อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 267 ตีอย่างแรง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 267 ตีอย่างแรง
เข็มเงินแทงเข้าไปบนหน้า หยุนธิงหลานกรีดร้องขึ้นมาทันที!
เสียงร้องนั่นคร่ำครวญจะเป็นจะตาย คนที่ไม่รู้ยังนึกว่าผีร้ายปรากฏกายขึ้นในโลกมนุษย์
แม้แต่มังกรตาเดียว ก็ยังตกใจจนตัวสั่น
เมื่อครู่เขาคิดอยู่ว่า จะแนะนำกูหน่ายนายใช้อาวุธร้ายกาจที่ใช้จัดการพวกเขาในคืนนั้น มาให้บทเรียนกับหยุนธิงหลานสักหน่อย คำพูดเพิ่งมาจะถึงปาก……
ก็เห็นเข็มเงินในมือของหยุนหว่านหนิง แทงเข้าไปบนใบหน้าของหยุนธิงหลานอย่างแรง!
โหด!
โหดมากพอจริงๆด้วย!
โหดเหี้ยมที่สุดคือใจหญิง!
แต่ว่าคำพูดนี้ ไหนเลยที่เขาจะกล้าพูดต่อหน้ากูหน่ายนาย? !
หยุนหว่านหนิงแสดงฝีมือในคืนนี้ วันหน้ามังกรตาเดียวก็ไม่กล้ามีความคิดใดๆที่ควรมีแล้ว……
“หยุนหว่านหนิง เจ้าไม่ได้ตายดีแน่!”
บนใบหน้าของหยุนธิงหลานมีหยดเลือดปรากฏขึ้นมา นางกลิ้งไปทั่วพื้นด้วยความเจ็บปวด “ข้าเป็นผีก็ไม่จะไม่ปล่อยเจ้าไป! หยุนหว่านหนิง! นังแพศยา!”
ยิ่งนางด่าแรงมากขึ้นเท่าไหร่ รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนหว่านหนิงก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
สักวันหนึ่ง นางจะทำให้หยุนธิงหลานไม่สามารถด่าออกมาได้อีก
แต่ตอนนี้เวลานี้ยังไม่ถึงเวลา เก็บปากของนางเอาไว้ชั่วคราวก่อน
นางลุกขึ้นยืน ค่อยๆเช็ดหยดเลือดที่อยู่บนเข็มเงินออกช้าๆ ถึงได้สั่งการมังกรตาเดียว “ตี”
“ขอแค่ไม่ทำให้ตาย ตีอย่างแรงได้เลย”
มังกรตาเดียวตกตะลึง มองดูแขนขาที่เรียวเล็กของหยุนธิงหลานอย่างลำบากใจ “กูหน่ายนาย นี่ นี่จะตีประมาณไหน?”
“หนึ่งหมัดของข้าชกลงไป เกรงว่านางคงจะตายแล้วมั้ง?”
เขายกกำปั้นของตัวเองขึ้นมา ขมวดคิ้วขึ้นอย่างลำบากใจ
“สั่งสอนบทเรียนง่ายๆ ก็พอ”
หยุนหว่านหนิงสะบัดมือ “ตีให้ซี่โครงหักสองสามท่อนเอ่ย หักแขนหักขาอะไรก็ว่าไป เจ้าจัดการไปตามสมควรเถอะ”
“ขอแค่ยังมีลมหายใจเฮือกหนึ่งก็พอ”
มังกรตาเดียว: “……”
นี่ยังเรียกว่าให้บทเรียนง่ายๆ อยู่อีกหรือ? !
ไม่กล้าขัดคำสั่งของกูหน่ายนาย
มังกรตาเดียวได้แต่ยื่นมือออกไปอย่างระมัดระวัง ต่อยหยุนธิงหลานเบาๆหนึ่งหมัด……หยุนธิงหลานด่าแรงมากยิ่งขึ้น แถมยังด่ามังกรตาเดียวไปด้วยอีกคน
หยุนหว่านหนิงมองดูมังกรตาเดียวด้วยใบหน้ารังเกียจ “เจ้ากำลังจั๊กจี้นางหรือ?”
“ต้องทำเช่นนี้! ดูให้ดี!”
พูดจบนางก็เงยหน้าขึ้นมา ตบไปบนใบหน้าของมังกรตาเดียวอย่างแรง
เสียงตบที่คมชัดเพิ่งจะดังขึ้นมา บนใบหน้าของมังกรตาเดียวก็ปวดแสบปวดร้อนขึ้นมา เขาร้องลั่นขึ้นมาทันที “กูหน่ายนาย ทำไมท่านต้องตบ……”
ยังไม่ทันได้พูดจบ หยุนหว่านหนิงก็เตะเข้ามาอย่างแรง
มังกรตาเดียวไม่มีการป้องกันตัวเลยแม้แต่น้อย ถูกเตะล้มลงบนพื้นโดยตรง หกล้มหน้าคะมำ
เขาลุกขึ้นจากพื้นด้วยความน้อยใจ ใบหน้าแดงก่ำ “กูหน่ายนาย……”
“ต้องตีเช่นนี้ เข้าใจหรือยัง?”
หยุนหว่านหนิงกล่าวถามด้วยเสียงเฉียบขาด
คืนนั้นนางตาบอดไปจริงๆ!
คิดไม่ถึงว่าจะพบกับพวกหน้าโง่ติ๊งต๊องพวกนี้ได้!
ความฉลาดทางด้านของสติปัญญาเท่านี้ของพวกเขา……หยุนหว่านหนิงไม่เข้าใจจริงๆว่า ไปเป็นโจนปล้นได้อย่างไร โจรอันธพาลในจินตนาการ ล้วนฆ่าคนมากมายนับไม่ถ้วน และชั่วร้ายไม่ใช่หรือ? !
เดิมทีคิดว่าที่ปราบได้คือฝูงหมาป่า คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฝูงหมาฮัสกี้หน้าโง่? !
หยุนหว่านหนิงมือก่ายหน้าผาก
“ขอรับ กูหน่ายนาย”
มังกรตาเดียวเข้าไปข้างหน้าด้วยความน้อยใจ จู่โจมหยุนธิงหลานทั้งซ้ายและขวา ตบไปสิบกว่าฉากติดต่อกัน
ตอนแรกหยุนธิงหลานยังด่าอย่างฮึกเหิม ต่อมาก็เหลือแต่ร้องขอความเมตตาเท่านั้น และตอนสุดท้ายก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด แม้แต่จะร้องขอความเมตตาก็ร้องไม่ออกอีก……
มังกรตาเดียวถึงได้หยุดลง
เขาจ้องมองหยุนธิงหลานอย่างดุดัน ในที่สุดดวงตาข้างเดียวนั่นก็มีความชั่วร้ายขึ้นมาเล็กน้อยซะที
“เจ้าคนไม่มีตา กล้ามายั่วยุกูหน่ายนายของเรา เจ้าเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม? !”
เมื่อครู่นี้ตั้งอกตั้งใจตีมากจนเกินไป มังกรตาเดียวใช้แรงมากเกินไป ชุดเสื้อผ้าของข้ารับใช้ที่เดิมทีก็ไม่พอดีตัวอยู่แล้ว ฉีกขาดเป็นรอยแยกหลายรอยแล้ว
กางเกงขาสั้นสีแดงสดที่อยู่ด้านในเผยออกมาครึ่งหนึ่งแล้ว……
หยุนหว่านหนิงไม่มีหน้ามองแล้ว เบนสายตาออกไปอย่างหมดคำพูด “เจ้าทำต่อไปเลย”
นางเอามือไพล่หลังแล้วเดินออกไปสองสามก้าว ข้างหูรู้สึกสงบลงเล็กน้อยแล้ว
มังกรตาเดียวรู้ว่าควรจะตีอย่างไร ไม่ช้าหยุนธิงหลานก็ถูกตีจนหมดสติไป
หลังจากที่ส่งนางกลับไปยังจวนยิ่งกั๋วกงแล้ว หยุนหว่านหนิงก็ “แอบเข้ามา” ในจวนอ๋องสาม
เพราะจวนอ๋องถูกตรวจสอบ โม่หุยเฟิงก็ถูกถอดออกจากตำแหน่ง กลายเป็นอ๋องที่มีฐานะต่ำต้อยและน่าขายหน้าที่สุด ในบรรดาท่านอ๋องทั้งหลาย ดังนั้นจึงกลายเป็นเรื่องตลกในเมืองหลวง
โม่จงหรานยังส่งคนมาเฝ้าจวนอ๋องสามเอาไว้
ทหารรักษาพระองค์เห็นหยุนหว่านหนิงเดินเข้าไปในจวนอ๋องสามอย่างวางมาด เดิมคิดจะเข้าไปขัดขวาง……
เมื่อนึกถึงว่าแม่คุณทูนหัวท่านนี้ คือคนโปรดของฮ่องเต้ในตอนนี้
ก็หยุดฝีเท้าลงมาอย่างพร้อมเพรียงกันทันที แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นนาง
หยุนหว่านหนิงกระโดดข้ามกำแพงเข้าไปในจวนอ๋องสามอย่างเปิดเผยด้วยประการเช่นนี้
เพิ่งจะลงพื้นยังไม่ทันได้ยืนมั่นคง ทหารรักษาพระองค์นายหนึ่งก็มองดูนางอย่างซื่อตรงและประหม่า “พระชายาหมิง ท่านจะลำบากไปเพื่ออะไร?”
“หากท่านล้มลงไปแล้วเจ็บตัวขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
เขากล่าว “หากรู้ว่าท่านจะมา ก็เข้ามาทางประตูหน้าโดยตรงเลยก็พอ”
หยุนหว่านหนิงแสร้งทำเป็นยิ้ม: “……นี่มันน่าอายจัง”
นางปัดฝุ่นที่อยู่บนชายกระโปรง “นี่ ข้ามาเป็นครั้งแรก! เรือนนอนของท่านอ๋องสามอยู่ที่ไหน?”
ทหารรักษาพระองค์ยื่นมือชี้ออกไป “อยู่ทางโน้น เดินผ่านทางเดินไป แล้วอ้อมสระน้ำนั่นไป เดินตรงไปเลยก็พอ”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากพี่ชาย!”
หยุนหว่านหนิงตบไปที่ไหล่ของเขา
ทหารรักษาพระองค์หน้าเหงื่อแตกพลั่ก “ไม่ ไม่เป็นไร”
ให้เขาใจกล้ามากแค่ไหน ก็ไม่กล้าเป็นพี่น้องของพระชายาหมิงหรอก!
หยุนหว่านหนิงเขาไปในเรือนนอนของโม่หุยเฟิง
เวลานี้ โม่หุยเฟิงยังไม่ได้พักผ่อน……หรือจะบอกว่า ตั้งแต่ราชโองการของโม่จงหรานถูกส่งมาถึงจวนอ๋องแล้ว เขาก็นอนจะตายมิตายแหล่อยู่บนเตียงตลอด
ไม่ใช่ป่วยจนลงจากเตียงไม่ได้ และไม่ใช่ไม่มีหน้าไปพบผู้คน
แต่ภายใต้ความเดือดดาลเขาทุบทำลายลานบ้านไปกว่าครึ่ง ถูกเสาที่ล้มลงมาฟาดไปโดนท้ายทอย……
สองสามวันมานี้ฉินซื่อเสวียก็ถือว่าได้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาแล้วเช่นกัน
เห็นว่าครั้งนี้โม่หุยเฟิงไม่มีโอกาส ที่จะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นก็ไม่ได้เข้ามาในลานของเขาอีกแม้แต่ครึ่งก้าว นางยังร้องไห้เสียใจกับการสูญเสีย “วัยสาว” รวมไปถึงลูกในท้องที่ไม่ได้สามารถลืมตาออกมาดูโลกในตอนนั้นอยู่
จวนอ๋องแยกย้ายบ่าวรับใช้ไปกว่าครึ่ง ดังนั้นลานของโม่หุยเฟิง จึงเงียบเหงาอ้างว้าง
ในตอนที่หยุนหว่านหนิงเข้ามา โม่หุยเฟิงยังนอนอยู่บนเตียง ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างจ้องมองดูขื่อคานที่อยู่เหนือศีรษะ
ได้ยินเสียงคนเปิดประตู นึกว่าพ่อบ้านเข้ามาเสียอีก
เขาไม่เงยหน้าขึ้นมามองเลยด้วยซ้ำ “ออกไป”
“ท่านอ๋องสาม ไม่ง่ายกว่าที่ข้าจะมาจวนอ๋องสามสักครั้ง ทำไมท่านถึงขับไล่กันเช่นนี้ล่ะ?”
หยุนหว่านหนิงเดินเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินเสียงของนาง โม่หุยเฟิงหันหน้ามองไปทางหน้าประตูทันที ดวงตาคู่ที่เดิมทีไร้ชีวิตชีวา มีความเกลียดชังที่แรงกล้าพุ่งออกมาทันที “หยุน! หว่าน! หนิง!”
น้ำเสียงที่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน เสียงนี้ เหมือนกับคำพูดของหยุนธิงหลาน ในคืนนี้ไม่มีผิด
“อ่ะหะ”
หยุนหว่านหนิงเดินเข้าไปใกล้ “ท่านอ๋องสามยังจำข้าได้อยู่หรือ?”
เดิมนึกว่าเขานอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง สายตาจะไม่ค่อยดีเสียอีก
“เจ้ากลายเป็นเถ้าถ่านข้าก็จำได้!”
โม่หุยเฟิงกล่าวถามอย่างดุดัน “เจ้ามาทำอะไร? !”
เขาพยายามลุกขึ้นมานั่ง บนศีรษะมีผ้าพันแผลพันเอาไว้อย่างแน่นหนา ดูแล้วตลกและน่าขำมาก
หยุนหว่านหนิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หยิบบางสิ่งออกมาจากช่องว่าง “ข้ามาเพื่อให้ท่านดูสิ่งของบางอย่าง……”