยื่นมือทาบหน้าผากของนาง
ไม่ร้อนนี่
ทำไมเป็นอย่างกับเป็นบุปผาเหี่ยวเฉาอย่างนั้นล่ะ
“เป็นอะไรไป”
เขามองนางด้วยความงุนงง
ตอนนี้เอง หยุนหว่านหนิงจึงค่อยๆ ดึงสติกลับมา นางมองโม่เยว่แวบหนึ่ง สายตาเหม่อลอย น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย “โม่เยว่ ข้าถามเจ้าหน่อย”
“เจ้าถาม”
“ถ้าข้าตายไป เจ้าจะรักทะนุถนอมหยวนเป่ามากๆ หรือไม่”
สีหน้าหยุนหว่านหนิงคับแค้นใจ “เจ้าจะแต่งภรรยาใหม่ จะมีลูกอีกหรือไม่ ได้ยินว่าพอมีแม่เลี้ยงก็จะเหมือนมีพ่อเลี้ยง เจ้าจะทารุณหยวนเป่าหรือไม่”
โม่เยว่ขมวดคิ้ว นี่มันคำถามเพ้อเจ้ออะไรกัน
เห็นเขาขมวดคิ้วไม่ตอบ หยุนหว่านหนิงพลันหัวเราะเย็นชา
นางผลักมือโม่เยว่ออก “ข้ารู้ เจ้าแค้นข้าเข้ากระดูกดำ อยากให้ข้าตายแล้วไปเกิดเร็วๆ…”
“ไม่ เจ้าอยากให้ข้าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด! อยากให้จิตวิญญาณข้าแตกสลาย!”
“เจ้าคือท่านอ๋องของราชวงศ์ ถึงข้าตาย ถึงเจ้าจะมีหยวนเป่าลูกชายคนนี้แล้ว เจ้าก็ยังไม่พอใจแน่ เจ้าจะแต่งงานใหม่ มีชายารอง มีอี๋เหนียง มีลูกอีกเป็นครอก!”
พูดไปพูดมา หยุนหว่านหนิงก็ร้องไห้ “แล้วลูกชายผู้น่าสงสารของข้าก็จะถูกเจ้าลืมอยู่ข้างหลัง”
“ถูกผู้หญิงของเจ้าทรมาทรกรรม ถูกลูกๆ ของเจ้าดูถูกเยาะเย้ย”
โม่เยว่ “…ที่เจ้าพูดนี่มันเป็นเรื่องไร้สาระอะไรกัน”
อยู่ดีๆ พูดเรื่องตายทำไม
แถมยังคิดฟุ้งซ่านมากมาย อยู่ดีๆ จะหาเรื่องมาทะเลาะกับเขาอีกแล้วใช่หรือไม่
เขาขมวดคิ้วมองนาง ยังไม่ทันเอ่ยปากก็ถูกคำพูดของนางทำให้จุก “โม่เยว่ เจ้ามันผู้ชายทรยศ! เจ้าผิดต่อข้า ผิดต่อลูก!”
หัวคิ้วของโม่เยว่ขมวดแน่นกว่าเดิม
“หรูเยียน!”
ทันใดนั้นเขาก็หันไปตะโกนกับข้างนอกประตู
หรูเยียนเข้ามาพลัน “ท่านอ๋องมีอะไรจะสั่งเจ้าคะ”
“พระชายาบ้านเจ้า ตื่นมาตอนเช้ากินรังแตนไปหรือ”
หรูเยียนงุนงง “ไม่…”
“ไม่แล้วทำไมถึงได้กระฟัดกระเฟียดเช่นนี้ เมื่อคืนยังดีๆ อยู่ วันนี้ข้าก็ไม่ได้ยั่วโมโหนาง เจ้ามาถามพระชายาบ้านเจ้าดูสิ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ โม่เยว่ก็อดนึกถึงเรื่องหนึ่งไม่ได้
หลายวันก่อน หยุนหว่านหนิงฝันว่าเขาแต่งชายารอง
เช้าวันถัดมาก็ทะเลาะกับเขายกใหญ่ ด่าทอว่าเขาเป็นผู้ชายทรยศ เลวทรามยิ่งกว่าสุนัข ก่นด่าเขาจนเสียหายเละเทะไปหมด!
โม่เยว่แสดงออกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม!
ตอนนี้ หรือว่าเมื่อคืนจะฝันถึงอะไรอีกแล้ว
ครั้นเห็นหยุนหว่านหนิงที่โมโหโกรธา รวมถึงโม่เยว่ที่ระอาใจสุดแสนแล้ว หรูเยียนอึดอัดใจเหลือเกิน
“หรูเยียน เจ้าออกไปก่อน”
หยุนหว่านหนิงกลับเอ่ยเบาๆ ขึ้นกะทันหัน
หลังจากหรูเยียนออกไป นางจึงพูดกับโม่เยว่อย่างจริงจัง “มนุษย์ย่อมต้องตาย จะตายช้าตายเร็วก็คือตาย ข้าแค่สมมุติ ถามความเห็นจากเจ้าเท่านั้น”
“สมมุติ? นั่นเจ้าแค่ถามความเห็นข้า?”
โม่เยว่กุมหน้าผาก
นางแทบจะกระโดดขึ้นมาชี้จมูกด่าเขาแล้วนะ!
“ก็ได้ ข้ายอมรับว่าท่าทีของข้าเกินไปอยู่บ้าง แต่โม่เยว่ ข้าจะบอกเจ้าจากใจ ในโลกนี้คนที่ข้าห่วงที่สุดก็คือลูกชายของข้า”
หยุนหว่านหนิงสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยทีละคำ “ถ้าวันหนึ่งข้าตายไป”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะดูแลหยวนเป่าให้ดี”
อาจเพราะกลัวว่าโม่เยว่จะไม่ยินยอม นางจึงใช่ทางเคร่งขรึมเอ่ย “เพราะ หยวนเป่าไม่ใช่แค่ลูกชายของข้า แต่เป็นลูกชายของเจ้าด้วย”
หยุนหว่านหนิงเสริมอีก “เจ้ารู้แต่แรกแล้ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่นางบอกว่าหยวนเป่าเป็นบุตรชายของโม่เยว่อย่างจริงจัง
โม่เยว่พลันระทึก
หลังจากผ่านพ้นความระทึก ก็ยื่นมือออกไปแตะหน้าผากนางอีก “ทำไมวันนี้เอาแต่พูดเรื่องเพ้อเจ้อ”
ที่เขาหมายถึง คือหยุนหว่านหนิงพูดว่าถ้านางตาย…“เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือไม่ ข้าจะให้หรูโม่เชิญหมอหลวงมาตรวจให้เจ้า”
คนที่นางห่วงที่สุดคือหยวนเป่า แล้วเขาล่ะ
เขาคนนี้ที่เป็นสามี ไม่นับเป็นอะไรในใจนางเลยหรือ!
โม่เยว่รู้สึกขมขื่นเล็กน้อย ขมวดคิ้วเป็นปม
ใจคิดระเบิดอารมณ์ แต่อีกใจก็สงสารอย่างไม่มีสาเหตุ ดังนั้นจึงมองนางอย่างอดทน
“ข้าไม่สบายตรงไหนก็รักษาเองได้ ไม่ต้องถึงหมอหลวงหรอก”
หยุนหว่านหนิงหันตัวไปแบบเนือยๆ นอนอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟย “ข้าแค่สะท้อนใจเท่านั้น”
“ได้ๆๆ ข้ารับปากเจ้า ถ้าเจ้าตาย ข้าจะต้องดูแลหยวนเป่าอย่างดีแน่นอน และจะไม่แต่งงาน มีลูกอีก จะไม่ให้ใครรังแกหยวนเป่าทั้งนั้น”
ครั้นเห็นนางซึมเซา โม่เยว่จึงนึกว่านางกังวลเรื่องนี้
หรูโม่พูดถูก
ผู้หญิงเนี่ย ชอบคิดฟุ้งซ่าน!
อยู่ดีๆ ก็คิดเรื่องพวกนี้ มิใช่หาความทุกข์ให้ตัวเองหรอกหรือ
โม่เยว่ส่ายหน้าด้วยความจนใจ
หยุนหว่านหนิงวางใจลงเล็กน้อย แต่ก็ยังทุกข์ใจอยู่
นางไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้…ถึงซ่งจื่ออวี๋จะปลอบใจแล้วปลอบใจอีก บอกว่าเขากับเสวียนซันเซียนเซิงจะต้องหาหนทางแก้ไขได้แน่นอน
แต่เขาก็บอกเหมือนกัน นี่คือกฎของโลกแห่งความเป็นและความตาย ไม่ว่าใครก็มิอาจรอดพ้น
แล้วนางจะเป็นข้อยกเว้นได้อย่างไร!
หยุนหว่านหนิงถอนหายใจแผ่วเบา รู้สึกว่าตัวเองใกล้จะตายแล้ว
เมื่อเห็นนางราวกับบุปผาเหี่ยวเฉา โม่เยว่ก็จนใจจะถาม จึงเอ่ย “ของที่ข้าให้เจ้า ชอบหรือไม่”
“ก็ดี”
หยุนหว่านหนิงไร้เรี่ยวแรง
นังคนนี้ ดูท่าวันนี้จะอารมณ์ไม่ดีจริง?
“มีอะไรที่เจ้าอยากซื้ออีกหรือไม่ ข้าจะพาเจ้าไปเดินซื้อ”
หรูโม่บอก วิธีการรักษาโรคอารมณ์ไม่ดีของผู้หญิง ก็คือการตะลุยซื้อของอย่างบ้าคลั่ง
แต่เห็นได้ชัดว่าหยุนหว่านหนิงไม่ค่อยสนใจนัก ไม่เงยหน้า “ข้าแค่อยากอยู่เงียบๆ”
น้องต้องการเวลาในการปรับเปลี่ยนอารมณ์ รับกับความจริงเรื่องนี้ และวางแผนสำหรับเหตุการณ์ที่ร้ายที่สุด สำหรับนาง ข่าวนี้กะทันหันอยู่บ้างจริงๆ
“อย่างนั้นข้าจะไปรับหยวนเป่ากลับจวน”
โม่เยว่ลุกขึ้นยืนแล้วออกไป
เขาคิด คนที่หยุนหว่านหนิงห่วงที่สุดก็คือหยวนเป่า ถ้าได้เห็นบุตรชาย นางน่าจะดีใจกระมัง
ไหนเลยจะรู้ เขาออกจากประตูด้วยความหวังเต็มประดา แต่กลับทำหน้าโมโหกลับมา
ตัวยังไม่ถึงเรือนชิงหยิ่ง เสียงเดือดดาลของโม่เยว่ก็ดังเข้ามาแล้ว “หยุนหว่านหนิง เจ้าออกมาเลยนะ!”