อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 277 เห็นมันไม่ถูกชะตา ชกทีหนึ่ง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 277 เห็นมันไม่ถูกชะตา ชกทีหนึ่ง
เสียงนี้น่าแปลกใจอยู่บ้าง
หยุนหว่านหนิงหันไปมอง เห็นโม่ฮั่นอี่ว์อ้าปากตาค้างยืนอยู่ที่ปากซอย ยืดคอมองมา “เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
เห็น‘ผีเสื้อหลากสี’ ที่ถูกซ้อมจนจมูกช้ำหน้าบวมอยู่แทบเท้าหยุนหว่านหนิง…
โม่ฮั่นอี่ว์เลิกคิ้ว “นี่เจ้ากำลังซ้อมคนหรือ”
“ในตาท่านมีถั่วหรืออย่างไร”
หยุนหว่านหนิงกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์
เห็นได้ชัดว่าโม่ฮั่นอี่ว์ออกมา ‘หากิน’
ตอนนี้ เขายังกอดกล่องขนม ผลไม้เคลือบน้ำตาล ไก่ย่างหนึ่งตัวและกล่องอาหารที่ห่อแน่นหนาดูไม่ออกว่าคืออะไรอยู่ในอก
แต่แค่อยู่ไกลๆ ก็ได้กลิ่นหอมชวนให้น้ำลายสอแล้ว
สมกับที่เป็นราชากระเพาะเหล็ก!
“ท่านเป็นถึงท่านอ๋อง ทำไมออกข้างนอกไม่พาบ่าวรับใช้มาด้วยล่ะ”
ถึงกับหอบของกินมากมายด้วยตนเอง
นี่จะติดดินไปแล้วกระมัง
หยุนหว่านหนิงเดาะลิ้น “รู้ว่าท่านกินเก่ง แต่ไม่คิดว่าจะกินเก่งขนาดนี้! สมควรลดความอ้วนได้แล้ว! ท่านดูท้องของท่านสิ ใหญ่กว่าคนท้องห้าเดือนตั้งเยอะ!”
แม้จะเผชิญกับความปากร้ายของนาง แต่โม่ฮั่นอี่ว์ก็ไม่ได้โกรธ
เขารู้ว่านิสัยของหยุนหว่านหนิงเป็นคนอย่างไร
โมโหกับนาง เอาชนะนางได้หรือ
นั่นมิต้องทำจนตัวเองโมโหตาย?
โม่ฮั่นอี่ว์ถือผลไม้เคลือบน้ำตาลไม้หนึ่ง กินอย่างออกรสออกชาติ พวงแก้มทั้งสองเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาล “ข้าไม่ให้พวกเขาตามมา!”
“หยิงหยิงก็ให้ข้าลดความอ้วนเหมือนกัน! แต่จะไม่ให้ข้ากินมันเป็นไปไม่ได้! ให้ข้าตายเสียดีกว่า!”
“ดังนั้นวันนี้ ท่านแอบออกมาจวนอ๋องมาหากินลับหลังพี่สะใภ้รอง?”
หยุนหว่านหนิงมองเขาอย่างขำขัน
วิธีนี้สมกับที่เป็น…โม่ฮั่นอี่ว์มาก
ในบรรดาอ๋อง น่ากลัวว่าจะมีแต่เขาที่ทำเรื่องอย่างนี้ออกมาได้
“ใช่!”
โม่ฮั่นอี่ว์ตอบแบบก็ต้องเป็นอย่างนั้นสิ ยื่นไก่ย่างที่ถืออยู่ในมือออกไป “เจ้าจะชิมไหม”
“ไก่ย่างของภัตตาคารที่เปิดใหม่ฝั่งตรงข้ามสุดยอดไปเลย! เมื่อวานข้าทำเสด็จพ่อกริ้ว กะจะเอาไก่ย่างไปขอรับพระอาญากับเสด็จพ่อ”
เขาเช็ดมือที่เปื้อนคราบน้ำตาลกับตัว…‘ผีเสื้อหลากสี’ ที่นอนอยู่กับพื้นอย่างไม่สนใจไยดี
“ไก่ย่างนี่อร่อยสุดยอดไปเลย! ไม่แน่ว่าเสด็จพ่อทรงเสวยคำหนึ่งแล้ว พระทัยมังกรจะเบิกบานยกโทษให้ข้า!”
หยุนหว่านหนิง “…ความคิดของท่านช่างล้ำจริงๆ!”
“ข้าแปลกใจนัก ท่านคิดออกมาได้อย่างไร”
ดังคาด รูปแบบการขอโทษของราชากระเพาะเหล็กต่างจากคนอื่นจริงๆ
นอกจากเรื่องกิน โม่ฮั่นอี่ว์ยังจะรู้อะไรอีก!
“แต่ท่านไม่กลัวว่าเสด็จพ่อเห็นท่านกินไก่ย่างแล้ว จะกริ้วจัดทำท่านให้เป็นไก่ย่างหรือ”
เมื่อได้ยินดังนั้น โม่ฮั่นอี่ว์ก็ชะงัก ผลไม้เคลือบน้ำตาลที่อยู่ในมือคล้ายจะไร้รสชาติในทันที “มะ ไม่กระมัง เสด็จพ่อมิทรงโหดเหี้ยมเช่นนั้นกระมัง”
เขามองหยุนหว่านหนิงด้วยความหวาดหวั่น
“ท่านก็ลองดูสิ”
หยุนหว่านหนิงยักไหล่ “ก็ท่านเป็นคนคิดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ต้องลงมือทดสอบ”
“ต่อให้ถูกซ้อมยกหนึ่ง ก็คุ้มค่ามากนี่?”
“คุ้มค่าผายลม”
โม่ฮั่นอี่ว์ยัดของอร่อยในอกให้หยุนหว่านหนิงพลัน “มา ช่วยข้าถือ”
หยุนหว่านหนิงถูกบังคับให้ถือ
ขณะกำลังจะถามว่าเขาจะทำอะไร ก็เห็นเขาสวกหมัดอ้วนๆ ออกไปแล้ว ชกใบหน้า ‘ผีเสื้อหลากสี’ เต็มๆ “ข้าเห็นมันไม่ถูกชะตา ก็เลยชกก่อนหนึ่ง”
“ผู้ชายทั้งแท่ง แต่กลับใส่ชุดลายๆ ดอกๆ อะไรนี่ จะทำข้าตาบอดอยู่แล้ว!”
‘ผีเสื้อหลากสี’ ผู้น่าสงสาร ถูกเจ้าอ้วนชกอีกครั้ง
อย่าเห็นว่าโม่ฮั่นอี่ว์รู้แต่กินนะ หมัดนั้นลงไป ชกจน ‘ผีเสื้อหลากสี’ ร้องโอยๆ ไม่หยุด
หยุนหว่านหนิงเพิ่งซ้อมเขาระบายอารมณ์ ไม่ได้ดั่งใจ
ตอนนี้โม่ฮั่นอี่ว์ชก…
นั่นคือการซ้อมของจริง!
ไม่นาน‘ผีเสื้อหลากสี’ ก็นอนพะงาบๆ อยู่บนพื้นแล้ว
หยุนหว่านหนิงลุ้นแทนเขา “ยังไม่ตายกระมัง”
“น่าจะนะ”
โม่ฮั่นอี่ว์หอบหายใจยืนขึ้น เช็ดเม็ดเหงื่อที่หน้าผาก “สมควรลดความอ้วนแล้ว หนักเนื้อหนักตัว ออกกำลังนิดหน่อยก็เหงื่อท่วม”
เขาเอาของอร่อยในอ้อมแขนหยุนหว่านหนิงกลับไป “ขอบใจ”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว “เจ้าซ้อมเขาแค่เพราะไม่ถูกชะตา?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว!”
โม่ฮั่นอี่ว์เอ่ยอย่างจริงจัง “เห็นเจ้าซ้อมคน แล้วยังซ้อมเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น ข้าก็เลยแปลกใจอยู่บ้าง”
ในภาพจำของเขา หยุนหว่านหนิงไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอไม่มีแรงจะมัดไก่หรือ!
คือผู้หญิงอ่อนแอที่ยั่วคนโมโหตายไม่ชดใช้ชีวิต
คิดไม่ถึง วันนี้ยังจะได้เห็นนางซ้อมคน?!
“เจ้าเป็นผู้หญิงยิงเรือ แถมเป็นน้องสะใภ้ข้าด้วย งานหนักอย่างการซ้อมคนประเภทนี้ จะให้เจ้าทำได้อย่างไร! ข้าเห็นแก่น้องเจ็ด ก็เลยฝืนใจช่วยเจ้าซ้อมสักยก!”
หยุนหว่านหนิงเหงื่อตก “…ข้าต้องของพระคุณท่านแล้ว”
“เจ้าก็ไม่ต้องซาบซึ้งเก็บใส่ใจขนาดนั้นหรอก”
โม่ฮั่นอี่ว์ฉีกยิงฟัน “พรุ่งนี้ก็เข้าครัวทำอาหารอร่อยสักโต๊ะ เชิญข้ากินข้าวก็พอ!”
เขายังเจาะจงกำชับอีก “อาหารพื้นๆ ก็พอ ไม่ต้องถึงขั้นหมั่นฮั่นฉวนสี(*โต๊ะจีนที่มีอาหารแมนจูและฮั่น 108 อย่าง)หรอก”
หยุนหว่านหนิงอยากถีบเขาสองทีมาก ให้เขารีบไสหัวไป
แต่จนใจที่เหมือนว่าโม่ฮั่นอี่ว์จะมองไม่ออก ว่านางยังมี ‘ธุระสำคัญ’ ที่ต้องจัดการอีก อย่างไรก็ไม่ไปสักที
“ทำไมท่านยังไม่ไปอีก”
หยุนหว่านหนิงโพล่งปากไล่คน
“ที่นี่ไม่ใช่จวนอ๋องหมิงของเจ้าสักหน่อย ข้าจะอยู่ที่นี่แล้วจะทำไม แล้วทำไมเจ้าไม่ไปเล่า”
โม่ฮั่นอี่ว์ย้อนถาม “จริงสิ แล้วเจ้าซ้อมเขาทำไม เขาทำอะไรให้เจ้า”
ของอร่อยเยอะแยะขนาดนี้ ก็ต้องหาที่แอบกินสิ!
ไม่อย่างนั้นถ้าให้หยิงหยิงรู้เข้า นางต้องโกรธแน่!
หยุนหว่านหนิงคิด เรื่องที่รับพรรคเหยเฟิงเข้าพวกจะให้โม่ฮั่นอี่ว์รู้ไม่ได้ หมอนี่เป็นพวกปากสว่าง ถ้าเขารู้ ตะวันยังไม่ลับก็คงรู้ไปทั่วเมืองหลวงแล้ว!
นางยกถุงเงินในมือ “เจ้าโจรน้อยไม่รู้จักดู ขโมยถุงเงินของข้า”
“โอ เจ้าโจรน้อย ข้านับถือเจ้าแล้ว”
โม่ฮั่นอี่ว์หัวเราะ “แม้แต่ถุงเงินของนางก็กล้าขโมย เจ้าคงเป็นมือใหม่กระมัง เพิ่งเริ่มขโมย? ไม่เคยสืบสมญานามนางมารร้ายแห่งเมืองหลวงหรือ”
‘ผีเสื้อหลากสี’ ทำหน้าคับแค้นใจ ผงกหัวงกๆ อย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม
เขาเป็นมือใหม่จริงๆ นั่นแหละ!
รู้มานานว่านางมารร้ายแห่งเมืองหลวงคือกูหน่ายนายบ้านพวกเขา แต่กลับคิดไม่ถึง…
ว่าผู้หญิงตรงหน้าก็คือกูหน่ายนาย!
เวลานี้ ‘ผีเสื้อหลากสี’ อยากร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา
“เจ้ามันมีตาไม่มีแววจริงๆ”
โม่ฮั่นอี่ว์ส่ายหน้าทอดถอนใจ “ข้าจะเตือนเจ้าด้วยความหวังดี หากเจ้าแหยมนางมารร้ายท่านนี้ วันนี้เจ้าก็รอเลย ให้พวกพ้องของเจ้ามารับศพเจ้าได้!”
‘ผีเสื้อหลากสี’ ตกใจจนแทบปัสสาวะราดกางเกง
เขามองหยุนหว่านหนิงด้วยใบหน้าบวมฟกซ้ำ น้อยอกน้อยใจ เปล่งเสียงสั่นเครือ “กูหน่ายนายไว้ชีวิตด้วย…”
“กูหน่ายนาย?”
โม่ฮั่นอี่ว์นึกสนุก “สรรพนามนี้ข้าชอบ! เจ้าจะเรียกข้าว่ากูหน่ายนายสักหนได้หรือไม่”
หยุนหว่านหนิงอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ถีบไปทีหนึ่ง “ท่านมารดามันยังเป็นผู้ชายหรือไม่ เรียกกูหน่ายนายอะไร!”
“อย่างนั้นก็เรียกข้าว่ากูเย๋เหย่?”
โม่ฮั่นอี่ว์ไม่ตายใจ
หยุนหว่านหนิง “…”
‘ผีเสื้อหลากสี’ “…”
ถ้าจะไล่แบบดื้อๆ คงจะไล่โม่ฮั่นอี่ว์ไปไม่ได้
หยุนหว่านหนิงมองอาหารรสเลิศต่างๆ นานาในอ้องกอดของเขา แล้วหันไปมองนอกซอยอย่างมีความคิด ไม่นานก็มีแผนหนึ่งปรากฏขึ้นในหัว…