อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 25 แสดงความรัก
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 25 แสดงความรัก
หยุนหว่านหนิงเงยหน้ามองไป เห็นเพียงโม่เยว่ที่สวมชุดเรียบหรูสีดำ ก้าวเท้าเดินมาทางนี้อย่างเร็ว
ทั่วทั้งตัวเผยบรรยากาศความเย็นยะเยือก ไอสังหารในดวงตายังไม่จางหายไปอย่างสิ้นเชิง สีหน้าของเขามืดมน มองแวบแรกก็ดูออกว่าอารมณ์ไม่ดี
นางอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
ผู้ชายคนนี้ ในเวลาปกติหยอกล้อทะเลาะกับนางก็ช่างเถอะ ตอนนี้ต่อหน้าหยุนติงหลาน คงจะไม่แยกเขี้ยวยิงฟันอาละวาดใส่นาง โดยไม่คำนึงถึงหน้าของนางหรอกใช่ไหม?
เช่นนี้ นางคงต้องอับอายขายหน้าแล้ว!
ดังนั้น หยุนหว่านหนิงรีบกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือ”
“น้องรองมาวันนี้ เพื่อมาเชิญเรากลับจวนกั๋วกง ร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของท่านพ่อในเดือนหน้า”
นางเดินเข้าไป ริเริ่มโอบแขนของโม่เยว่ด้วยตัวเอง นิ้วมือหยิกเขาไปหนึ่งครั้งโดยไม่ทิ้งร่องรอย
โม่เยว่ปวดตรงบริเวณเอว ร่างกายแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง
ไม่ช้าก็เข้าใจความหมายของนาง ใบหน้าของเขาฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย “งั้นหรือ? เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ควรจะกลับไปรอบหนึ่ง”
เมื่อหยุนติงหลานเห็นภาพฉากนี้ในสายตา สีหน้าก็เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก!
ดูท่าข่าวลือจะเป็นความจริง หยุนหว่านหนิงนังแพศยาคนนี้ คนไร้ความสามารถเจอจุดเปลี่ยนให้ชีวิตดีขึ้นจริงๆ!
การกระทำที่นางโอบโม่เยว่และหยิกเขา ในสายตาของหยุนติงหลาน ก็กลายเป็นการแสดงความรัก……
ถึงขั้น สำหรับเรื่องที่กลับไปอวยพรวันเกิดให้หยุนเจิ้นซงที่จวนกั๋วกง โม่เยว่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ตรงกันข้ามยังทำตามคำพูดของนางบอกว่าควรจะกลับไปรอบหนึ่งจริงๆ
นี่ไม่ใช่ การคล้อยตามนางไปหมดทุกอย่างหรือ? !
เกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋องหมิงคนนี้กันแน่? !
เขาไม่ใช่ เกลียดหยุนหว่านหนิงที่สุดแล้วหรือ? !
การควบคุมตัวเองของหยุนติงหลานจะดีแค่ไหน เวลานี้ก็อดที่จะเปลี่ยนสีหน้าไม่ได้แล้ว ขยี้ดวงตาคิดว่าตัวเองมองผิดไป
มองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นซับซ้อนคาดเดาไม่ได้ของนางจากหางตา หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ยหยันในใจ รอยยิ้มบนใบหน้ากลับสดใสมากยิ่งขึ้น “ท่านอ๋องเหนื่อยหรือไม่? ข้านวดไหล่ให้ท่านดีกว่า”
ได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนโยนของนาง โม่เยว่รู้สึกเพียงว่าขนลุกขนพองจนจะร่วงหล่นเต็มพื้นแล้ว
นวดไหล่?
นางคงไม่ได้จะถอดไหล่ของเขาหรอกใช่ไหม? !
เขารีบโบกมือด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องแล้ว”
“พระชายาดูแลจัดการเรื่องในจวน เหนื่อยมากกว่าข้าถึงจะถูก ให้ข้าเป็นคนทุบไหล่ นวดหลังให้เจ้าดีกว่า!”
พูดไป ทั้งสองคนก็นั่งลงไปบนที่นั่งแล้ว
หยุนติงหลานเงยหน้ามองไป ก็เห็นโม่เยว่ยืนอยู่ด้านข้าง กำลังทุบไหล่ให้กับหยุนหว่านหนิงอย่างอ่อนโยนจริงๆ……นางแทบจะตกใจจนอ้าปากค้าง!
ท่านเป็นถึงท่านอ๋องหมิงผู้สง่างามเชียวนะ!
หากว่าถูกหยุนหว่านหนิงนังแพศยาคนนี้ทำเสน่ห์ หรือว่าข่มขู่อะไร ท่านก็กะพริบตา!
หยุนติงหลานคำรามในใจ
“เวลาก็ไม่เช้าแล้ว วันนี้ข้าสั่งให้ห้องครัว ทำอาหารเพิ่มสองสามอย่าง ต้อนรับคุณหนูรองหยุนเป็นอย่างดีแล้วกัน”
สายตาของโม่เยว่หยุดอยู่ที่หยุนติงหลาน รอยยิ้มบนใบหน้าจางลงไปเล็กน้อย กลับไปเป็นรูปลักษณ์ที่มืดมนอย่างในเวลาปกติ เป็นท่านอ๋องหมิงที่หยุนติงหลานคุ้นเคยคนนั้นไม่ผิดไปแล้ว
เมื่อย้อนมองกลับไปที่หยุนหว่านหนิง แม้แต่มุมตาก็ยังแฝงรอยยิ้ม
“อย่างไร ก็เป็นน้องสาวเจ้า จะต้อนรับอย่างหละหลวมไม่ได้”
“ขอบคุณท่านอ๋องมาก! เช่นนั้นก็ทำตามคำสั่งของท่านอ๋องเถอะ”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้า กล่าวสั่งการกับคนที่อยู่นอกประตู “เด็กๆ! บอกห้องครัวว่าวันนี้ให้เตรียมอาหารเพิ่มสองสามอย่าง”
“ขอรับ พระชายา”
บ่าวรับใช้ที่อยู่นอกประตูตอบรับในทันที รับคำสั่งแล้วจากไปอย่างเคารพนบนอบ
หยุนติงหลานยืนอยู่หน้าประตู มองดูภาพฉากนี้ด้วยความตกตะลึง นานพักใหญ่ก็ยังไม่ได้สติกลับมา
จนกระทั่ง หยุนหว่านหนิงส่งเสียงเรียกนาง กวักมือให้นาง “น้องรองยังยืนอยู่ทำไม? รีบเข้ามานั่งคุยกันเถอะ!”
ทำอะไรไม่ได้ หยุนติงหลานจำต้องเดินเข้าไป
คราวนี้ อยากจะไปก็ไปไม่ได้แล้ว
ไม่ไป ก็อาศัยโอกาสนี้ดูว่าหยุนหว่านหนิงมีแผนร้ายอะไรอยู่กันแน่!
แค่ชั่วข้ามคืน ทำไมคนไร้ความสามารถถึงเจอจุดเปลี่ยนให้ชีวิตดีขึ้นได้……
หยุนติงหลานคิดจะใช้เวลาช่วงเวลาอาหารมื้อเที่ยง มองสังเกตวิธีการที่อยู่ข้างในอย่างละเอียด
ใครจะรู้ว่าตอนมื้ออาหาร หยุนหว่านหนิงก็ทำให้นางรู้สึก “ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ” อีกครั้ง!
มองไปที่หยวนเป่าที่นั่งอยู่ข้างกายนาง และดูเหมือนนางเก้าส่วน หยุนติงหลานก็อดที่จะอ้าปากค้างไม่ได้ “ท่านพี่ นี่ เด็กคนนี้คือ?”
“นี่คือลูกชายข้า”
หยุนหว่านหนิงแนะนำอย่างเปิดเผย “หยวนเป่า ท่านนี้คือน้องสาวของแม่ เป็นน้าหญิงของเจ้า”
“สวัสดีขอรับน้าหญิง”
หยวนเป่าเรียกนางคำหนึ่งอย่างเป็นเด็กดี จากนั้นก็เดินไปถึงตรงหน้าของนางและยื่นมือออกมา กะพริบดวงตากลมโตสีดำสดใส “พบกันเป็นครั้งแรก โปรดให้คำชี้แนะด้วย”
หยุนติงหลาน: “……”
ครั้งนี้ นางตัวแข็งเป็นหินไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
นางไม่รู้เลยว่า หยุนหว่านหนิงยังมีลูกชายคนหนึ่งที่โตขนาดนี้แล้ว? !
หลังจากที่ได้สติกลับมา นางก็พยักหน้าอย่างเร่งรีบ “หยวนเป่า เจ้าช่างน่ารักจริงๆ”
“น้าหญิงชมได้อย่างไม่ตั้งใจเลยแม่น้อย”
หยวนเป่าเบ้ปากเล็กน้อย “ท่านแม่ข้าบอกว่า พบผู้ใหญ่ครั้งแรก ผู้ใหญ่ล้วนจะให้อั่งเปาทั้งนั้น”
“อั่งเปา?”
นั่นมันคืออะไรกันเนี่ย?
หยุนติงหลานมึนงง มองไปทางหยุนหว่านหนิงโดยสัญชาตญาณ กลับเห็นนางยื่นนิ้วมือออกมาสองนิ้วแล้วถูไปมา ความหมายมันชัดเจนมากอยู่แล้ว ควรจะให้เงินแล้ว!
ดีร้าย หยวนเป่าก็เรียกนางว่าน้าหญิงอย่างเป็นเด็กดีเชื่อฟังแล้ว จะไม่ให้คงไม่สมเหตุสมผลใช่ไหม?
หยุนติงหลานรีบปลดถุงเหอเปาที่อยู่ตรงบริเวณเอวยื่นให้กับหยวนเป่า “หยวนเป่า น้าหญิงออกมาวันนี้ไม่ได้นำเงินมาด้วย”
“เงินเล็กน้อยนี้เจ้าอย่างได้รังเกียจ”
นางยัดถุงเหอเปาเข้าไปในมือของหยวนเป่า “พบกันครั้งหน้า น้าหญิงจะต้องเตรียมอั่งเปาอันใหญ่ๆให้เจ้าอย่างแน่นอน!”
“ไม่รังเกียจ! ขอบคุณน้าหญิงมาก”
หยวนเป่ากล่าวขอบคุณอย่างเป็นเด็กดี จู่ๆกลับได้ยินโม่เยว่ตะโกนเรียกขึ้นมาว่า “หยวนเป่า กลับมา”
ที่นั่งของเขา อยู่ระหว่างโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิง
ได้ยินเสียงเรียกของโม่เยว่ เขาก็ก้าวขาสั้นๆออกแล้วก็วิ่งกลับไป ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ของตัวเองอย่างรวดเร็ว เห็นเพียงโม่เยว่คีบน่องไก่ชิ้นโตวางไว้ในถ้วยของเขา “น่องไก่ตุ่นน้ำแดงที่เจ้าชอบกินมากที่สุด”
หยวนเป่ากินอย่างมีความสุข
หยุนติงหลานไม่สามารถเข้าใจได้
หยวนเป่าคนนี้ คือลูกของหยุนหว่านหนิง……
หรือว่า คือลูกชายของนางกับโม่เย? !
หากไม่ใช่ โม่เยว่จะอนุญาตให้นางให้กำเนิดลูกของชายอื่นได้อย่างไร? !
ถ้าหากว่าใช่……
ตั้งแต่ต้นจนจบ ยังไม่ได้ยินหยวนเป่าเรียกเขาว่า “ท่านพ่อ” เลย สี่ปีมานี้ เป็นไปไม่ได้ที่จวนอ๋องหมิงจะปิดข่าวนี้เอาไว้อย่างไม่มีเล็ดลอดเลยแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบันในตอนนี้ มีเพียงหลานสาวสองสามคนเท่านั้น
จวิ้นจู่น้อยเหล่านี้ ก็ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อย่างมาก
หากท่านนี้คือหลานชายของฮ่องเต้ ก็คือชีวิตจิตใจของฮ่องเต้……เป็นไปไม่ได้ที่ในวังจะไม่มีข่าวเลยแม้แต่น้อย
สำหรับฐานะของหยวนเป่า หยุนติงหลานคาดเดาในใจมากมาย
ดูท่าต้องกลับไป ปรึกษาหารือเรื่องนี้กับท่านพ่ออย่างดีแล้ว
นางก้มหน้าลงไป แต่กลับไม่มีความอยากอาหารเลย
เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องหมิงวันนี้ ช่างน่าตกใจมากเกินไปจริงๆ
กู้ป๋อจ้งไม่อยากเห็นคนตระกูลหยุน ดังนั้นจึงไม่ได้มารับประทานอาหารที่ห้องอาหาร หยุนหว่านหนิงสั่งให้บ่าวรับใช้ส่งอาหารไปให้ที่ห้องหนังสือ หลังอาหารกลางวัน หยวนเป่าก็ควรต้องนอนกลางวันแล้ว
โม่เยว่ไม่มีอะไรทำ ก็เลยพาหยวนเป่ากลับไปที่เรือนชิงหยิ่ง
หยุนติงหลานมองดูเขาอุ้มหยวนเป่าจากไป ด้วยการกระทำที่อ่อนโยนนุ่มนวล ในดวงตาเต็มไปข้อสงสัยมากมาย
แทบทนรอไม่ไหวอยากจะกลับไปที่จวนกั๋วกง บอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้กับหยุนเจิ้นซงกับเฉินซื่อ
แต่ว่าหยุนหว่านหนิงไม่ยอมปล่อยให้จากไป
ดึงมือของนางเอาไว้อีก จะดื่ม “น้ำชายามบ่าย” กับนางให้ได้
นางสั่งให้คนเตรียมน้ำชาและขนม จัดน้ำชายามบ่ายเอาไว้ที่ “ศาลาหยินฟง” ตรงสวนหลังบ้าน
พี่น้องสองคนเพิ่งจะนั่งลงไป มองดูท่าทางหยุนติงหลานที่จิตใจวุ่นวาย หยุนหว่านหนิงก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้น้องรองก็ใกล้จะยี่สิบแล้วใช่ไหม? เหตุใดถึงยังไม่ยอมออกเรือนอีก?”
“หรือว่า กำลังรอใครอยู่?”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้หยุนติงหลานตกใจจนหน้าซีดเผือด!
หรือว่า หยุนหว่านหนิงรู้ถึงความสัมพันธ์ของนางกับคนคนนั้นแล้ว? !