อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 219 กำลังจะเผชิญกับหายนะ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 219 กำลังจะเผชิญกับหายนะ
“อย่ากลัวไปเลย ลูกรัก”
หยุนหว่านหนิงระงับความกังวลในใจเอาไว้ กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ก็แค่ฝันร้ายเท่านั้นแหละ!”
“ในตอนที่แม่ยังเป็นเด็ก ก็มักจะฝันร้ายอยู่บ่อยๆ ท่านยายเจ้าบอกแม่ว่า ความฝันจะตรงกันข้ามกับความเป็นจริง!”
“เจ้าฝันว่าแม่หายตัวไป หมายความว่าแม่จะอยู่ข้างๆหยวนเป่าตลอดไปไง”
นางหยิกใบหน้าของหยวนเป่าเบาๆ “เจ้าฝันว่ามีคนไล่ตามเจ้า แล้วเจ้าก็ตกหน้าผา หมายความว่าทุกคนจะชอบเจ้า และก็จะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี!”
“ไม่ว่าเมื่อไหร่ หยวนเป่าของเราก็ต้องจำเอาไว้ว่า แม่จะอยู่กับเจ้าเสมอ”
เสียงของนางเบาและอ่อนโยนมาก
แตกต่างไปจากรูปลักษณ์ที่รวดเร็วเฉียบขาดในเวลาปกติ ราวกับคนละคน
หรูเยียนก็อดที่จะมองนางอีกครู่หนึ่งไม่ได้
แต่กลับเห็นในดวงตาของหยุนหว่านหนิง เปล่งประกายแสงจากน้ำตา น้ำตาไหลลงมาจากมุมตาของนาง ดวงตาคู่หนึ่งแวววาวมากยิ่งขึ้น สายตามืดมนและก็แฝงไปด้วยความโศกเศร้าสุดจะพรรณนา
เวลานี้ ในใจของหรูเยียนรู้สึกตะลึงงัน!
นางรู้สึกว่าพระชายาในคืนนี้ ดูผิดไปจากปกติเล็กน้อย
หรือว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น? !
หยุนหว่านหนิงยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา ก้มหน้ามองลงไป หยวนเป่านอนหลับไปในอ้อมแขนของนางอีกครั้งแล้ว
นางถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง วางหยวนเป่าเอาไว้บนเตียงอย่างเบามือ ห่มผ้าห่มให้กับเขา
ในคืนนี้ หยุนหว่านหนิงส่ายพัดให้หยวนเป่าทั้งคืน นางไม่ได้นอนทั้งคืน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น สีหน้าของหยุนหว่านหนิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่
หรูอวี้รออยู่ด้านนอกประตูตั้งแต่เช้า เพื่อส่งหยวนเป่าไปตระกูลกู้
เห็นนางออกมาแล้ว เขาลังเลอยู่นาน ท้ายที่สุดก็ก้าวเข้ามาแล้วกล่าวว่า “พระชายา เมื่อคืนนี้นายท่านมอบปิ่นให้ท่าน เหตุใดท่านถึงไม่รับไว้ล่ะ?”
“ทำไมข้าต้องรับเอาไว้ด้วย?”
หยุนหว่านหนิงมองดูอย่างงุนงง
“นี่เป็นครั้งแรกที่นายท่านของเรามอบสิ่งของให้คนอื่น! ครั้งก่อนให้หรูโม่เสาะหาของดีทั่วทั้งเมืองหลวงมามอบให้ท่าน ท่านไม่ได้รู้สึกประทับใจก็ช่างมันเถอะ”
หรูอวี้รวบรวมความกล้าแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “แต่ว่าครั้งนี้ ท่านรู้ไหมว่าปิ่นหยกนั่นล้ำค่ามากแค่ไหน?”
ล้ำค่า? !
หยุนหว่านหนิงหัวเราะออกมา “เจ้าคงไม่ได้รังแกว่าข้าไม่รู้ราคาสินค้าหรอกใช่ไหม?”
คุณภาพและการแกะสลักของปิ่นหยกนั่นน่ะนะ……
เอาเงินมาให้นาง นางก็ยังไม่อยากได้ด้วยซ้ำ!
“ไม่ใช่นะพระชายา ท่านเข้าใจผิดแล้ว!”
หรูอวี้ปรบมืออย่างรีบร้อน “ปิ่นหยกนั่น นายท่านเป็นคนแกะสลักเองกับมือ! ใช้เวลาไปหลายวันหลายคืนเต็มๆ! สองมือของนายท่านล้วนถูกมีดแกะสลักบาดจนแผล”
ได้ยินคำพูดนี้ หยุนหว่านหนิงหยุดฝีเท้าลง “เจ้าว่าอะไรนะ?”
นางหันหน้ามามองดูหรูอวี้ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ปิ่นหยกที่โม่เยว่แกะสลักเองกับมือ?”
“ใช่แล้ว!”
หรูอวี้เกาหัว “เมื่อคืนหรูโม่บอกว่า เพราะการปฏิเสธของท่าน นายท่านหมดอาลัยตายอยาก! เมื่อคืนใช้เวลาทั้งคืน ในการแกะสลักปิ่นหยกใหม่”
“ข้าน้อยร้องขอความเป็นธรรมแทนนายท่าน……”
ความจริงเป็นเพราะว่า เมื่อคืนวานนี้ตอนที่โม่เยว่กลับเข้ามาในจวนอ๋อง คนทั้งคนดูผิดปกติไป
แต่หรูโม่ดันไม่บอกเขา ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่
หรูอวี้ก็เข้าไปใกล้อย่างไม่กลัวตาย สอบถามนายท่านของตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อถามคำถามเช่นนี้ออกมา ไม่ใช่การโรยเกลือไปบนแผลใจของโม่เยว่หรอกหรือ?
ดังนั้น เขาจึงทุบตีเขาเพื่อระบายความโกรธอย่างไม่ลังเล
หรูอวี้น้อยใจ!
หลังจากทุบตีเสร็จแล้ว โม่เยว่ก็กลับเข้าไปในห้อง แกะสลักปิ่นหยกต่อไป
หรูโม่ถึงได้อธิบายที่มาที่ไปของเหตุการณ์ออกมาอย่างชัดเจน หรูอวี้โวยออกมาโดยตรง “ไร้หลักจริยธรรม” หลังจากผ่านการต่อสู้ทางความคิดอยู่ทั้งคืน ท้ายที่สุดเขาก็มา “คิดบัญชี” กับหยุนหว่านหนิงจนได้
“พระชายา ท่านคือสาเหตุที่ทำให้นายท่านอารมณ์ไม่ดี และทุบตีข้าน้อยเมื่อคืนนี้”
เขาถลกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นรอยฟกช้ำที่แขน “พวกนี้ล้วนเป็นอาการบาดเจ็บเล็กน้อยทั้งนั้น บนร่างกายของข้ายังมีอีกเจ็ดแปดแห่ง!”
“ดังนั้นแล้ว?”
หยุนหว่านหนิงกอดอกเอาไว้ มองดูเขาอย่างใจเย็น
“ดังนั้นพระชายาจะทำเป็นไม่เห็นบาดแผลของข้าน้อยหรือ?”
หรูอวี้ลดแขนเสื้อลงด้วยความน้อยใจ “เดิมทีข้าน้อยอยากจะไปหาหมอ แต่ตอนนี้ค่ารักษามันแพงขนาดนั้น……หากว่าข้าน้อยบาดเจ็บอยู่ ยังจะปกป้องคุณชายน้อยอย่างไร?”
ตอนนี้หยุนหว่านหนิงเข้าใจแล้ว
ผู้ชายคนนี้มาเพื่อขู่กรรโชกนางนี่แหละ!
“ว่ามา ต้องการเงินเท่าไหร่เจ้าถึงจะยอมปิดปาก?”
“ไม่มากไม่มาก สิบตำลึงก็พอ”
หรูอวี้รีบแสดงหนึ่งนิ้วออกมา
วันนี้ไม่ได้เสนอเงื่อนไขที่สูง
หยุนหว่านหนิงมองดูเขาด้วยความแปลกใจเล็กน้อย หันหลังไปหยิบเงินจากในห้องยี่สิบตำลึงยื่นให้กับเขา “หากเจ้าไม่ปกป้องลูกชายข้าให้ดี ข้าจะถลกหนังของเจ้า!”
“พระชายาโปรดวางใจ! ข้าน้อยจะต้องปกป้องคุณชายน้อยอย่างเต็มความสามารถแน่นอน!”
หรูอวี้รับเงินแล้วเข้าไป ไม่ช้าก็อุ้มหยวนเป่าออกมา
“ท่านแม่บ๊ายบาย”
หยวนเป่าโบกมือให้นาง
“บ๊ายบายลูกชาย”
หยุนหว่านหนิงมองดูเขาอย่างอาลัยอาวรณ์ “ตอนเย็นแม่กับพ่อเก๊จะมารับเจ้า”
“ทราบแล้วขอรับท่านแม่”
อาจจะเป็นเพราะฝันร้ายเมื่อคืนนี้ ทำให้หยวนเป่ายังคงหวาดผวาอยู่ เขาให้หรูอวี้หยุดลงมา กวักมือให้กับหยุนหว่านหนิง “ท่านแม่ ท่านจุ๊บข้าหน่อย”
หยุนหว่านหนิงใจอ่อนลงมาทันที รีบเดินเข้าไปใกล้แล้วจุ๊บแก้มเล็กๆของเขา
“ยังมีข้างนี้”
หยวนเป่าชี้ไปที่แก้มอีกด้านหนึ่ง หยุนหว่านหนิงทำตามคำพูดจุ๊บไปบนแก้มอีกด้านหนึ่ง
“ยังมีตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ด้วย”
หยวนเป่าชี้ไปที่หน้าผาก จมูก คาง และปากเล็กๆ
หลังจากที่หยุนหว่านหนิงจูบไปทุกที่อย่างไม่เห็นว่ายุ่งยากแล้ว หยวนเป่าถึงได้พึงพอใจ ยื่นมือออกมาจับใบหน้าของนางเอาไว้ แล้วจูบนางไปทั่วไปหน้าเช่นกัน
ถึงได้กำชับนางอย่างไม่วางใจ “ท่านแม่ ท่านจะต้องสุขสบายนะ”
“ตอนเย็นท่านกับพ่อเก๊จะมารับข้า! ท่านต้องกินอิ่มดื่มดีนอนหลับสบายนะ……”
“รู้แล้วล่ะ ตาเฒ่าน้อย”
ในใจของหยุนหว่านหนิงทั้งเศร้าทั้งปลื้ม บิดจมูกเล็กๆของเขาเบาๆ ถึงได้เฝ้าดูหรูอวี้อุ้มเขาออกไปจากจวนอ๋อง
อยากจะร้องไห้ขึ้นมา
หยุนหว่านหนิงกลั้นน้ำตาเอาไว้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อคืนนี้หยวนเป่าฝันร้าย หรือว่าเด็กเล็กรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ดังนั้นวันนี้หยวนเป่าถึงได้ติดนางเช่นนี้
ส่งหยวนเป่าออกไป โม่เยว่ก็เข้าวังไปประชุมเช้าแล้ว
เต๋อเฟยได้สติหรือยัง เบื้องหลังของซุนตาอิ้งยังมีใครอีกกันแน่ แม้กระทั่งอาการป่วยของโม่เหว่ย……
นางล้วนไม่สนใจแล้ว!
ตอนนี้นางต้องหาซ่งจื่ออวี๋ให้เจออย่างเร่งด่วน ถามเกี่ยวกับฝันร้ายของหยวนเป่าเมื่อคืนนี้
นางกลัวว่า……ฝันร้ายจะกลายเป็นจริง!
นับตั้งแต่ซ่งจื่ออวี๋ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสำนักดาราศาสตร์แล้ว โม่จงหรานก็ประทานคฤหาสน์ให้เขาโดยเฉพาะ
แต่ว่าปรมาจารย์ผู้หลีกเร้นจากโลกียวิสัยท่านนี้ ไม่ชินกับการอยู่คฤหาสน์กว้างใหญ่เช่นนี้ ดังนั้นหากไม่มีอะไรซ่งจื่ออวี๋ก็จะกลับไปที่ภูเขาหยุนอู้ ไปอาศัยอยู่กับเสวียนซันเซียนเซิง
ประตูใหญ่ของจวนซ่งปิดสนิท บ่าวรับใช้ให้คำตอบว่าใต้เท้าของพวกเขาออกเดินทางตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา
หยุนหว่านหนิงก็รู้เลยว่า ซ่งจื่ออวี๋คงจะกลับไปที่ภูเขาหยุนอู้แล้ว
ดังนั้นนางจึงเร่งเดินทางไปยังภูเขาหยุนอู้อย่างรวดเร็ว
วันนี้ต้องรีบหน่อย
กลัวแต่ว่าลงเขาช้าไป หยวนเป่ารอนานเกินไป จะผิดหวัง และเป็นห่วงเอา
ใครจะรู้ว่าเมื่อปีนขึ้นภูเขาหยุนอู้ ซ่งจื่ออวี๋กลับไม่ได้อยู่ที่นั่น!
กลับเป็นเสวียนซันเซียนเซิง กำลังนั่งตกปลาอยู่ริมสระน้ำ
บอกว่ากำลังตกปลา แต่บนคันเบ็ดของเขาไม่มีเหยื่อตกปลาเลยแม้แต่น้อย ปลาฝูงหนึ่งแหวกว่ายไปมา หางปลาที่กระดิกไปมานั่น เหมือนกับกำลังเยาะเย้ยว่าเสวียนซันเซียนเซิงเป็นคนโง่เขลา!
“เซียนเซิง”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว “ท่านไม่มีเหยื่อตกปลาเลย ตกความว่างเปล่าอยู่หรือ?”
“เจ้าจะไปรู้อะไร! สมัยโบราณมีเจียงไท่กงตกปลา ตอนนี้มีข้าเสวียนไท่กง ตัวไหนเต็มใจก็มาติดเบ็ด!”
เสวียนซันเซียนเซิงเหลือบมองนางครู่หนึ่ง
หยุนหว่านหนิง: “……เช่นนั้นท่านก็ตกต่อไปเถอะ”
หาซ่งจื่ออวี๋ไม่พบ นางคิดจะลงเขาไปอย่างผิดหวัง
ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ถูกเสวียนซันเซียนเซิงเรียกเอาไว้ เสียงของเขาจริงจังจนไม่สมเหตุสมผล “นังหนูหนิงเจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นนะ! เจ้ารู้ไม่ว่าเจ้ากำลังจะเผชิญกับหายนะแล้ว!”
เพียงแค่คำพูดประโยคเดียว ก็ทำให้หยุนหว่านหนิงหยุดฝีเท้าลง
ใช่แล้ว!
เสวียนซันเซียนเซิงเป็นอาจารย์ของซ่งจื่ออวี๋นี่นา
เหตุการณ์ที่ซ่งจื่ออวี๋สามารถทำนายได้ เสวียนซันเซียนเซิงจะทำนายไม่ได้ได้อย่างไร? !
นางหันกลับมามองดูเขาด้วยความประหม่า กล่าวถามอย่างเรีงรีบ “หายนะอะไร? !”