อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 270 โม่เยว่ ท่านมันต่ำช้า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 270 โม่เยว่ ท่านมันต่ำช้า
แม่เจ้า!
ตอนนี้นาง ใส่แค่ตู้โตว(*ชุดชั้นในสมัยโบราณ)ตัวเดียวเท่านั้นนะ!
ในหัวของหยุนหว่านหนิงมีแสงสีขาวแวบผ่านไป: เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม นี่นางถูกคนลวนลามหรือ? !
นึกไม่ถึงว่า ในห้องของนางจะมี “พวกถ้ำมอง” ? !
หยุนหว่านหนิงกำลังจะร้องตะโกน ข้อศอกก็กระแทกไปด้านหลังอย่างรวดเร็วเช่นกัน ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังคาดเดาการเคลื่อนไหวก้าวต่อไปของนางได้ จึงจับแขนของนางเอาไว้ก่อนแล้ว
ใช้มือปิดปากของนางเอาไว้: “หนิงเอ๋อร์ ข้าเอง”
ที่แท้ก็โม่เยว่นี่เอง……
หยุนหว่านหนิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็อาศัยตอนที่เขาไม่ระวัง ใช้มืออีกข้างหนึ่งดันกลับไปอย่างแรง
ข้อศอกดันไว้บนหน้าท้องของโม่เยว่อย่างแรง เขาส่งเสียงอู้อี้พร้อมรีบร้อนปล่อยมือ
หยุนหว่านหนิงถือโอกาสหันกลับมา เตะไปทางหว่างขาของเขา……
“เป็นเจ้าแล้วอย่างไร? ข้าก็ทุบตีเหมือนเดิม!”
ลูกเตะนี้ยังไม่ทันได้เตะเข้าไป ก็ถูกโม่เยว่คว้าข้อเท้าเอาไว้แล้ว หยุนหว่านหนิงเสียการทรงตัวโงนเงนไปมา ทั้งสองคนล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน
ในความมืดมิด โม่เยว่มือเร็วตาไว กอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน
เขาเป็นเบาะมนุษย์ให้กับนาง
หยุนหว่านหนิงไม่ได้เจ็บอะไร แต่ข้อศอกของโม่เยว่เป็นแผลถลอกแถบใหญ่
เขาระงับเสียงอู้อี้ระหว่างฟันเอาไว้ สอบถามด้วยความห่วงใย “หนิงเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ทั้งสองลดเสียงลงมา กลัวว่าจะทำให้หยวนเป่าตื่น
“ไอ้สารเลวโม่เยว่! เจ้าพวกถ้ำมอง! ดึกๆเที่ยงคืนไม่หลับไม่นอน มาที่ห้องข้าทำไม!”
หยุนหว่านหนิงด่าเสียงเบา
โม่เยว่ก็จนใจมากเช่นกัน
“ข้ากล่อมลูกชายนอนหลับแล้ว ก็รอเจ้ากลับมาตลอด ใครจะรู้ว่าทันทีที่เจ้าเข้ามาก็……เมื่อครู่นี้หากข้าขัดขวางไม่ทัน เจ้าจะไม่เสียเปรียบมากกว่านี้หรือ?”
เขาหมายถึง เรื่องที่หยุนหว่านหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านหลังฉากบังตา
แก้มของหยุนหว่านหนิงแดงก่ำ
นางเงยหน้าขึ้นมอง แสงจันทร์ส่องมาที่แห่งนี้พอดี
และทางด้านเตียงนอน ก็มีแต่ความมืดมิด
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ โม่เยว่นอนอยู่บนเตียง สามารถเห็นการกระทำของนางได้อย่างชัดเจน
หยุนหว่านหนิงอยู่ด้านหลังฉากบังตา กลับมองไม่เห็นโม่เยว่ที่อยู่บนเตียง……
เมื่อครู่นี้โม่เยว่มีใจจะชื่นชม “สาวงามเปลี่ยนเสื้อผ้า” ใครจะรู้ว่าเพียงแค่เห็นนางถอดเสื้อออก……เขาก็ทนไม่ไหวแล้ว เลือดอันเร่าร้อนก็พุ่งขึ้นมาเหนือศีรษะ
เร่าร้อนไปหมดทั้งตัว
คนทั้งคนเหมือนกับ เป็นไข้จากอาการหวัด ริมฝีปาก และลำคอก็แหบแห้งอย่างรุนแรง
แทบอยากจะกระโดดลงไปในสระน้ำที่เย็นยะเยือก แล้วแช่อยู่ข้างในทั้งคืน
หรือไม่ก็โอบกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขน……
รู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่เพิ่งจะระงับลงไป ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง โม่เยว่รีบร้อนส่ายหน้า สลัดความคิดที่ไม่ควรมีในหัวทิ้งไป
ให้ตายเถอะ!
เขาไม่สามารถต้านทานหยุนหว่านหนิงเลยแม้น้อย ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? !
รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเขา หยุนหว่านหนิงหน้าแดงขึ้นมา
นางไม่ใช่เด็กสาวอายุสิบหกสิบเจ็ดแล้ว จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าโม่เยว่เป็นอะไร? !
นางผลักมือของโม่เยว่ที่โอบเอวบางของนางอยู่ออกไป กล่าวดูแคลนเสียงต่ำอย่างไม่สบอารมณ์ “ต่ำช้า! ในหัวของเจ้าล้วนคิดแต่เรื่องสกปรกอะไรอยู่?”
หยุนหว่านหนิงลุกพรวดขึ้นมาทันที
โม่เยว่ไม่สนใจความเจ็บที่ปวดแสบปวดร้อนบนข้อศอก ลุกตามขึ้นมาเช่นกัน
“ข้าคิดถึงเมียของตัวเอง มีความผิดด้วยหรือ?”
น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา แววตาขุ่นเคือง……
ดูแล้ว เหมือนกับหญิงสาวแต่งงานใหม่ที่ถูกรังแกอย่างมาก
จู่ๆหยุนหว่านหนิงก็รู้สึกว่า ท่าทางน้อยใจและขุ่นเคืองนั่นของเขา เหมือนกับว่านางใช้บริการเขาแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน……
โม่เยว่กล่าวขึ้นมาอย่างหน้าด้านไร้ยางอายอีกครั้ง “หนิงเอ๋อร์ สี่ปีมานี้ เจ้าดูแลตัวเองดีจริงๆ”
“ดู ดูแลอะไรดีจริงๆ?”
หยุนหว่านหนิงผู้ซึ่งฝีปากเก่งมาตลอด คืนนี้ก็พูดติดอ่างอย่างเศร้าสร้อยแล้ว!
โม่เยว่เข้ามาใกล้ “ดูแลรูปร่างได้ดีจริงๆ มีเสน่ห์เย้ายวนมากกว่าเมื่อสี่ปีก่อนเสียอีก ข้ายังจำได้ว่า เมื่อสี่ปีก่อนเจ้าผอมจนเหมือนซี่โครง”
แต่ว่าเมื่อครู่นี้……
ส่วนโค้งที่สวยงามของเรือนร่างนาง แวบเข้ามาในหัวของเขาอย่างต่อเนื่อง!
โม่เยว่เริ่มปากแห้งคอแห้งขึ้นมาอีกครั้ง อดที่จะเลียริมฝีปากขึ้นมาไม่ได้
ในหัวของหยุนหว่านหนิงมีเสียงดัง “ตูม” ขึ้นมา!
“เจ้าหุบปาก”
นางรีบร้อนหันหลังให้กับเขา และเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ “ดึกมากแล้ว เจ้า เจ้าจะกลับไปก็รีบไป ไม่กลับ ไม่กลับก็ปูนอนกับพื้นแล้วกัน!”
อย่างไรเสียคืนนี้ นางไม่ให้เขาขึ้นเตียงแน่!
มองดูนางรีบร้อนมุดเข้าไปในผ้าห่มแล้วนอนลง โม่เยว่หัวเราะอู้อี้ในลำคอ
“หนิงเอ๋อร์”
เขาเดินมาใกล้ข้างเตียง แล้วเรียกขึ้นมาเบาๆ
หยุนหว่านหนิงคลุมตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่ศีรษะก็ใช้ผ้าห่มคลุมเอาไว้
ได้ยินเสียงเรียกของโม่เยว่ นางเปิดผ้าห่มออกแล้วจ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “อะไรอีกล่ะ?”
“เจ้ายังไม่ได้หวีผมล้างหน้าเลย”
โม่เยว่กล่าวอย่างอารมณ์ดี
หยุนหว่านหนิง: “……”
นางได้แต่พลิกตัวลงมาบนพื้นแล้วไปหวีผมล้างหน้า ขณะที่เดินไปในใจก็แช่งชักหักกระดูกโม่เยว่อย่างดุดันไปด้วย
หลังจากที่นางหวีผมล้างหน้าออกมา โม่เยว่ก็นอนอยู่บนที่ที่นางนอนเมื่อครู่นี้แล้ว เห็นดวงตาทั้งคู่ของเขาปิดสนิท ลมหายใจยาวสม่ำเสมอ ดูเหมือนจะนอนหลับไปแล้วเช่นกัน
ตอนนี้หยวนเป่านอนอยู่ฝั่งขวามือของเขา ด้านในของเตียง ที่ที่สามารถนอนลงไปได้……ก็มีเพียงฝั่งซ้ายมือของโม่เยว่เท่านั้นแล้ว
หยุนหว่านหนิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบผ้านวมออกมาอีกผืน นอนลงไปบนเก้าอี้กุ้ยเฟยเตรียมพร้อมแก้ขัดคืนหนึ่ง
นอนหลับสบายทั้งคืน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ในตอนที่หยุนหว่านหนิงตื่นมา ก็สบตาเข้ากับดวงตากลมโตที่ดำสนิทและสดใสสองคู่
ดวงตาคู่หนึ่งเป็นของโม่เยว่ อีกคู่เป็นของหยวนเป่า
“ท่านแม่ ในที่สุดท่านก็ตื่นได้สักที!”
หยวนเป่ามุดเข้าไปในอ้อมแขนของนาง “พ่อเก๊บอกว่า ท่านแม่นอนทับแขนของเขาจนชาไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะปลุกท่านแม่ให้ตื่น”
ลูกชาย พูดแทนพ่อเก๊ของเจ้าแต่เช้าตรู่มันจะดีจริงหรือ!”
หยุนหว่านหนิงกอดหยวนเป่าเอาไว้ กลอกตาไปทางโม่เยว่ “ข้าจำได้ว่า เมื่อคืนข้านอนบนเก้าอี้กุ้ยเฟยชัดๆ”
“เจ้านอนละเมอกลางดึก ปีนขึ้นมาบนเตียง ยังเบียดตัวเข้ามาในอ้อมแขนของข้าด้วย”
โม่เยว่กล่าวออกมาอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า
หยุนหว่านหนิง: “……ข้าถึงกับไม่รู้ว่า ข้ายังมีนิสัยเดินละเมอด้วย”
แต่งเรื่อง!
ชายปากหมา เจ้าแต่งเรื่องต่อไปเลย!
“อืม นิสัยอันนี้ไม่ดี ต่อไปต้องแก้ ปีนขึ้นมาบนเตียงของข้าก็ไม่เป็นไร หากเที่ยงคืนดึกดื่นออกไปก่อเรื่องก่อราว ข้ายังต้องคอยตามล้างตามเช็ดให้เจ้าอีก”
หยุนหว่านหนิง: “……โม่เยว่ท่านหุบ! ปาก!”
หยวนเป่ากะพริบตา หัวเราะ “เอิ๊กอ๊าก” ขึ้นมา
……
จวนยิ่งกั๋วกง
ตอนที่หยุนธิงหลานตื่นมา ก็เป็นเวลาสายโด่งแล้ว
นางปวดเมื่อยไม่มีแรงและเจ็บปวดไปทั้งร่างกายอย่างรุนแรง เหมือนกับถูกหินก้อนใหญ่ทับ แม้แต่กระดูกก็เจ็บปวดจนอยากจะแยกออกจากกัน
ข้อมือ ข้อเท้า ถูกเชือดมัดจนเป็นรอยแดงลึก เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
แก้มทั้งสองข้างก็บวมปูดขึ้นมา บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยจุดแดงเล็กๆ ดูแล้วเหมือนกับมีรอยแผลเป็นอยู่เต็มใบหน้า น่ากลัวและน่าขยะแขยง
เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ค่อยๆถาโถมเข้ามาในหัว
หยุนธิงหลานรู้สึกอัปยศอดสูในใจ โกรธแค้นชิงชัง “หยุนหว่านหนิง! ข้าจะไม่ให้เจ้าได้ตายดีแน่!”
เสียงของนางแหบแห้ง ความเกลียดชังในดวงตาทำให้คนตกตะลึง
“เด็กๆ เด็กๆ!”
หยุนธิงหลานตะโกนด้วยเสียงที่แหบแห้ง
ไม่มีใครตอบรับ
ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ว่า เมื่อคืนนี้คุณหนูรองของตนเองหายตัวไปอย่างแปลกประหลาด ถูกคนส่งกลับมากลางดึก บ่าวรับใช้คิดเพียงว่า นางดับไฟนอนตั้งแต่หัวค่ำแล้ว
ดังนั้น ลู่โย่วสาวใช้ข้างกายของนางวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางรีบเร่ง หลังจากที่เห็นนางกลายสภาพเป็นเช่นนี้……
“อ๊า……คุณหนูนี่ท่านเป็นอะไรไปน่ะ? !”
ลู่โย่วรีบร้อนกระโจนไปข้างเตียง มองดูนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หยุนธิงหลานไม่ได้ตอบคำถาม เห็นความตื่นตระหนกตอนที่นางเข้าประตูมาเมื่อครู่นี้ นางกัดฟันถามขึ้นมา “เป็นอะไรไป? ทำไมถึงได้ตื่นตระหนกเช่นนี้? !”
ลู่โย่วถึงได้ลุกขึ้นมาอย่างประหม่า มองดูนางราวกับกำลังเผชิญกับศัตรูที่น่าเกรงขาม “คุณหนู เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”
“พระชายา พระชายาหมิงมาที่นี่!”