อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 232 เด็กคนนี้คือพระนัดดาองค์ โต
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 232 เด็กคนนี้คือพระนัดดาองค์ โต
เสียงคุ้นหูอยู่บ้าง และแก่หง่อมไร้เรี่ยวแรง
หยุนหว่านหนิงกระโดดลงจากรถม้า หลังมองเห็นชัดเจนว่าเป็นผู้ใด สีหน้าของนางตกใจพอสมควร “ลุงเฉิน เจ้ามาทำอะไรกัน?”
ผู้มาเยือนคาดไม่ถึงคือพ่อบ้านของจวนอ๋องโจว ลุงเฉิน
“พระชายาหมิง ท่านอ๋องอาการไม่ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ลุงเฉินรีบร้อนเช็ดน้ำตา “หมอหลวงหยางไปตรวจอาการแล้ว บอกว่าท่านอ๋องมีเวลาเหลืออีกไม่มากพ่ะย่ะค่ะ เข้าวังไปกราบทูลฮ่องเต้ ฮ่องเต้จึงรีบให้บ่าวมาเชิญท่านเข้าไปดูสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
โม่เหว่ยอาการไม่ดีแล้ว?
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว “เหตุใดถึงอาการทรุดลงกะทันหัน? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าข้าเอายาไว้ให้แล้วหรือ?”
ยาที่นางเอาไว้ให้ ยังไงก็สามารถทำให้โม่เหว่ยอยู่ได้สักหนึ่งปีหรือครึ่งปีแบบไม่มีปัญหา
นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือน เหตุใดถึงอาการทรุดลงแล้ว
“บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ! บ่าวให้ท่านอ๋องกินยาอยู่ทุกวัน เมื่อสองวันก่อนยาของท่านอ๋องหมดแล้ว บ่าวไปรับยาที่โรงหมอข้างนอก ตามใบสั่งยาของท่านพ่ะย่ะค่ะ”
พอฟังคำพูดนี้……
สีหน้าหยุนหว่านหนิงเปลี่ยนเล็กน้อย “เจ้ารอเดี๋ยว”
“ท่านอ๋อง พวกท่านกินอาหารเย็นกันก่อน หลังกินเสร็จ ท่านพาหยวนเป่าพักผ่อนก่อนเลย มิจำเป็นต้องรอข้ากลับมา!”
นางพูดจาเร็วมาก “ข้าจะรีบไปดูที่จวนอ๋องโจวสักหน่อย”
โม่เยว่ไม่ลังเลสักนิด “ข้าจะตามเจ้าไปด้วยกัน”
“ไม่ต้อง”
นางไม่ได้รับปาก “ท่านไปก็ช่วยเหลืออะไรมิได้!”
หมดหนทาง โม่เยว่จึงได้เพียงทำตาม
หยุนหว่านหันมาหอมแก้มน้อยๆ ของหยวนเป่าอีกที “แม่ไปสักหน่อยก็กลับมา เป็นเด็กดี”
“เข้าใจแล้วขอรับ ท่านแม่”
เพราะว่าเมื่อสักครู่ไม่รู้ว่าลุงเฉินอยู่ หยวนเป่าก็ลงจากรถม้ามาด้วย บัดนี้มองเห็นใบหน้าของหยวนเป่า ซึ่งมีส่วนคล้ายคลึงกับโม่เยว่มาก……
ยังมีคำว่า“ท่านแม่”จากปากเขาอีก สายตาลุงเฉินเป็นประกายเล็กหน่อยครู่หนึ่ง ในใจรู้สึกตื่นตระหนกพักหนึ่ง
เด็กคนนี้ หรือจะเป็นพระโอรสของอ๋องหมิงและพระชายาหมิงงั้นหรือ?
ภายใต้สถานการณ์คับขัน หยุนหว่านหนิงไม่มีเวลามาอธิบายกับเขา “ลุงเฉิน พวกเราไปกันเถิด!”
ออกจากจวนอ๋องหมิงมาแล้ว ลุงเฉินอดถามออกไปไม่ได้ “พระชายาหมิงพ่ะย่ะค่ะ เด็กคนนั้น……”
“ลูกชายข้าเอง”
หยุนหว่านหนิงก็ไม่ได้ปิดบังเขาเช่นกัน
สายตาของลุงเฉินดูฮึกเหิม “ท่านกับอ๋องหมิง มีลูกชายโตเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดพ่ะย่ะค่ะ?”
หรือว่าเป็นจวนอ๋องโจวของพวกเขา ปิดข่าวมากจนเกินเหตุหรือ?
เรื่องราวใหญ่โตเยี่ยงนี้ คาดไม่ถึงพวกเขายังไม่รู้?
“ลุงเฉิน ข้าก็ไม่กลัวว่าเจ้าอายุมากแล้ว พอได้ยินเรื่องแบบนี้จะตื่นตกใจเกินไปจนเป็นลมไปหรอกนะ ข้าจะบอกกับเจ้าตามตรงแล้วกัน นี่ก็คือลูกชายของข้ากับท่านอ๋อง
หยุนหว่านหนิงพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “แต่ว่าเวลานี้ นอกจากลุงเฉินแล้ว หามีผู้ใดรู้ไม่”
“เป็นไปได้เช่นไรกัน?”
ลุงเฉินทำหน้าตื่นตกใจ
“หรือว่า หรือว่าฮ่องเต้และเต๋อเฟยเหนียงเหนียงทุกพระองค์ก็มิทราบหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ใช่แล้ว”
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า “ดังนั้นข้าหวังว่าลุงเฉินจะสามารถเก็บเป็นความลับชั่วคราว”
ลุงเฉินตกตะลึงพรึงเพริด ตกใจจนอ้าปากค้าง……ผ่านไปตั้งนานถึงพูดจาติดอ่าง “เรื่อง เรื่องใหญ่เช่นนี้ เหตุใดไม่ทูลฮ่องเต้และทุกคนไปล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”
ต้องรู้ว่าราชวงศ์ในปัจจุบันนี้ ยังไม่มีพระนัดดาล่ะ
เด็กคนนี้ เป็นถึงพระนัดดาองค์ โต
สถานะสูงศักดิ์หาที่เปรียบมิได้
เรื่องราวใหญ่โต คาดไม่ถึงเจ้าประคูนทูนหัวสองคนนี้กล้าปิดบังฮ่องเต้?
ลุงเฉินไม่รู้ว่าควรบรรยายอารมณ์ในขณะนี้เช่นไร เพียงรู้สึกว่าพระชายาหมิงตรงหน้าท่านนี้มีวิถีทางจัดการเรื่องไม่เหมือนกับธิดาที่มาจากตระกูลใหญ่อื่นๆ……
เป็นคนแปลกเสียจริง
ถ้าหากฮ่องเต้ทราบถึงการมีอยู่ของพระนัดดาองค์ โต ไม่ใช่ว่าจะรักเขาและรักคนรอบตัวเขา ยิ่งจะให้ความสำคัญกับจวนอ๋องหมิงเพิ่มอีกด้วยหรือ?
ไม่รู้ว่าอ๋องหมิงและพระชายาหมิงทั้งสองท่านนี้ คิดเช่นไรอยู่กันแน่
“ลุงเฉิน เจ้าน่าจะรู้ ในฐานะราชวงศ์แม้แต่ความปลอดภัยของตนเองยังรักษาไว้ไม่ได้ ประมาทเพียงนิดเดียว อาจจะโดนคนจัดการจนสิ้นซาก”
สายตาหยุนหว่านหนิงลึกซึ้งและนิ่งสงบ
มุมปากนางโค้งขึ้น บนหน้าเผยรอยยิ้มออกมาชัดเจน
แต่เวลานี้รอยยิ้มเย็นเยือก ทำให้คนสั่นเทาเพราะความกลัว
“ลูกชายของข้ายังเล็กนัก และสถานะพิเศษ ถ้าเกิดถูกผู้ใดรู้เข้า เจ้าคิดว่าเขาจะยังเติบโตได้อย่างสงบสุขกระนั้นหรือ?”
พอพูดออกมาเยี่ยงนี้ ลุงเฉินจึงเงียบงันลง
เขาจะไม่รู้จักอันตรายในฐานะราชวงศ์ได้เยี่ยงไรกันเล่า?
อย่างเช่นท่านอ๋องของตระกูลพวกเขา โม่เหว่ย
“ลุงเฉิน ข้าขอพูดตามตรงแล้วกัน”
หยุนหว่านหนิงพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “สถานการณ์ของอ๋องโจว โดยรวมข้าหาสาเหตุออกมาได้แล้ว ถึงแม้ในช่วงเวลานี้ ข้าไม่ได้มาเยี่ยมเยือนอ๋องโจวถึงจวนก็ตาม”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโม่เหว่ยไม่อยากเจอนาง
คราวก่อนมาที่จวนอ๋องโจว นางทำให้เขาโกรธจนเป็นลมหมดสติไป
หลังฟื้นขึ้นมา โม่เหว่ยคิดเอาเองว่าสูญเสียศักดิ์ศรี ยิ่งแค้นเคืองต่อหยุนหว่านหนิง
รู้ว่าโม่เหว่ยไม่ต้อนรับนาง ดังนั้นนางจึงไม่ได้เป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่องใส่ตัว
“แต่ว่าข้าค้นหาวิธีแก้ไขมาตลอด สวรรค์ไม่ทอดทิ้งผู้ที่ตั้งใจแน่วแน่ จึงถูกข้าค้นหาเบาะแสบางอย่างเจอเข้าจริง และวิธีรักษาอ๋องโจวด้วย”
ลุงเฉินดีใจ “พระชายาหมิงพ่ะย่ะค่ะ ท่านสามารถรักษาท่านอ๋องของบ่าวได้จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เรื่องนี้ ยังต้องการความร่วมมือของอ๋องโจวด้วยถึงจะสำเร็จ”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าเบาๆ “โดยเฉพาะวันนี้ลุงเฉินมองเห็นลูกชายข้าแล้ว หวังว่าเจ้าจักเก็บไว้เป็นความลับอย่างดีได้”
“รอให้มีสักวันที่เป็นโอกาสอันเหมาะสม ข้ากับท่านอ๋องจะพาลูกชายไปเจอเสด็จพ่อและทุกคนด้วยตัวเอง แต่ว่าตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาอันเหมาะสม”
พอได้ยิน ลุงเฉินรีบพยักหน้าทันใด “พระราชาหมิงมิต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ!”
“เรื่องนี้ บ่าวจะปิดไว้เป็นความลับให้ดีพ่ะย่ะค่ะ!”
เห็นเขารับรองด้วยความจริงใจ หยุนหว่านหนิงมองเขาอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง “หวังว่าลุงเฉินจะสามารถรักษาสัญญาไว้! ถ้าเจ้ารักษาความลับเพื่อพวกข้า ข้าย่อมรักษาอ๋องโจวสุดกำลังเป็นธรรมดา”
หากไม่เช่นนั้น……
เห็นในสายตานางปรากฏแสงเย็นเฉียบนิดๆ ขึ้นฉับพลัน ลุงเฉินอดรู้สึกสั่นเทาไม่ได้ “พระชายาหมิงมิต้องห่วงพ่ะย่ะค่ะ! ปากของบ่าวนี้ ปิดแน่นสนิทที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ระหว่างพูดจา พวกเขาก็เข้าสู่จวนอ๋องโจวแล้ว
ไม่เพียงสวนด้านหน้าจวนที่ดูเปล่าเปลี่ยวเงียบเหงา สวนด้านหลังยิ่งเงียบงันไร้เสียง
เดินเข้าไปยังทางเดินทางเงียบสงัดในสวนดอกไม้ ก็ได้ยินเสียงไออย่างรุนแรงของโม่เหว่ยมาแต่ไกล
ลุงเฉินหัวใจเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่น “พระชายาหมิงพ่ะย่ะค่ะ ช่วงเวลานี้ท่านอ๋องไอรุนแรงยิ่งกว่าเดิมนัก! เมื่อครู่หมอหลวงหยางบอกว่า ปอดของท่านอ๋องก็……”
เขาไม่ได้พูดต่อ สะอึกสะอื้นแบบน้ำตานองหน้า
“มีอะไรต้องร้องไห้กันเล่า? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าข้าเคยบอกเจ้าหรือ? ร่างกายของอ๋องโจวกลายเป็นเปลือกหอยว่างเปล่าแล้ว”
หยุนหว่านหนิงกวาดสายมองเขานิ่งๆ
นางคนนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยแสดงความเห็นอกเห็นใจแก่ผู้อื่นมากนัก
ตอนนั้นที่นางตกทุกข์ได้ยาก ผู้ใดเคยเห็นใจนางบ้าง?
ผู้ใดเคยยื่นมือออกมาช่วยนางบ้าง?
ถ้าไม่ใช่เพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับโม่เหว่ย และตระกูลเฉินที่หนุนหลังโม่เหว่ยให้แก่โม่เยว่ เมื่อโม่เยว่มีรากฐานมั่นคงแล้ว นางกับบุตรชายถึงมีที่พึ่งอันแข็งแรง
นางคงไม่มายุ่งวุ่นวายเรื่องของผู้อื่น มาดูโม่เหว่ยที่หน้าตาเย็นชาผู้นี้หรอก
เข้าประตูไป หมอหลวงหยางยังเฝ้าอยู่ข้างเตียง
โม่เหว่ยนอนคว่ำอยู่ที่ขอบเตียง ไอเป็นเลือดออกมากองหนึ่งแล้ว
เลือดสดนั้นแดงจนสะดุดตา ลุงเฉินตกใจอยู่ไม่เบา รีบร้อนวิ่งเข้ามา “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องท่านไม่เป็นอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ?”
บนมือของหมอหลวงหยางก็มีเลือดเช่นกัน ตอนนี้กำลังเช็ดออก
เห็นหยุนหว่านหนิงเข้ามาแล้ว เขารีบเข้ามาถวายบังคม “กระหม่อมถวายบังคับพระชายาหมิงพ่ะย่ะค่ะ”
“หมอหลวงหยางไม่ต้องมากพิธีการ”
หยุนหว่านหนิงเดินมาใกล้ มองโม่เหว่ยที่หยุดไอลงมาได้แล้วแวบหนึ่ง และไม่ได้เข้ามาจับชีพจรให้เขา และไม่ได้ถามด้วยความห่วงใยด้วย นางเก็บสายตากลับ เพียงมองทางหมอหลวงหยางไปทันใด
หน้าตายิ้มแย้มและดูอบอุ่น “ได้ยินว่าวันนี้หมอหลวงหยางไปที่จวนอ๋องหยิงมา?”
“ไม่รู้ว่าหยุนธิงหลานน้องรองของข้า อาการเป็นอย่างไรกันแน่?”