อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 264 หลอกล่อหยุนธิงหลานออกมา
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 264 หลอกล่อหยุนธิงหลานออกมา
“เจ้ารู้สึกได้อย่างถูกต้อง ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
หรูเยียนพยักหน้า และแสดงท่าทีความเห็นด้วยกับคำพูดของหรูอวี้ “เจ้าคิดว่าผู้โชคร้ายคนต่อไปจะเป็นใคร?”
“เดาไม่ถูก พระชายาของเราสร้างศัตรูไว้มากเกินไป”
“เจ้าสองคนซุบซิบอะไรกัน?”
หยุนหว่านหนิงเหลือบมองพวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ยังไม่รีบไปจัดการอีก พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะออกเดินทางกลับไปเมืองหลวง”
เพราะต้องกลับเมืองหลวงในวันรุ่งขึ้น
คืนนี้นางจึงตั้งใจทำหม้อไฟขนาดเล็กเป็นพิเศษ เพื่อให้ไทเฮากู้ได้กินอย่างสบายอกสบายใจ!
หลังจากหลับสนิททั้งคืน หยุนหว่านหนิงกกำลังจะพาหยวนเป่าออกเดินทาง
เมื่อเปรียบเทียบกับการขับไล่โม่จงหรานไปเมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้ไทเฮากู้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากจริงๆ……
ดึงมือของหยุนหว่านหนิงไปพลาง ดึงมือเล็กๆ ของหยวนเป่าไปพลาง นางสะอึกสะอื้นและกล่าวว่า “รอให้ข้าหายดีเสียก่อน แล้วข้าจะกลับวังไปหาพวกเจ้า”
“เดินทางอย่างระมัดระวังด้วย! ”
“เข้าใจแล้วเพคะ เสด็จย่า พระองค์ก็ดูแลตัวเองด้วย”
หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์เช่นกัน
“พวกเจ้าก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ! จำไว้ว่าต้องปกป้องหยวนเป่าอันเป็นที่รักด้วย!”
“เข้าใจแล้วเพคะ เสด็จย่า”
“เอาข้าวของไปหมดแล้วหรือไม่? ไม่ลืมอะไรนะ?
“ไม่ลืมเพคะเสด็จย่า”
ไทเฮากู้พยักหน้า และอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้งว่า “ของเล่นของหยวนเป่า เอาไปหมดแล้วหรือไม่? ขนมและผลไม้ที่จะเอากินระหว่างทางเอาไปแล้วหรือ? ”
“เอาไปหมดแล้วเพคะเสด็จย่า”
หยุนหว่านหนิงมองไปบนรถม้าที่เต็มไปด้วยผลไม้ ของเล่น……และยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
สิ่งเหล่านั้นล้วนเต็มไปด้วยความรักที่ไทเฮากู้มีต่อหลานคนนี้!
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี”
ไทเฮากู้เช็ดน้ำตา “เดินทางปลอดภัย ไม่ต้องเร่งเดินทาง หยวนเป่าอันเป็นที่รักของข้าจะได้ไม่เหนื่อยล้า”
“เมื่อผ่านเขตเมืองก็พักผ่อนให้เพียงพอ ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ไม่ต้องรีบร้อนกลับเมืองหลวง”
หยุนหว่านหนิงฟังคำแนะนำที่จู้จี้จุกจิกของนางอย่างอดทน จากนั้นพยักหน้าตอบรับ “เสด็จย่าทรงไม่ต้องกังวลเพคะ! หลังจากที่พวกเรากลับไปถึงเมืองหลวงแล้ว หม่อมฉันจะส่งจดหมายมาถึงพระองค์ว่าพวกเราปลอดภัย”
“ดีๆ”
ไทเฮากู้อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
นางน้ำตาคลอเบ้า มองดูทั้งสองคนขึ้นไปในรถม้า และยืนอยู่นอกประตูตำหนักสิงกงอยู่นาน โดยไม่ยอมเข้าไป
……
เมื่อเดินทางกลับเมืองหลวง หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกหดหู่ใจ
ช่วงเวลาที่ตำหนักสิงกง ทั้งสบายใจ อิสระ และไม่มีอันตรายใดๆ
ตอนนี้ไทเฮากู้และโม่จงหราน ต่างก็รู้ตัวตนของหยวนเป่าแล้ว……และไม่รู้ว่ายังจะมีผู้อื่นที่ล่วงรู้หรือไม่ และหยวนเป่าจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่
สรุปว่าหนทางข้างหน้าต้องระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น
เนื่องจากระยะทางไกล กลัวว่าเสี่ยวหยวนเป่าจะไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกของรถม้าได้
ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางหยุดๆ เป็นเวลาสามวันเต็มกว่าจะมาถึงเมืองหลวง
แม้ว่ารถม้าจะวิ่งอย่างราบรื่นและช้าๆ แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “น่าเสียดายที่ไม่มีเครื่องบิน! ภายในหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่นี่นั่งรถม้าตั้งวสามวัน”
ร่างกายของนางกำลังจะแตกสลาย!
อย่างไรก็ตาม หยวนเป่าเด็กคนนี้ยังคงกระโดดโลดเต้น และมีกำลังวังชา!
“พระชายา เครื่องบินคืออะไรเพคะ?”
หรูเยี่ยนถาม
“เป็นไก่ที่บินอยู่บนท้องฟ้า”
หยุนหว่านหนิงพูดไปเรื่อยเปื่อย
นางอยากให้ช่องวางนำเครื่องบินมา แต่ก็กลัวว่าจะทำให้ผู้คนตกใจ……ดังนั้นความคิดนี้จึงผ่านพ้นไป
สำหรับคำพูดเพ้อเจ้อของนาง หรูเยียนแม่นางที่ไร้เดียงสากลับเชื่อเช่นนั้นจริงๆ!
นางดูประหลาดใจ “ที่แท้ไก่ก็สามารถบินขึ้นไปบนฟ้าได้?”
“แถมคนยังนั่งได้ด้วย?! บ่าวช่างมีความรู้แค่หางอึ่งจริงๆ!”
“อืม ต่อไปข้าจะเพิ่มเติมความรู้ให้เจ้า”
หยุนหว่านหนิงกล่าวอย่างไม่ละอายใจ
หยวนเป่าออกไปเล่นแล้ว นางจึงเริ่มนับเงินที่กองเป็นภูเขานี้
ในท้ายที่สุดก็เหนื่อยมากจนไม่อยากนับอีกต่อไป จึงโยนมันลงไปในช่องว่าง นางเท้าคางและครุ่นคิด ไม่รู้ว่าในช่วงที่นางจากไป ในเมืองหลวงมีข่าวคราวอื่นบ้างหรือไม่
โม่เยว่ยุ่งอยู่กับงานของราชสำนัก และไม่ได้สนใจข่าวคราวของประชาชนอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าจะรู้ เขาก็คงไม่บอกนาง
ก่อนที่นางจะออกไปจากเมืองหลวง นางสั่งให้มังกรตาเดียวหลอกล่อหยุนธิงหลานออกไปจากเมืองหลวง……
เนื่องจากมังกรตาเดียวหลอกลวงผู้คนไม่เก่งมากพอ หยุนธิงหลานจึงระแวดระวังและไม่หลงกล
มังกรตาเดียวผู้นี้ช่างไร้ประโยชน์ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถหลอกล่อนางออกมาจากจวนกั๋วกงได้ แต่ยังถูกหยุนธิงหลานด่าทออย่างรุนแรง!
ด่าจนผู้ชายเช่นเขาน้ำตาตก และบอกว่าเขาจะไม่ยั่วยุผู้หญิงอีก
หยุนหว่านหนิงคิดในใจ ในเมื่อนางหายไปหลายวันแล้ว หยุนธิงหลานก็ต้องรู้ว่านางไม่ได้ปรากฏตัว ดังนั้นมังกรตาเดียวอาจจะถูกพวกเขา “จัดการ” ไปแล้ว!
เช่นนี้จะไม่สงสัยคำพูดของมังกรตาเดียวอีกหรือ?
คืนนี้ต้องได้พบหยุนธิงหลานสักครั้ง!
นางจึงไปหามังกรตาเดียว
ในขณะนี้ มังกรตาเดียวกำลังพาเหล่าพี่น้องของเขามาขุดดิน อาบเหงื่อต่างน้ำ
หยุนธิงหลานเคยบอกว่าพวกเขาไม่สามารถเป็นฝ่ายลงมือได้อีกต่อไป
ไม่สามารถเป็นนักขี่จักรยานหรือโจรได้
แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่านี่หมายความว่าอะไร แต่มันก็สมเหตุสมผลที่จะทำตามสิ่งที่กูหน่ายนาย(หยุนหว่านหนิงเรียกคนเองหรือน้องรับใช้เรียกเขา ความหมายคลายๆ คำว่ากู)พูด!
กูหน่ายนาย(หยุนหว่านหนิงเรียกคนเองหรือน้องรับใช้เรียกเขา)ให้พวกเขาเพาะปลูก พวกเขาก็พาะปลูก
กูหน่ายนายให้พวกเขาปล้น พวกเขาก็ปล้น
ใครใช้ให้พวกเขาชายชรากลุ่มหนึ่ง ทำอะไรหญิงสาวเช่นหยุนหว่านหนิงไม่ได้……แต่หลังจากติดตามกูหน่ายนายผู้นี้ ชีวิตของพวกเขาก็มั่นคงอย่างแท้จริง
ดีแค่ไหนแล้วที่มีรายได้มั่นคงทุกเดือน โดยไม่ต้องออกไปทำงานหนัก!
คราวก่อนที่เสี่ยวฮุยจื่อถูกกล่าวหาว่าปล้นหญิงชราคนหนึ่ง แต่กลับถูกครอบครัวของหญิงชราจับได้ จากนั้นก็ทุบตีเขาอย่างแรง และรีดไถเงินจำนวนมากเพื่อยุติเรื่องนี้
ตอนนี้เสี่ยวฮุยจื่อยังคงเดินกะเผลก
มังกรตาเดียวส่ายหัว ถอนหายใจ และขุดดินต่อไป
เมื่อได้ยินคนข้างหลังตะโกนเรียก “กูหน่ายนาย” มังกรตาเดียวก็ยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงเข้ามาใกล้ เขาก็ตะโกนด้วยความเคารพ “สวัสดี กูหน่ายนาย! ”
“จะเสียงดังไปทำไม?”
หยุนหว่านหนิงแคะหู “กลัวว่าข้าจะไม่หูหนวกหรือ?”
นางถามอย่างไม่สบอารมณ์ “ให้พวกเจ้าปลูกผัก เลี้ยงเป็ด ไก่ และห่าน ดูสิว่าผ่านไปกี่วันแล้ว ยังขุดดินอยู่อีก?!”
มังกรตาเดียวยื่นมือออกมาด้วยความเสียใจ “กูหน่ายนาย มือแข็งกระด้างหมดแล้ว!”
“กูหน่ายนาย ท่านให้ขุดดิน ดังนั้นหลายวันมานี้ พวกเราจึงขุดดินกันอย่างหนัก”
ใครจะรู้ว่าขุดดินจะยากลำบากเช่นนี้!
ลำบากยิ่งกว่าปล้นเสียอีก!
“ไปยืมวัวมาสิ!”
หยุนหว่านหนิงรู้สึกขบขันกับความดันทุรังของเขา “ข้าให้พวกเจ้าขุดดิน พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าสามารถไถได้? วัวลากคนไถ!”
นางไม่รู้จริงๆ ว่ามังกรตาเดียวและคนอื่นๆ จะดันทุรังได้ขนาดนี้
สมองนี่ไม่แล่นเลย!
ไม่น่าแปลกใจที่คืนนั้นจะหลอกล่อหยุนธิงหลานไม่สำเร็จ!
“อ้อ กูหน่ายนาย คราวหน้าพวกเราจะจำเอาไว้”
มังกรตาเดียวเช็ดมือ “ข้าจะรินน้ำชาให้กูหน่ายนาย”
“ไม่ต้อง! ”
หยุนหว่านหนิงปวดหัว “คืนนี้เจ้าหาวิธีหลอกล่อหยุนธิงหลานออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม! หากหลอกล่อออกมาไม่ได้ ก็จับตัวมาให้ข้า! ”
เกรงว่าสมองของมังกรตาเดียวจะไม่ฉลาดมากพอ และทำพลาดอีกครั้ง
นางจึงเจาะจงเป็นพิเศษ
“เข้าใจแล้วขอรับ กูหน่ายนาย”
มังกรตาเดียวตอบรับอย่างเชื่อฟัง
ราวๆ ยามไฮ่ หยุนหว่านหนิงก็มารออยู่ที่จุดนัดพบแล้ว
แต่หลังจากรอจนธูปหมดดอก มังกรตาเดียวก็ยังไม่พาหยุนธิงหลานมา……นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพึมพำกับตัวเอง “หรือว่ามังกรตาเดียวจะทำพลาดอีกแล้ว?!”
ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลัง
หยุนหว่านหนิงมองไปตามเสียง หลังจากเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก!