อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 21 หยุนหว่านหนิงถูกลอบสังหาร
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 21 หยุนหว่านหนิงถูกลอบสังหาร
หยุนหว่านหนิงพาหรูเยียนกับหรูยี่ มุ่งหน้าไปยังวัดร้างทางตะวันออกของเมืองอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ ยังไม่ถึงเวลาเที่ยงวัน
นางวางแผนไว้ว่าจะสอบถามโหยวเอ้อนั่นก่อน แล้วค่อยกลับไปทำอาหารให้หยวนเป่ากับท่านตา ดังนั้นเวลาจึงกระชั้นชิดเล็กน้อย นางต้องรีบจัดการอย่างรวดเร็วฉับไวถึงจะได้
เมืองหลวงถูกแบ่งออกตามที่ตั้ง ทางตะวันออกของเมืองเป็นเขตที่ห่างไกลที่สุด มีประชากรเบาบาง
สถานที่ที่เข้าใกล้ฝั่งเมือง ก็ยิ่งมีวัชพืชรกร้าง ยังมีบ้านเรือนที่ถูกทิ้งร้างอยู่ไม่น้อย
ที่นี่ดูไม่เหมือนกับเมืองหลวงที่ครึกครื้นไม่ธรรมดา ตรงกันข้ามกลับเหมือนสถานที่ที่รกร้างปราศจากผู้คน
หรูเยียนกล่าวอธิบายเสียงเบา “พระชายา ในอดีตทางตะวันออกของเมืองก็ถือว่าครึกครื้นเช่นกัน ต่อมาไม่รู้ว่าทำไม เกิดโรคระบาดขึ้นครั้งหนึ่ง ที่นี่ก็เลยกลายเป็นซากปรักหักพัง”
ชาวบ้านทางตะวันออกของเมือง ต่างก็พากันย้ายออกไป
คนที่ไม่ได้จากไป ล้วนกลายเป็นซากศพทั้งหมด
เนื่องจากเป็นโรคระบาด ราชสำนักก็ไม่สามารถจัดการซากศพเหล่านี้ได้ และไม่สามารถจุดไฟเผาได้
ดังนั้น จึงได้แต่ปิดกั้นพื้นที่แถบนี้เอาไว้ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออก
“จนกระทั่งช่วงหลายปีนี้ที่ผ่านมานี้ พื้นที่แถบนี้ถึงได้มีผู้คนมาสร้างบ้านเรือนขึ้นมาใหม่”
แต่ว่า กลับเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวอย่างมาก
ในพุ่มวัชพืชรกร้าง ยังสามารถเหยียบโดนโครงกระดูกมนุษย์เป็นระยะๆ ยังไม่ได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงอย่างเป็นทางการ แต่ในป่าที่อยู่ไม่ไกลออกไป มีเสียงร้องที่หยาบและแหบแห้งของอีกาเฒ่าดังมา ฟังแล้วทำให้คนกลัวจนขนลุก แผ่นหลังเย็นวาบขึ้นมา
บรรยากาศของที่นี่ ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวมากจริงๆ
“โหยวเอ้อคนนั้นเป็นคนใจกล้าคนหนึ่งเลย ถึงกับกล้ามาซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
หยุนหว่านหนิงมองไปที่วัดร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไป “คือที่นั่นใช่ไหม?”
หรูยี่พยักหน้า “พระชายา โหยวเอ้อคนนั้นเดิมก็ถือได้ว่าเป็นพวกเดนตายคนหนึ่งอยู่แล้ว! คนเช่นนี้ จะกลัวเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?”
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เขาจะไม่กลัวตาย! ในเมื่อไม่กลัวตาย เหตุใดต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่ด้วย?”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ยหยัน
หากว่าคนคนหนึ่งไม่กลัวแม้แต่ความตาย ก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถคุกคามเขาได้
แต่โหยวเอ้อ หลายปีมานี้ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่รกร้างอย่างทางตะวันออกของเมืองมาตลอด ก็เพื่อหลบซ่อนตัวจากการถูกไล่ฆ่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คือคนที่รักตัวกลัวตายคนหนึ่ง ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่ให้ความร่วมมือ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแต่โดยดี!
ระหว่างการสนทนา พวกเขาก็เดินเข้าไปใกล้แล้ว
จากการตรวจสอบของหรูยี่ โหยวเอ้อคนนี้จะทำการเคลื่อนไหว ในตอนกลางคืนทุกคืน
สถานที่ที่มักจะไปบ่อยๆ ก็คือพวกโรงน้ำชากับหอนางโลมพวกนั้น
กลางวัน ก็จะซ่อนตัวนอนอยู่ในวัดร้าง ไม่กล้าแสดงตัว
หยุนหว่านหนิงสามคนกำลังจะเข้าไปในวัดร้าง จู่ๆกลับได้ยินหรูยี่กล่าวเตือนสติเสียงเบา “พระชายาระวัง มีอันตราย!”
อันตราย?
ในเวลาเดียวกันนี้ กำไลหยกที่อยู่บนข้อมือก็เริ่มร้อนขึ้นมา
มือที่อยู่ในแขนของหยุนหว่านหนิง กำมีดสั้นที่อยู่ในแขนเสื้ออย่างเงียบๆ มองดูบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง หรูเยียน หรูยี่ทั้งสามหันหลังชนกัน
ทันใดนั้น คนชุดดำสิบกว่าคนก็วิ่งออกมาจากวัดร้าง
กระบี่ยาวของผู้นำคนชุดดำ แทงมาทางหน้าอกของหยุนหว่านหนิงอย่างดุดัน!
นางกำลังจะควักมีดสั้นมาต้านเอาไว้ หรูยี่ก็ลงมืออย่างรวดเร็วแล้ว กำลังภายในที่ลึกล้ำสะเทือนกระบี่ยาวที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมออกไป!
กระบี่แหลมคมของเขาออกจากฝัก ต่อสู้กับคนชุดดำอย่างรวดเร็ว
หรูเยียนก็มีวรยุทธเช่นกัน
นางปกป้องหยุนหว่านหนิงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เห็นว่ามีคนชุดดำฉวยโอกาสแอบโจมตี นางก็เก็บไม้ที่อยู่บนพื้นขึ้นมาจู่โจมคนชุดดำจนล่าถอยไป
ถึงแม้หรูยี่กับหรูเยียนจะเก่งกาจ แต่คนชุดดำ พุ่งออกมาจากด้านหลังอย่างไม่ขาดสาย
ดูแล้ว เหมือนกับว่ากำลังใช้กลวิธีล้อกล
รู้ว่าไม่สามารถเอาชนะพวกเขาสองคนได้ ก็จะทำให้พวกเขาหมดแรงไปซะ!
“พระชายา พวกเขาคนเยอะกำลังมาก บ่าวกับหรูยี่เกรงว่าจะต้านทานไม่อยู่”
หรูเยียนปกป้องหยุนหว่านหนิงเอาไว้อย่างใกล้ชิด “พระชายาหลบเข้าไปในวัดก่อนเถอะ!”
คนชุดดำขวางทางไปเอาไว้ ถึงแม้พวกเขาจะจากไปในตอนนี้ก็ยากมากเช่นกัน ตอนนี้ได้แต่สู้อย่างสุดกำลังแล้ว!
เพื่อที่จะไม่ขัดแข้งขัดขาพวกเขา หยุนหว่านหนิงแวบตัวเข้าไปในวัดร้างอย่างรวดเร็ว
ฉวยโอกาสนี้ นางจะจับตัวไอ้เวรโหยวเอ้อคนนั้นเอาไว้ แล้วสั่งสอนให้สาสม……ไหนเลยจะรู้ว่านางเพิ่งเข้ามาในวัดร้าง ก็เห็นเงาวิ่งออกไปจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว
คนที่หนีไป ก็คือโหยวเอ้อ!
หยุนหว่านหนิงรีบร้อนไล่ตามไป
แต่ว่าโหยวเอ้อคุ้นเคยกับภูมิประเทศแถบนี้มาก พริบตาเดียวก็หายเข้าไปในป่า
ข้างนอกมีเสียงอาวุธกระทบกัน ดึงสติของหยุนหว่านหนิงกลับคืนมา
กลัวว่าไล่ตามไปกลับจะเป็นการติดกับดักแผนการล่อเสือออกจากถ้ำ นางคนเดียวก็ไม่สามารถสู้กับคนชุดดำที่มีวรยุทธพวกนี้ ได้แต่กัดฟันเอาไว้แล้วย้อนกลับมา
คนชุดดำพวกนี้ มาจากไหนกันแน่?
เหตุใดถึงได้รู้ความเคลื่อนไหวของนางได้? !
ตกลงแล้ว คือคนของฉินซื่อเสวีย หรือว่า……
กำลังคิดอยู่ วัดร้างก็ถูกคนใช้เท้าเตะออก คนชุดดำคนหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมกระบี่ยาวในมือ
กระบี่ดูเหมือนจะแฝงพลังแห่งสายฟ้า ตอนที่ฟันลงมาหยุนหว่านหนิงหลบออกไป มีดสั้นที่อยู่ในมือขวางกระบี่ของเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตา หยุนหว่านหนิงไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ยกเท้าขึ้นมาเตะไปที่หว่างขาของคนชุดดำอย่างแรง!
เขาส่งเสียงอู้อี้ออกมา ล้มตัวลงบนพื้น
หยุนหว่านหนิงโน้มตัวไปเก็บกระบี่ยาวที่เขาทำหล่นบนพื้น เพื่อความปลอดภัย เลยแทงคนชุดดำตายในกระบี่เดียว……จากนั้น ก็เฝ้าอยู่ด้านหลังประตูด้วยความประหม่า
หากว่ากล้าเข้ามาอีกคน นางก็จะฟันให้ตายอีกคน!
นานพักใหญ่ เสียงต่อสู้ข้างนอกถึงได้ค่อยๆหยุดลงมา
หยุนหว่านหนิงมองผ่านหน้าต่างผุพังออกไป มีเพียงหรูยี่กับหรูเยียนเท่านั้นที่ยังยืนอยู่
บนพื้นดิน เต็มไปด้วยซากศพ
เลือด ถูกย้อมไปบนพื้นดิน
ลมพัดมาระลอกหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งทำให้คนคลื่นไส้อาเจียน
มองดูศพที่อยู่บนพื้น หยุนหว่านหนิงนับดูคร่าวๆ อย่างน้อยก็มีสามสี่สิบคนเห็นจะได้
ตกลงเป็นใครกันแน่ ถึงได้ทุ่มทุนมาจัดการนางเช่นนี้? !
และในเวลานี้ เห็นเพียง “ศพ” ที่ใต้เท้าของหรูเยียนศพหนึ่ง จู่ๆก็ขยับขึ้นมา เขาจับข้อเท้าของหรูเยียนเอาไว้ แล้วใช้แรงดึงอย่างแรงหรูเยียนก็ล้มตัวลงไปบนพื้น
บนพื้นดิน คือกระบี่แหลมคมที่ออกจากฝัก!
มองเห็นหรูเยียนกำลังจะล้มลงไปถูกกระบี่แหลมคมปาดคอ หรูยี่ดึงนางเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ภายใต้แรงเฉื่อยทั้งสองคนก็ยังล้มลงไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
ขาของหรูเยียน ถูกกระบี่แหลมคมบาดเป็นแผลยาวแผลหนึ่ง!
หยุนหว่านหนิงรีบร้อนวิ่งออกไป เห็นหรูยี่กำลังจะฆ่าคนชุดดำที่ยังไม่ตายคนนั้น รีบร้อนกล่าวห้ามเอาไว้ทันที “เก็บพยานที่รอดชีวิตเอาไว้! ข้าจะสอบสวน!”
หรูยี่ชะงักงันไปครู่หนึ่ง
ในขณะที่ชะงักงัน สายตาคนชุดดำนั่นเป็นประกายขึ้นมา และฆ่าตัวตายด้วยการกัดลิ้นตัวเอง!
ทีนี้ ก็ไม่มีพยานที่รอดชีวิตจากการถูกสังหารแล้ว
โหยวเอ้อก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วแน่น มองดูขาที่เลือดไหลไม่หยุดของของหรูเยียน ภายใต้ความลังเลก็ยังหยิบยาออกมาจากช่องว่าง ใส่ยาและทำแผลให้นาง
นางรู้ว่า หรูเยียนคือคนที่โม่เยว่ส่งมาสอดแนมนาง
แต่ว่า เมื่อครู่นี้นางก็ยังปกป้องนาง……
เห็นหยุนหว่านหนิงทำแผลให้นางโดยไม่พูดอะไรเลย สายตาของหรูเยียนก็ซับซ้อนเล็กน้อย
หรูยี่ตรวจดูศพทั้งหมดแล้ว ถึงได้เดินเข้ามาใกล้ “พระชายา ตกลงท่านไปมีความแค้นอะไรกับใครกันแน่?”
“คนพวกนี้ วรยุทธล้วนไม่ธรรมดาเลย!”
วันนี้ หากนางมาหาโหยวเอ้อคนเดียวจริงๆ เกรงว่าคงจะมีจุดจบที่ต้องตายอยู่บนกองซากศพเป็นแน่!
หยุนหว่านหนิงตัวสั่นอย่างนึกกลัวภายหลัง ส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึม “ข้าก็ไม่รู้! สี่ปีมานี้ข้าไม่เคยออกจากเรือนชิงหยิ่งเลยแม้แต่ครึ่งก้าว ใครเป็นส่งคนพวกนี้มากันแน่ ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”
แต่ว่า ในใจนางกลับคาดเดาได้รางๆแล้ว
นอกจากนางแล้ว ยังมีใครที่จะรีบร้อนเอาชีวิตของนางเช่นนี้อีก? !
ทันใดนั้น เห็นเพียงสีหน้าท่าทางของหยุนหว่านหนิงเปลี่ยนไปกะทันหัน สั่งการต่อหรูยี่ “รีบไล่ตามโหยวเอ้อไป!”
จุดประสงค์ในการมาวันนี้ของพวกเขา ก็คือพาโหยวเอ้อกลับไปที่จวนอ๋องเพื่อสอบสวน
ถ้าหากว่าเขาหนีไปได้ วันหน้าอยากจะจับอีกก็ไม่ง่ายแล้ว!
โหยวเอ้อ คือคนเดียวที่สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของนาง ในเหตุการณ์ของโม่เฟยเฟยได้!