อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 266 ทำลายหยุนธิงหลาน
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 266 ทำลายหยุนธิงหลาน
หยุนธิงหลานมองสำรวจไปรอบๆ
ที่นี่คือนอกเมือง เป็นลานที่โล่งกว้าง ไม่ไกลออกไปเป็นป่าแห่งหนึ่ง
ตอนนี้เป็นเวลาดึกดื่นเที่ยงคืน คาดหวังว่าจะมีคนผ่านมาที่นี่แล้วช่วยนาง……ไม่สู้คาดหวังว่า มีผีกระโจนออกมาจากป่า กัดพวกเขาสามคนตายไปพร้อมกันยังจะดีกว่า!
นางก็ไม่แหกปากตะโกนขอความช่วยเหลือแล้ว แต่กลับหารือกับหยุนหว่านหนิงอย่างนอบน้อมถ่อมตน
“พี่สาว ข้า ข้าผิดไปแล้ว”
สายตานางวูบวาบ ลูกตากลิ้งไปมาอย่างรวดเร็ว “ขอเพียงท่านปล่อยข้าไปคืนนี้ ข้าก็จะรับปากเงื่อนไขของท่านหนึ่งข้อ!”
“อ๋อ?”
หยุนหว่านหนิงมองดูนางอย่างขบขัน
ผู้หญิงคนนี้รู้จักแค่เพียงผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ?
แต่ว่าสำหรับนาง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ถือว่าเป็นผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ อย่างมากก็เป็นแค่เต่าหดหัวคนหนึ่ง……
“พูดมาให้ข้าฟังหน่อย?”
หยุนหว่านหนิงหยุดการกระทำของมังกรตาเดียว
หยุนธิงหลานกลืนน้ำลายเล็กน้อย ถึงได้รีบร้อนกล่าวขึ้นมา “ท่านก็รู้ว่า ข้าน่าจะยังมีประโยชน์ให้ใช้อยู่! ไม่ว่าจะเป็นจวนกั๋วกงของเรา หรือว่าในจวนอ๋องหยิง!”
มังกรตาเดียวที่อยู่ด้านข้างทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว
เขามองไปที่หยุนธิงหลานอย่างดูถูกเหยียดหยามครู่หนึ่ง “ตอนนี้ไม่มีจวนอ๋องหยิงแล้ว”
“มีเพียงจวนอ๋องสามเท่านั้น”
หยุนธิงหลานหน้าซีดทันที “จวนอ๋องสาม! ในใจของอ๋องหยิง……ท่านอ๋องสาม ข้าก็ยังมีสถานะอยู่บ้าง!”
“ถ้าหากท่านอยากจะทำอะไร บางทีข้าอาจจะเป็นสายให้ท่านได้!”
นางพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อที่จะช่วงชิงเอาชีวิตที่อยู่ในมือของหยุนหว่านหนิงกลับมา
สุภาพบุรุษล้างแค้น สิบปีก็ไม่สาย
ขอเพียงแค่ยังมีชีวิตอยู่ นางก็มีโอกาสแก้แค้นความแค้นในคืนนี้!
“หืม?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว “ในเมื่อเจ้ารู้ว่า ตอนนี้อ๋องหยิงกลายเป็นท่านอ๋องสามแล้ว ก็รู้แล้วว่าสำหรับท่านอ๋องของข้าแล้ว โม่หุยเฟิงไม่ได้มีภัยคุกคามใดๆแล้ว”
“เหตุใดข้าถึงต้องการให้เจ้าเป็นสาย? แล้วเหตุใดถึงต้องจัดการกับโม่หุยเฟิงด้วย?”
“ข้า……”
หยุนธิงหลานอ้าปากออก แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาสักคำ
ใช่แล้ว!
ตอนนี้โม่หุยเฟิงถือว่าล้มลงแล้ว แม้แต่ฮองเฮาจ้าวก็สูญเสียอำนาจไปแล้ว โม่หุยเหยียนก็หวังพึ่งไม่ได้อีก
เชื้อสายทางฝั่งพวกเขา ถือว่าจบลงเช่นนี้แล้ว
เหตุใดโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิง ถึงต้องจัดการกับพวกเขาอีก? !
สองมือสองเท้าถูกเชือกรัดจนทรมาน หยุนธิงหลานขยับเล็กน้อยด้วยความยากลำบาก “แต่ท่านก็น่าจะรู้ว่า ในใจของโม่หุยเฟิงยังมีข้าอยู่!”
“ไม่อย่างนั้นครั้งนี้ข้าก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา เหตุใดเขาถึงไม่ฆ่าข้าล่ะ? !”
“ท่านน่าจะรู้ว่า เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตคนหนึ่ง!”
“ดังนั้น?”
หยุนหว่านหนิงกอดอกเอาไว้ ก็ไม่ได้รีบร้อนจะจัดการกับนาง ฟังนางพูดจนจบอย่างอดทน
“ดังนั้นท่านจะทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้! ดังนั้นหากโม่หุยเฟิงรู้ว่าท่านฆ่าข้า เขาจะต้องล้างแค้นให้ข้าแน่นอน!”
หยุนธิงหลานเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองนางอย่างขุ่นเคือง “อีกอย่าง หากท่านพ่อรู้เรื่องนี้ ต้องไม่ปล่อยท่านไปแน่! ถึงเวลานั้นท่านก็จะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คิดดูว่าท่านควรจะทำอย่างไรเถอะ!”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเยาะ
เมื่อครู่ยังขอร้องนางอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
เห็นไม้อ่อนไม่ได้ผล ก็มาไม้แข็ง จะใช้โม่หุยเฟิงกับหยุนเจิ้นซงมาข่มขู่นาง? !
น่าเสียดาย นางหยุนหว่านหนิงไม่ใช่คนที่กลัวคำข่มขู่!
นางส่ายหน้าช้าๆ “น่าเสียดาย”
“เสียดายอะไร?”
หยุนธิงหลานจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา
“น่าเสียดายที่เจ้ามีความงามอยู่เล็กน้อย แต่กลับไม่มีสมอง! คิดว่าหลายปีมานี้อาหารที่เจ้ากิน ล้วนกินเข้าไปในหัวของเจ้าแล้วใช่ไหม? นึกไม่ถึงว่ายังไม่สามารถชดเชยสมองที่เจ้าขาดไปได้?”
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าและถอนหายใจ
มังกรตาเดียวที่อยู่ด้านข้าง ตอนแรกที่ได้ยินคำพูดนี้ รู้สึกเพียงว่าเหมือนกับบทบิดลิ้นเท่านั้น
นานพักใหญ่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร
แต่หลังจากที่ทำความเข้าใจอย่างละเอียดแล้ว……
เขาก็อดที่จะยกนิ้วโป้งให้กับหยุนหว่านหนิงไม่ได้ “สมกับที่เป็นกูหน่ายนาย!”
ด่าคนยังไม่มีคำหยาบแม้แต่ครึ่งคำ!
ยังสามารถด่าได้แรงขนาดนี้ เก่งกาจจริงๆด้วย!
หากเปลี่ยนเป็นเขา อย่างมากก็ด่าแค่ “แม่งมึง” “ไอ้สารเลว” “ไอ้ขยะไร้สมอง” ก็นึกประโยคต่อไปไม่ออกแล้ว
ถูกหยุนหว่านหนิงด่าอย่างอ้อมๆ หยุนธิงหลานก็วิงเวียนไม่รู้ทิศทางเช่นกัน
หลังจากที่เข้าใจความหมายของคำพูดนี้แล้ว นางก็อายจนใบหน้าแดงก่ำ “ท่าน ท่านด่าข้าหรือ? !”
“ข้าไม่ได้ด่าเจ้านะ ข้ากำลังชมว่าเจ้าสวยต่างหาก”
หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างสุภาพ “เจ้าคิดว่า ข้าคือคนที่จะใส่ใจความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวหรือ?”
หยุนเจิ้นซงไม่เคยรักนางอยู่แล้ว
นางไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนยิ่งกั๋วกงไปอย่างสิ้นเชิง ก็เพราะเห็นแก่ท่านแม่……อย่างไรเสียในหอบรรพบุรุษของตระกูลหยุน บนป้ายวิญญาณของฮูหยินยิ่งกั๋วกงผู้ล่วงลับไปแล้ว ก็เขียนไว้ว่าฮูหยินนางกู้
หากว่าตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนยิ่งกั๋วกง ป้ายวิญญาณของท่านแม่จะไม่ถูกทิ้งอยู่ในหอบรรพบุรุษของตระกูลหยุนอย่างโดดเดี่ยวหรอกหรือ?
“สำหรับข้าแล้ว ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันใดๆ กับหยุนเจิ้นซงเลยแม้แต่น้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องเอาเขามาข่มขู่ข้า”
หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างเย็นชา
นางวางแขนลง เดินเข้าไปใกล้หยุนธิงหลาน “แต่ในเมื่อเจ้าเอ่ยถึงหยุนเจิ้นซง ตั้งแต่เด็ก ความคับข้องใจและคำตำหนิที่ข้าได้รับต่อหน้าเขาเพราะเจ้ามันไม่น้อยเลยนะ”
“คืนนี้บางทีข้าอาจจะสามารถสะสางบัญชีพวกนี้ กับเจ้าให้ชัดเจนแล้ว?”
หยุนธิงหลานคิดไม่ถึงว่า ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งจะใช้ไม่ได้กับหยุนหว่านหนิง……
ยิ่งไปกว่านั้นยังยกเอาความแค้นเมื่อนานมากแล้วออกมาโดยตรงอีก!
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ไม่อยากให้มังกรตาเดียวเล่นงานเจ้าให้ตายแล้ว”
หยุนหว่านหนิงมองดูนางจากที่สูง
หยุนธิงหลานโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
แต่วินาทีต่อมา ก็ได้ยินหยุนหว่านหนิงกล่าวขึ้นมาว่า “ข้าจะให้เจ้าจดจำคืนนี้เอาไว้ให้แม่นยำ จำคำพูดทุกคำที่ข้าพูด และทุกสิ่งที่ทำกับเจ้าในคืนนี้ให้ดี!”
พูดจบ นางก็ยื่นมือออกมาช้าๆ ระหว่างนิ้วมือมีเข็มเงินที่เปล่งประกายแสงเย็นเพิ่มขึ้นมาสองสามเล่ม
หยุนธิงหลานยังไม่ทันได้ถอนหายใจโล่งอก พอเห็นเข็มเงินก็ตกใจจนหัวหดทันที “ท่าน ท่านคิดจะทำอะไร?”
“ข้าขอเตือนท่านเอาไว้ ท่านอย่าทำอะไรมุทะลุนะ! หากท่านกล้าทำอะไรข้า โม่หุยเฟิงไม่ปล่อยท่านไปแน่!”
นางอดที่จะถอยหนีไปไม่ได้
แต่ถูกมัดมือและเท้าเอาไว้ แล้วจะหนีได้อย่างไร?
หยุนหว่านหนิงคว้าผมของนางเอาไว้ ล็อกนางเอาไว้ข้างกาย “โม่หุยเฟิง? เจ้าคิดว่าชื่อของโม่หุยเฟิง จะมีอำนาจทำให้ข้ารู้สึกเกรงขามหรือ?”
น่าขำ!
นางหรือจะกลัวโม่หุยเฟิง? !
“พี่สาว ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ……ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่กล้าอีกแล้ว!”
หยุนธิงหลานรีบร้อนเปลี่ยนคำพูดมาร้องขอความเมตตา
“เฮอะ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ยหยัน
ตอนนี้รู้จักร้องขอความเมตตาแล้วหรือ?
สายไปแล้ว!
“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่กล้าแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อคำพูดทุกคำที่เจ้าพูดออกมาอีก มีเพียงความเจ็บปวดบนร่างกายเท่านั้น เจ้าถึงจะจำบทเรียนในคืนนี้เอาไว้ในใจ”
นางเกี่ยวริมฝีปากอย่างเย็นชา รอยยิ้มบนใบหน้า เย็นชาและไร้ความปรานี
เข็มเงินที่อยู่ในมือ อยู่ใกล้กับแก้มที่ขาวสะอาดของหยุนธิงหลานอย่างมาก “มีเพียงแต่จำไว้ในใจเท่านั้น วันหน้าถึงจะรู้ว่า ใครคือคนที่เจ้าไม่สามารถยั่วยุได้”
“ข้าคนนี้ ไม่เพียงแค่มีแค้นต้องชำระเท่านั้น ยังเป็นคนที่แม้แต่ความแค้นที่เล็กที่สุดก็ต้องแก้แค้นให้ได้อีกด้วย!”
นับกันจริงๆแล้ว นางยังเจ้าคิดเจ้าแค้นด้วย หลังจากที่แก้แค้นแล้วก็ยังไม่ให้อภัยศัตรูของนางง่ายๆ
ดังนั้นหยุนธิงหลานที่ยั่วยุ วางแผนออกอุบายกับนางครั้งแล้วครั้งเล่า……
นางจะไม่ปรานีเด็ดขาด!
ในดวงตาของหยุนหว่านหนิงมีประกายความเย็นชาแวบผ่านไป เข็มเงินที่อยู่ในมือ เล็งไปที่ใบหน้าของหยุนธิงหลาน แล้วแทงลงไปอย่างแรง!
สมัยตอนเป็นหนุ่มหยุนเจิ้นซงก็เป็นชายหนุ่มรูปงามที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงเช่นกัน
เพียงแต่ว่าชายหนุ่มรูปงามคนนี้ ไม่ได้มีความสามารถอะไรมาโดยตลอด
หลังจากที่แต่งงานกับนางกู้ ถึงได้พึ่งพาตระกูลกู้จนมีตำแหน่งอย่างทุกวันนี้
เมืองหลวงเคยมีคำกล่าว: ยิ่งกั๋วกงเป็นผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกิน
แต่คำพูดนี้ ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าหยุนเจิ้นซง
มีลักษณะทางพันธุกรรมของหยุนเจิ้นซงแล้ว สามพี่น้องของตระกลูหยุนล้วนหน้าตางดงาม แต่ว่าความงามของพวกนางสามพี่น้อง ต่างก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง
หยุนหว่านหนิงงดงามเยือกเย็น หยุนธิงหลานงดงามมีเสน่ห์ หยุนธิงธิงงดงามน่ารัก
ความงามของหยุนธิงหลาน คือต้นทุนที่นางภาคภูมิใจ
คืนนี้ หยุนหว่านหนิงจะทำลาย “ต้นทุน” ของนางทิ้งอย่างสิ้นเชิง!