อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 276 มาปล้นกูหน่ายนาย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 276 มาปล้นกูหน่ายนาย
มารดา!
ในสมองของหยุนหว่านหนิงมีสองคำนี้เต็มไปหมด
ปากของนางนี่ เคยผ่านการปลุกเสกกระมัง!
แต่ ทำไมเงาร่าง ‘สีสันฉูดฉาด’ เมื่อกี้ถึงคุ้นจัง…
ครั้นหยุนธิงธิงตะโกนว่า ‘ขโมย’ หยุนหว่านหนิงก็ตบบ่านาง “น้องสาม เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ! ข้าจะไปเอาถุงเงินกลับมาเดี๋ยวนี้แหละ!”
ขโมย?
นั่นมันคือโจรวิ่งราวชัดๆ โจรพื้นที่!
กลางวันแสกๆ ใต้ฝ่าเท้าโอรสสวรรค์ กลับวิ่งราวโจ่งแจ้ง!
แล้วยังปล้นต่อหน้าต่อตาหยุนหว่านหนิงอีกด้วย นี่มิใช่การรนหาที่ตายหรือ!
“เจ้ารอข้าอยู่นี่”
เมื่อกล่าวจบ เงาร่างของหยุนหว่านหนิงก็หายแวบไปจากตรงหน้าทันที
โจรวิ่งราวใส่ชุดสีสันฉูดฉาด ดูง่ายมาก
แม้จะวิ่งอ้าวอยู่ท่ามกลางฝูงคน แต่คลองจักษุของหยุนหว่านหนิงยังคงจับจ้องอยู่กับตัวเขา ครั้นวิ่ง ชุดกระโปรงยาวนี่เกะกะอยู่บ้าง ดังนั้นหยุนหว่านหนิงจึงกัดฟันฉีกสองข้างออก
รอยฉีดยาวขึ้นมาถึงเหนือหัวเข่า จากนั้นก็วิ่งสะดวกมากขึ้นแยะ
นางดึงชายกระโปรงขึ้น สองเท้าหมุนเป็นกงล้อ รวดเร็วปานเหาะ
โจรวิ่งราวสีสันฉูดฉาดผู้นั้นเห็นนางไล่ตามมาประชิดเรื่อยๆ…
เขาตกตะลึง ผู้หญิงคนหนึ่งกลับวิ่งได้เร็วขนาดนี้!
เขาวิ่งไม่คิดชีวิต ราวกับผีเสื้อหลากสีที่มุดอยู่ท่ามกลางฝูงชน
ถูกไล่ตามสองสายถนนเต็มๆ แต่ ‘ผีเสื้อหลากสี’ ก็ยังสลัดนางไม่หลุด…แต่กลับเป็นหยุนหว่านหนิงที่ทำเหมือนกับแมวจับหนู จงใจแกล้งเขา
พอเห็นว่าจะตามทันแล้ว นางก็ช้าลง ดึงระยะห่างของทั้งสอง
ครั้นห่างกันแล้ว นางก็พุ่งเข้าไปหาด้วยความเร็วร้อยหมี่อีก ‘ผีเสื้อหลากสี’ อยู่ใกล้แค่เอื้อม
หยุนหว่านหนิงหยุดลงอีกครั้ง ดึงระยะห่างออกจากกันอีก
เป็นเช่นนี้หลายครั้งเข้า จิตใจของ ‘ผีเสื้อหลากสี’ ก็พลังทลาย
ด้วยความอ่อนล้าไร้กำลัง ตะลีตะลานไม่มีเวลาคิด เขาจึงเข้าไปใน…ซอย…ตัน!
คราวนี้ ถูกหยุนหว่านหนิงขวางเอาไว้แล้ว
ด้านหน้าคือกำแพง ด้านหลังคือหยุนหว่านหนิงที่ยืนกอดอก อิงผนังมองเขาอย่างสบายอารมณ์
‘ผีเสื้อหลากสี’ สติแตกแล้ว คุกเข่าลงกับพื้น “ความแค้นอะไร ความอาฆาตอะไรหา! ก็แค่ถุงเงินเล็กๆ ใบเดียวมิใช่หรือ ข้าคืนให้เจ้าก็ได้!”
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เพื่อถุงเงินใบเดียว ถึงกับไล่บี้เขาครึ่งเมืองหลวง!
โจรวิ่งราวทำยากโดยแท้ เขาไม่ทำแล้ว!
‘ผีเสื้อหลากสี’ โยนถุงเงินไปให้หยุนหว่านหนิงเต็มแรง หยุนหว่านหนิงรับอย่างแม่นยำ
ครั้นเห็น ‘ผีเสื้อหลากสี’ นั่งเผละอยู่กับพื้น เหงื่อชุ่มโชก หายฟืดฟาดเหมือนวัว
หยุนหว่านหนิงก็เดินยุรยาตรเข้าไปหา “นี่ เจ้าหัวขโมยน้อย! เจ้าเป็นคนของพรรคเหยเฟิงใช่หรือไม่”
ทีแรกนางยังไม่รู้ฐานะของหัวขโมยน้อยนี้
แต่ตอนที่กำลังไล่ตาม มักรู้สึกว่าเสื้อผ้าอีกฝ่ายคุ้นตาสุดๆ…นางจึงอดคิดชุดที่มังกรตาเดียวเคยใส่ในตอนนั้นไม่ได้ เป็นชุดลายๆ ที่ชวนให้ตาลาย
เมื่อก่อนนางเคยพูดว่าอย่าใส่ชุดดำทะมึนอย่างกับอีกาดำ
มังกรตาเดียวจึง ‘ปรับ’ แต่งกายของสมาชิกพรรคเหยเฟิงเปลี่ยนเป็นชุดที่มีสีสันแบบนี้…
ดังนั้นนางจึงรู้ว่านี่คือสมาชิกพรรคเหยเฟิง
ครั้นเห็นหยุนหว่านหนิงรู้ฐานะของเขา…
‘ผีเสื้อหลากสี’ ก็เริ่มวางก้าม “ฮึ! ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าคือใคร ก็น่าจะรู้ว่าลูกพี่ของพวกเราคือใคร! และเบื้องหลังลูกพี่เรามีใครอยู่!”
“ข้าขอเตือนเจ้าเลยนะ รีบไปเสีย ไม่อย่างนั้นข้าจะให้เจ้าได้เห็นดีเลย”
“ลูกพี่เจ้าคือใคร แล้วนายใหญ่เบื้องหลังพวกเจ้าคือใคร”
หยุนหว่านหนิงเท้าคาง
“เบื้องหลังลูกพี่ข้า ก็คือพระชายาหมิง!”
‘ผีเสื้อหลากสี’ โอ้อวดด้วยความภาคภูมิ
หยุนหว่านหนิงหัวเราะ “เช่นนั้นหรือ แล้วเจ้าเคยเห็นพระชายาหมิงหรือไม่”
“ข้า…”
ลูกกระจ๊อกอย่างเขา ไหนเลยจะเคยพบคนที่อยู่สูงบนชั้นเมฆอย่างพระชายาหมิงได้!
แต่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ ‘ผีเสื้อหลากสี’ จะเผยความขลาดไม่ได้ ดังนั้นจึงรีบยืดอก “ข้าย่อมเคยพบ! ข้าเคยพบพระชายาหมิงมาก่อน นางงดงามที่สุด!”
เขาพูดโอ้อวด
“งามแค่ไหน”
หยุนหว่านหนิงมองเขาอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
คำพูดชมเชย ยกย่อง ใครบ้างไม่อยากฟัง
“ลูกพี่พวกเราบอกแล้ว กูหน่ายนายบ้านพวกเรา เป็นบุคคลที่เป็นดั่งเซียนสวรรค์! มีนางอยู่ ทั้งเมืองหลวงไม่มีผู้ใดเทียบเทียมความงามได้!”
ว่าแล้ว ‘ผีเสื้อหลากสี’ ก็ขมวดคิ้วมองนาง “แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า”
“เจ้าดูให้ดีสิ”
หยุนหว่านหนิงโน้มตัว “กูหน่ายนายบ้านเจ้า งดงามเหมือนข้าหรือไม่”
“เออ…”
‘ผีเสื้อหลากสี’ พินิจ “เจ้าก็ไม่เลว แต่ไม่งามเท่ากูหน่ายนายบ้านข้า!”
อันที่จริง ‘ผีเสื้อหลากสี’ กำลังตุ้มๆ ต่อมๆ
เมื่อครู่เขาเอาแต่คิดว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
จึงละเลยรูปโฉมของนาง
แวบแรกที่เห็น ความงามของนางช่างชวนให้คนตะลึง
ครั้นมองอีกที ยิ่งดูก็ยิ่งวิไล ยิ่งทึ่ง…โดยเฉพาะดวงตาโตดำขลับแวววาวคู่นั้น ราวกับน้ำวนที่สามารถดูดวิญญาณคนเข้าไปได้
‘ผีเสื้อหลากสี’ กลืนน้ำลายลงคอ
“เจ้าไม่รู้สึกว่าคุ้นกับข้ามากหรือ”
หยุนหว่านหนิงยืนตัวตรง “ไม่รู้สึกว่าข้าเหมือนกูหน่ายนายบ้านเจ้ามากหรือ”
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
‘ผีเสื้อหลากสี’ อึ้ง จากนั้นก็หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง “เจ้างามมากก็จริง แต่คิดจะแอบอ้างเป็นกูหน่ายนายบ้านข้าเนี่ย เจ้ายังห่างชั้นอีกเยอะ!”
เขาหัวเราะจนน้ำตาไหล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เห็นหยุนหว่านหนิงฉีกกระโปรง เผยขาขาวสองข้าง…
“เจ้าเป็นผียาจกวิ่งออกมาจากไหน เสื้อผ้าหลุดลุ่ย แล้วยังแอบอ้างเป็นพระชายาหมิงอีก!”
“อย่างนั้นหรือ ลูกพี่มังกรตาเดียวของพวกเจ้า ไม่ได้วาดภาพเหมือนของกูหน่ายนายบ้านพวกเจ้าแขวนสักการบูชาอยู่ไว้ในพรรคหรือ”
หยุนหว่านหนิงไม่ได้โมโห เพียงแต่มองเขาอย่างขำขัน
“เจ้าจะให้ข้าหัวเราะตายอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ แอบอ้างเป็นกูหน่ายนายบ้านพวกข้า…”
หัวเราะไปหัวเราะมา ‘ผีเสื้อหลากสี’ ก็หน้าค้าง
เขานึกขึ้นได้
เมื่อกี้นางบอกว่าลูกพี่มังกรตาเดียวของพวกเขา?
แล้วยังบอกว่าภาพเหมือนของกูหน่ายนาย แขวนสักการบูชาอยู่ในพรรค?!
นางรู้ได้อย่างไรว่าลูกพี่ของพวกเขาชื่อว่ามังกรตาเดียว
แล้วรู้ได้อย่างไร ว่าในพรรคสักการบูชาภาพเหมือนของกูหน่ายนายจริงๆ!
เพียงแต่เขาเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าพรรค ไม่มีสิทธิ์เห็นภาพเหมือนของกูหน่ายนายและไม่มีสิทธิ์คำนับยามเช้ากับกูหน่ายนายด้วย…ดังนั้นก็เลยไม่รู้ว่ากูหน่ายนายหน้าตาเป็นอย่างไร!
หรือว่านางจะ…
‘ผีเสื้อหลากสี’ เงยหน้าขึ้นมองนางพรึบ เหงื่อเม็ดโตไหลลงหลังทีละเม็ด
เขาปากอ้าตาค้างตะลึงงัน “จะ เจ้า เจ้าคือ…”
“อย่างไร แม้แต่กูหน่ายนายบ้านเจ้าก็ไม่รู้จักแล้วหรือ”
หยุนหว่านหนิงถีบ‘ผีเสื้อหลากสี’ แรงๆ ทีหนึ่ง ล้มคะมำลงกับพื้น “เจ้าคนไม่ดูตาม้าตาเรือ! จะปล้นก็มาปล้นข้าได้! ตาสุนัขเจ้าบอดแล้วหรือ!”
“ข้าให้พวกเจ้ากลับตัวเสียใหม่ ยังกล้าทำเรื่องแบบนี้อีก ทำข้าเสียชื่อเสียง!”
“ไอ้ตัวบัดซบ!”
นางถีบไปหลายครั้ง ‘ผีเสื้อหลากสี’ กุมศีรษะขดตัวอยู่ในมุมหนึ่ง แม้แต่จะร้องวิงวอนให้ละเว้นก็ไม่กล้า…
วันนี้เขาช่างบรมซวยแปดชาติโดยแท้!
ทำไมถึงปล้นกูหน่ายนายได้!
จบเห่แล้ววันนี้ เขาคงต้องถูกกูหน่ายนายซ้อมตายอยู่ที่นี่แล้ว!
ลูกพี่ รีบมาช่วยเร็วสิ…
‘ผีเสื้อหลากสี’ ร้องครวญอยู่ในใจ
หยุนหว่านหนิงเดือดจัด กำลังซ้อมมันมือ ทันใดนั้นเบื้องหลังก็มีเสียงดังขึ้น “หว่านหนิง…”