อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 233 โมโหพระชายาหมิงจนตาย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 233 โมโหพระชายาหมิงจนตาย
หมอหลวงหยางตกตะลึง ไม่รู้ว่าเหตุใดหยุนหว่านหนิงถึงถามเยี่ยงนี้
แม้แต่ลุงเฉินที่กำลังตบหลังให้โม่เหว่ยเบาๆ ยังมองทางหยุนหว่านหนิงอย่างงุนงงเช่นกัน
มิใช่ว่านางมาดูอาการให้ท่านอ๋องของตนเองหรือ?
เหตุใดกลับถามเรื่องของคุณหนูรองหยุนขึ้นได้เล่า?
โม่เหว่ยที่ฝืนหยุดไอลง ได้ยินคำพูดนี้ก็เริ่มไอรุนแรงขึ้นมาอีก ร่างกายของเขาโค้งงอจนเหมือนกุ้งแห้งตัวหนึ่งแล้ว ยื่นคอยาวออกมาไอจนหน้าแดงไปหมด
เส้นเลือดบนคอนูนขึ้น……
ลุงเฉินอดพูดขัดจังหวะไม่ได้ “พระชายะหมิงพ่ะย่ะค่ะ ท่านมาดูท่านอ๋องของบ่าวก่อนหน่อยดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ!”
เห็นเขาขมวดคิ้วแน่นด้วยความกังวล หยุนหว่านหนิงถึงนั่งลงอยู่ข้างเตียง ตบบนหลังโม่เหว่ยโดยไม่ใสใจแต่อย่างใดไปพลาง มองทางหมอหลวงหยางไปพลาง
“ทำไม? ตอบยากมากนักหรือ?”
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงหยางเพียงแค่ประหลาดใจพอสมควร ตอบไม่ได้เสียที่ไหนเล่า?
เขารีบตอบว่า “เกรงว่าพระชายาหมิงยังคงมิทราบกระมัง? เดิมทีคุณหนูรองหยุนไม่ได้แท้งลูกพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นคืออะไร?”
หยุนหว่านหนิงรู้อยู่แก่ใจแต่แสร้งถาม
“กระหม่อมก็มิทราบว่าเกิดอันใดขึ้นเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูรองหยุนไม่ได้ตั้งครรภ์อย่างแน่แท้ วันนี้ก็มิใช่ตกเลือด เพียงแค่ระดูมาตามปกติพ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงหยางส่ายหน้าแล้ว “แต่หมอหลวงฝานกลับพูดหนักแน่นว่า ก่อนหน้านี้จับชีพจรให้คุณหนูรองหยุน คือตั้งครรภ์แล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“แม้แต่หมอหลายคนที่เคยตรวจดูให้คุณหนูรองหยุนก่อนหน้านี้ ล้วนมีชื่อเสียงโด่งดังจากเมืองหลวง……”
เขารู้สึกงงงวย สายตาสงสัย “และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาการของคุณหนูรองหยุนก่อนหน้านี้ ตั้งครรภ์จริงพ่ะย่ะค่ะ”
“โดยเฉพาะยังแพ้ท้องด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“และมิทราบว่าเป็นพวกเขาจับชีพจรผิดพลาด หรือว่ากระหม่อมอายุมากแล้วจนมีปัญหาในการจับชีพจรกันแน่พ่ะย่ะค่ะ!”
เพราะว่าปัญหาเรื่องนี้ หมอหลวงหยางและหมอหลวงฝานพวกเขา ยังโต้เถียงกันจนฉุนเฉียวอย่างยิ่ง
แต่สุดท้าย โต้เถียงไปก็มิได้คำตอบออกมาทั้งสิ้น
เห็นว่าหมอหลวงหยางไม่ยอมรับตัวเขาเอง หยุนหว่านหนิงหัวเราะแล้วถามว่า “เสด็จพ่อทรงตรัสว่าอย่างไร? ตอนที่พวกเจ้าสามสี่คนนี้ตอบไม่ตรงกัน หรือว่าเสด็จพ่อไม่ได้ทรงส่งหมอหลวงคนอื่นไปดูเสียหน่อย?”
“ทรงส่งไปพ่ะย่ะค่ะ!”
หมอหลวงหยางพยักหน้า “ทรงส่งหมอหลวงหูและคนอื่นไปตรวจดูด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ว่าการวินิจฉัยของพวกเขาเหมือนกับกระหม่อม เดิมทีคุณหนูรองหยุนไม่ได้ตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ!”
ขณะกล่าวอยู่ หมอหลวงหยางมองหยุนหว่านหนิงอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง
พระชายาหมิงตรงหน้าท่านนี้คือแม่เสือ ด้านหลังมีฮ่องเต้สนับสนุน เรื่องนี้เขาย่อมรู้ดี
แต่หยุนธิงหลานเป็นน้องรองของหยุนหว่านหนิง……
ไม่รู้ว่าตอนนี้ พระชายาหมิงสอบถามเรื่องนี้คือเพื่อเป้าหมายอะไรกันแน่
ถ้าหากตอบไม่ถูก กลัวว่าเขาคงไม่ได้รับผลประโยชน์อันใด
หมอหลวงหยางประหม่าจนบนหน้าผากเหงื่อผุดขึ้นเต็ม
เห็นเขาประหม่า หยุนหว่านหนิงจึงหัวเราะเบาๆ “หมอหลวงหยางไม่ต้องประหม่า! ข้าเพียงแค่ถามไปเท่านั้นเอง หามีความหมายอื่นไม่”
เพิ่งพูดจบลง ได้ยินเพียงโม่เหว่ยร้องอย่างเจ็บปวดทีหนึ่ง
ตามมาด้วย เขาไอจนเสมหะเลือดขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งหลุดออกมา
หลังจากไอจนเสมหะเลือดหลุดออก การหายใจของโม่เหว่ยราบรื่นแล้ว อาการไอจึงค่อยๆ หยุดลงมา
ลุงเฉินซึ่งอยู่ด้านข้าง จิตใจที่พะว้าพะวังถึงได้ผ่อนคลายลงมาเสียที
เมื่อสักครู่เห็นมือที่หยุนหว่านหนิงตบด้านหลังโม่เหว่ย ออกแรงไม่เบา……ตบจนท่านอ๋องตนเองขมวดคิ้วแน่น ทำท่าทางขุ่นเคืองแต่มิกล้าเอ่ยปาก
ท่านอ๋องตนเองยังมิกล้าหาเรื่องยัยปีศาจผู้นี้ ลุงเฉินจะกล้าที่ไหนเล่า?
เขากลัวว่าหากพูดไม่ถูกสักประโยคเดียว พระชายาหมิงคงจะไม่รักษาให้ท่านอ๋องตนเองแล้ว
ดังนั้นเขาหดหัวแบบอ่อนแอ กลืนคำพูดตรงริมฝีปากที่ว่า“พระชายาหมิงเบาหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”กลับลงไปตามเดิม
ได้เพียงมองร่างกายซูบผอมและอ่อนแอนั้นของท่านอ๋องตนเอง โดนตบจนดันตัวไม่ขึ้น
บัดนี้ลุงเฉินถึงเข้าใจ เหตุผลที่หยุนหว่านหนิงตบด้านหลังของโม่เหว่ยอย่างแรง เป็นเพราะพบว่าเขาถูกเสมหะเลือดอุดลำคอไว้แล้ว
เห็นลุงเฉินถอนหายใจยาวๆ ทีหนึ่ง หยุนหว่านหนิงยักคิ้วแล้วถามว่า “ลุงเฉิน ทำไมเจ้าถึงมีท่าทางเหมือนยกภูเขาออกจากอกเล่า? เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่?”
ถูกเรียกชื่อกะทันหัน ลุงเฉินรีบเช็ดเหงื่อบนหน้าผากลง “บ่าว บ่าว……”
“ตอบมาตามตรง ข้าไม่ชอบให้คนมาพูดโกหก”
“บ่าวยังคิดว่า พระชายาหมิงยังเคียดแค้นต่อท่านอ๋องของบ่าวพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นจึงจงใจอยากตบจนท่านอ๋องของบ่าวตาย……”
ลุงเฉินถึงตอบอย่างละอายใจ
“เหอะ……”
รอยยิ้มของหยุนหว่านหนิงเผยการเย้ยหยันระดับหนึ่ง “ข้าอยากตบจนท่านอ๋องของเจ้าตายจริงๆ!”
“แต่ว่าฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต เสด็จพ่อทรงรับสั่งให้ข้าต้องรักษาเขาให้หาย ดังนั้นข้าได้เพียงคิดเยี่ยงนี้แล้ว จะตบเขาจนตายจริงๆ ได้อย่างไร?”
เมื่อสักครู่ นางแค่“แสดงอำนาจ”ให้โม่เหว่ยเห็นเท่านั้นเอง
กลับหาใช่มีเหตุผลอย่างอื่นไม่
เพียงแค่เพราะโม่เหว่ยไม่คู่ควร ที่จะมาหาเรื่องนางครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นหยุนหว่านหนิงจึงรู้สึกโกรธเคือง
เวลานี้ ถึงใช้แรงตบด้านหลังของโม่เหว่ยไปมากสักหน่อย
ลุงเฉิน “……”
เป็นเขาคิดมากเกินไปแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่า เป็นเขาใช้ความคิดอันต้อยต่ำไปตัดสินความคิดของผู้ที่น่านับถือ เข้าใจพระชายาหมิงผิดไปแล้ว กลับไม่คิดว่า หยุนหว่านหนิงจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเยี่ยงนี้ ว่าในใจนางมีความคิดต่ำทราม
“เจ้า เจ้า……”
โม่เหว่ยโมโหจนเกือบหัวใจวาย “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วยชีวิต!”
“เช่นนั้นท่านก็เก็บเสมหะเลือดก้อนนั้นที่คายออกมาเมื่อครู่กลืนกลับไปเสียเถิด”
หยุนหว่านหนิงลุกขึ้นยืน มองเขาด้วยหน้าตาไร้ความผิด “วันนี้ถ้าท่านถูกเสมหะเลือดก้อนนี้อุดลำคอจนตายไป เสด็จพ่อคงซักไซ้ไม่ถึงตัวข้า”
โม่เหว่ย “……หยุนหว่านหนิง! เจ้าโอหังนัก!”
“ข้าโอหังเช่นนี้ หากท่านแน่จริงก็ลุกขึ้นมาตีข้าสิ”
หยุนหว่านหนิงเยาะเย้ย
นางแค่อาศัยว่าโม่เหว่ยลุกขึ้นไม่ไหว
เป็นเรื่องตลกเสียจริง
ไม่ลองออกไปสอบถามดูเสียหน่อย หยุนหว่านหนิงนางเคยกลัวผู้ใดบ้าง?
เดินท่องไปทุกมุมโลก สามารถทำให้ผู้อื่นโกรธจนตายได้ถึงจะเป็นระดับขั้นสูดสุดของศิลปะการต่อสู้
สำรวจดูทั่วทั้งเมืองหลวง คนที่ถูกนางทำให้โมโห ถึงไม่เต็มสิบก็มีสักแปด……คนป่วยออดแอดอย่างโม่เหว่ยนี้ ยังอยากโต้เถียงกับนางอีกอย่างนั้นหรือ?
เห็นโม่เหว่ยจับหัวใจเอาไว้ พึมพำอย่างเจ็บปวด
ลุงเฉินรีบประคองเขานอนลงไป “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องท่านไม่เป็นอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ?”
“ท่านอ๋อง โปรดฟังบ่าวแนะนำเสียหน่อย ตั้งใจให้ความร่วมมือกับพระชายาหมิงเสียเถิดพ่ะย่ะค่ะ ท่านเป็นปรปักษ์กับพระชายาหมิงเช่นนี้ เพียงแต่จะเสียสุขภาพของท่านอ๋องเปล่าๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
ลุงเฉินร้อนใจจนอยากร้องไห้แล้ว
หมอหลวงหยางยืนอยู่ที่เดิมอย่างกระอักกระอ่วน
ก่อนหน้านี้โชคดีเคยเจอสถานการณ์ที่พระชายาหมิงโมโหฮ่องเต้ โมโหเต๋อเฟย โมโหฮองเฮามาก่อน
วันนี้เจอแม่ทูลหัวท่านนี้เข้า คาดไม่ถึงแม้แต่อ๋องโจวที่ล้มหมอนนอนเสื่อยังไม่เว้น……
นี่น่าอับอายยิ่งนัก อ๋องโจวคงไม่เกลียดชังเขาอยู่ในใจกระมัง?
หมอหลวงหยางเงยหน้ามองทางด้านนอกหน้าต่าง อยากรีบทูลลาแล้วกลับไปอย่างมาก
แต่พระชายาหมิงไม่ได้กล่าวอะไร เขาได้เพียงยืนอยู่ที่เดิม รออย่างทรมาน
“โม่เหว่ย ถ้าท่านอยากลุกขึ้นมาตีข้าเพื่อระบายอารมณ์มากนัก ท่านก็ให้ความร่วมมือในการรักษาดีๆ ถ้าท่านโมโหข้าจนตายแล้ว กลัวว่าจะทำให้คนอื่นหัวเราะจนฟันร่วงกระมัง?”
หยุนหว่านหนิงมองโม่เหว่ยจากด้านบนลงล่าง
เขาขุ่นเคืองจนไม่หันมองหน้านาง
นางไม่สนใจ เพียงกล่าวว่า “วันหลัง ในบันทึกประวัติของท่านอ๋องท่านอื่นๆ สิ่งที่บันทึกล้วนกล่าวว่ากล้าหาญอย่างไร ยอดเยี่ยมอย่างไร”
“สร้างคุณูปการใหญ่หลวงต่อราชสำนักมากเพียงใด และได้รับความรักนับถือของราษฎรอย่างไร”
“ส่วนท่าน……”
นางหัวเราะนิดหน่อย “มีเพียงบันทึกสั้นๆ: เกิดเมื่อปีอะไร ตายเมื่อปีอะไร”
“สาเหตุการตาย: โมโหพระชายาหมิงจนตาย”
“หึ”
หมอหลวงหยางกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป หัวเราะครู่หนึ่งแต่ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด
แม้กระทั่งลุงเฉินที่ยืนอยู่ข้างเตียง ยังกัดริมฝีปากไว้แน่น กลั้นหัวเราะเอาไว้
สุดท้ายกลั้นไม่อยู่จริงๆ สั่นระริกเบาๆ ไปทั้งตัว หัวเราะออกมาแบบไร้เสียง
โม่เหว่ยที่อยู่บนเตียง โมโหจนพูดไม่ออก……
หยุนหว่านหนิงเอามือไพล่หลังไว้ ก้มตัวมองเขา “เป็นอย่างไรบ้าง? อ๋องโจวยินยอมให้ความร่วมมือรักษาตัวกับข้าแล้ว?”