อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 281 บุตรชายคือดาวพิฆาตของเขา
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 281 บุตรชายคือดาวพิฆาตของเขา
เหมี่ยวที่แล้ว โม่เยว่ยังทำหน้าขึงขังอยู่
เหมี่ยวถัดมา กลับมีดวงหน้าเป็นห่วงเป็นกังวลเพราะคำว่า ‘ปวดหัว’ ของนาง
หยุนหว่านหนิงได้เห็นอีกครั้ง ความโหดเหี้ยมและความไร้หัวใจที่เขาทำกับนางเมื่อสี่ปีที่แล้ว…ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ไร้หัวใจและโหดเหี้ยมมาแต่กำเนิด
ความโหดเหี้ยมไร้หัวใจของเขา เป็นเพราะเกิดอยู่ในราชวงศ์ เติบใหญ่แบบถูกบีบบังคับ
เพราะเจ้าของร่างหยุนหว่านหนิงรนหาที่เอง สุดท้ายจึงกลายเป็นความแค้นในใจเขา
ที่แท้ผู้ชายคนนี้ก็มีด้านที่อ่อนโยนเอาใจใส่เช่นนี้เหมือนกัน
เมื่อเผชิญหน้ากับความสงสารและกังวลของเขา หยุนหว่านหนิงก็มีอารมณ์ซับซ้อนหลายหลากชั่วขณะ
“ข้าไม่เป็นไร ล้อเจ้าเล่นน่ะ”
นางผ่อนคลายสีหน้าเล็กน้อย ยิ้มตอบ “นี่มันยามใดแล้ว วันนี้เจ้าไม่เข้าวังไปประชุมเช้าหรือ”
“เสด็จพ่อทรงทราบว่าเจ้าป่วย ก็เลยอนุญาตให้ข้าอยู่บ้านเป็นเพื่อนเจ้าสองสามวันโดยเฉพาะ”
เมื่อเห็นนางไม่เป็นไร โม่เยว่จึงโล่งอก ทว่าสีหน้ายังบูดบึ้งนิดหน่อยเหมือนเดิม “หยุนหว่านหนิง ถ้าคราวหน้าเจ้ารนหาที่ตายอีก ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้วนะ
หยวนเป่าเบะปากเล็ก “เป็ดถึงตายก็ยังปากแข็ง!”
“หยุนเสี่ยวหยวน เจ้าเชื่อหรือไม่ วันนี้ข้าจะอัดเจ้า”
โม่เยว่มองเขาด้วยความโมโห
“เหมือนกับที่คิดเลย นี่แหละคือผู้ชาย! มีภรรยาแล้วก็ลืมลูก ข้าคือเด็กที่พวกท่านเก็บมาจากถังขยะกระมัง”
หยวนเป่าส่ายหน้าด้วยท่าทางจริงจัง
ทำเหมือนกับตาเฒ่าตัวน้อย ส่ายหัวพลางถอนหายใจ เอามือไพล่หลังเดินออกนอกประตู “ได้ ข้ารู้แล้วว่าข้าเป็นกขคอยู่ไปก็ขวางหูขวางตาพวกท่าน ลาก่อน!”
“อุ๊บ”
หยุนหว่านหนิงอดไม่ได้ หัวเราะออกมา
ดูท่าจะได้ผลกระทบมาจากโม่จงหรานเสด็จปู่ท่านนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
อยู่ตำหนักสิงกงแค่ไม่กี่วัน หยวนเป่าก็เลียนแบบท่าเดินเอามือไพล่หลังได้สมบูรณ์แบบแล้ว
แม้แต่ส่วนสำคัญในการส่ายหน้าพลางถอนหายใจก็เลียนแบบมาหมด
หยวนเป่าในเวลานี้ ประหนึ่งโม่จงหรานฉบับย่อส่วน…
สมกับที่เป็นปู่กับหลาน!
“เจ้าเด็กนี่ ช้าเร็วข้าต้องอัดเขายกหนึ่งแน่! จะสี่ขวบแล้ว ซ้อมได้แล้วกระมัง”
โม่เยว่กัดฟัน
บุตรชายคนนี้ เป็นดาวพิฆาตในชีวิตเขาโดยแท้!
แต่หากเขาพูดหนักหน่อย ตัวเองก็จะยิ่งสงสารเขา ไหนเลยจะลงมือซ้อมเขาได้
แม้จะเป็นยามนี้ หากหยวนเป่าบอกว่าต้องการขี่คอเขาเก็บดาว โม่เยว่ก็จะนั่งลง ให้เขาขี่คอวางอำนาจเบ่งบารมีอย่างไม่ลังเลทันที!
ช่างเถอะๆ!
ชีวิตนี้ของเขา เย็นชากับทุกคน
แต่กลับไม่สามารถเย็นชากับหยุนหว่านหนิงและหยวนเป่าได้
สองแม่ลูกนี่ คนหนึ่งคือเนื้อในอกของเขา คนหนึ่งคือสมบัติในมือของเขา
ไม่ว่าสองแม่ลูกนี่จะทำให้เขาโมโหอย่างไร เขาก็ได้แต่แบกรับแล้ว!
โม่เยว่ก้มหน้ามองหยุนหว่านหนิงที่มีรอยยิ้มเปื้อนเต็มดวงหน้า หัวใจอ่อนยวบ “หิวหรือไม่ ข้าจะสั่งห้องครัวทำโจ๊กเนื้อไก่ฉีกที่เจ้าชอบที่สุดให้เจ้ากิน”
“ดี”
หยุนหว่านหนิงลุกจากอ้อมอกของเขา แล้วนั่งพิงกับหมอน
หลังจากมองส่งโม่เยว่ออกไปแล้ว ดวงตานางก็กะพริบเล็กน้อย
ในหัวอดคิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ อาการของซ่งจื่ออวี๋
เป็นใครกันแน่ ที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บอย่างนี้ได้!
เสวียนซันเซียนเซิงอยู่ที่ไหน!
แล้วยังตอนที่นางกำลังจะหมดสติอีก เป็นใครที่เรียกนางว่า ‘หนิงหนิง’ อยู่ข้างใบหู
เสียงนี้คุ้นมาก ราวกับผ่ามิติ มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดอันไกลโพ้น…
ขณะเดียวกัน ณ ตำหนักหย่งโซ่ว
โม่จงหรานกับเต๋อเฟยยังทำสงครามวิวาทะยังไม่จบ
ซูปิ่งซ่านและหลี่หมัวมัวที่ปากประตูสบตากัน จากนั้นก็พากันเกาศีรษะร้อนใจ
“นี่จะทำอย่างไรดี”
สุดท้ายยังเป็นหลี่หมัวมัวที่อดไม่ได้ เอ่ยปากถามก่อน “ตั้งแต่เหนียงเหนียงเข้าวังมา ฝ่าบาทกับเหนียงเหนียงก็ไม่เคยโต้เถียงกันหนักขนาดนี้มาก่อนกระมัง”
“นั่นสิ!”
ซูปิ่งซ่านตบมือ “วันนี้จะทำอย่างไรดี”
“คงไม่ลงไม้ลงมือกันกระมัง”
เขาเพิ่งกล่าวจบ ข้างในก็มีเสียง ‘เพล้ง’ ดังออกมา คล้ายอะไรตกแตก
หลี่หมัวมัวกับซูปิ่งซ่านหันมองกันทันใด รีบเปิดประตูเข้าไปดู…
เห็นเพียงโม่จงหรานโกรธจนกระทืบเท้าอยู่กับที่ เต๋อเฟยเส้นผมยุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เท้าเอว และมีเครื่องเคลือบตกแตกอยู่ข้างเท้า!
หรือว่าเมื่อครู่จะตีกันจริงๆ!
“ฝ่า…”
“เหนียง…”
ซูปิ่งซ่านกับหลี่หมัวมัวเพิ่งอ้าปากพูดได้คำเดียว ยังไม่ทันได้กล่าวจบ ก็เห็นโม่จงหรานกับเต๋อเฟยหันมาพร้อมกันพรึบ
“ไสหัวไป!”
ทั้งสองขึงตามองพวกเขา ตวาดด้วยความโกรธเต็มพิกัด
“อ้อ”
ทั้งสองไสหัวออกไปอย่างคล่องแคล่ว แล้วยังปิดประตูตำหนักให้อีกด้วย
โม่จงหรานมองเต๋อเฟยที่เดือดดาลสุดขีด โกรธจนหน้าแดงคอแดง “เต๋อเฟย ข้ายอมให้เจ้ากว่าครึ่งชีวิตแล้ว”
“แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว เจ้าจะยอมให้ข้าไม่ได้เชียวหรือ!”
“ไม่ได้เพคะ!”
เต๋อเฟยถลึงตามองเขาอย่างกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฝ่าบาท! หม่อมฉันไม่เคยขอร้องพระองค์มาก่อน! เรื่องวันนี้ ถ้าฝ่าบาทมิทรงอนุญาตหม่อมฉัน หม่อมฉันก็จะไม่ยอมรามือเพคะ!”
“ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้”
โม่จงหรานปวดหัว
“ทำไมพระองค์ถึงเป็นเช่นนี้!”
เต๋อเฟยไม่ลดราวาศอก
โม่จงหรานหมดคำพูด “เจ้าพูดเลียนแบบข้าทำไม”
“หม่อมฉันเลียนแบบดำรัสพระองค์ที่ไหนกัน หม่อมฉันไม่ใช่นกแก้วสักหน่อย!”
เต๋อเฟยเดินประชิดหาเขาด้วยท่าทางขึงขัง “พระองค์ตรัสได้องค์เดียว หม่อมฉันจะพูดบ้างไม่ได้หรือเพคะ ฝ่าบาททรงคิดค้นประโยคนี้หรือ”
โม่จงหราน “…ทำไมเจ้าไม่มีเหตุผลล่ะ”
“ทำไมพระองค์ไม่มีเหตุผลล่ะเพคะ!”
เต๋อเฟยพูดคอเป็นเอ็น “ฝ่าบาท ยังทรงเคยบอกว่าพระองค์รักหม่อมฉัน ทรงรักหม่อมฉันที่ไหนเพคะ”
“แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว พระองค์ก็มิทรงยอมหม่อมฉัน! ทรงทราบไหมเพคะ เพื่อวันนี้ หม่อมฉันเตรียมพร้อมขนาดไหน”
นางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ฝ่าบาททรงลำเอียง! ทรงปกป้องแต่ลูกสะใภ้ของพระองค์ ทรงกลัวว่าหม่อมฉันจะกินนางทั้งเป็นหรือเพคะ!”
โม่จงหรานเหงื่อโชก “ทำไมเจ้าถึงพูดเพ้อเจ้อเล่า”
“ทำไมพระองค์ถึงตรัสเพ้อเจ้อล่ะเพคะ!”
เต๋อเฟยบอกว่าตัวเองไม่ใช่นกแก้ว แต่กลับพูดตามไม่หยุด เลียนแบบคำพูดของโม่จงหราน
โม่จงหรานปวดหัวสุดขีด
เขาโบกมือ “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไร! ข้าให้เจ้าดูแลหกตำหนักแล้ว ต่อไปโอกาสแบบนี้จะหาไม่ได้แล้วนะ”
“ทำไมเจ้าต้องแย่งวันนี้กับข้าด้วย”
“ฝ่าบาท ก็เหมือนกับที่ทรงตรัส ยังมีเวลาอีกมาก! ทำไมต้องแย่งวันนี้กับหม่อมฉันด้วยเพคะ”
เต๋อเฟยไม่ทำโม่จงหรานโมโหตายจะไม่ยอมรามือ “วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้วเพคะ!”
“หากพลาดวันนี้ไป หม่อมฉันจะหาโอกาสไม่ได้แล้วนะเพคะ! นังเด็กหน้าเหม็นหยุนหว่านหนิงร่างกายแข็งแรงกำยำ ปกติกำลังวังชาเต็มเปี่ยม เนื้อตัวอย่างกับตั๊กแตน ไม่เคยเห็นนางเจ็บป่วยสักที”
นางดึงดันพูด “หากพลาดวันนี้ไปแล้ว หม่อมฉันจะข่มนางได้อย่างไรอีกเพคะ”
ปกติมีแต่หยุนหว่านหนิงยั่วโมโหนาง
วันนี้นางจะฉวยโอกาสตอนที่หยุนหว่านหนิงป่วย ไป ‘ยั่ว’ นางที่จวนอ๋องหมิงสักครั้ง!
เพราะการที่หยุนหว่านหนิงป่วย ช่างเป็นเรื่องที่ ‘มหัศจรรย์ร้อยปียากพบพาน’ เชียวนะ!
แต่ใครจะรู้ อย่างไรฝ่าบาทก็ไม่ยอมให้นางออกวังไปจวนอ๋องหมิง
ไม่เพียงเท่านั้น ยังจะแย่งนาง วันนี้เขาจะออกวังไปเยี่ยมหยุนหว่านหนิงที่จวนอ๋องหมิง ไม่ให้นางตามไปด้วย ต้องอยู่ตำหนักหย่งโซ่วรอเขากลับมาเท่านั้น..
นี่มันคือเหตุผลอะไร!
แต่ไหนมาเต๋อเฟยก็จะเอาชนะให้ได้ หนนี้ย่อมยื้อยุดกับโม่จงหรานเช่นกัน
ที่ผ่านมาโม่จงหรานมักยอมให้นางเสมอ แต่วันนี้จะแย่งชิงกับนางจะเป็นจะตายให้ได้ ไม่ยอมให้นางเลย
นี่จึงกระตุ้นความไม่พอใจของเต๋อเฟย จะต้องแย่งกับเขาให้รู้แพ้ชนะ
“เจ้ายังอยากจะข่มนางอีก”
โม่จงหรานส่ายหน้าระอาใจ “วันนี้ข้าจะไม่อนุญาตให้เจ้าออกจากวัง!”
เต๋อเฟยโมโหจนกระทืบเท้า “ฝ่าบาท ทรงห้ามหม่อมฉันไปเสียหมด หรือว่าการที่พระองค์ออกจากวังจะมีจุดประสงค์อื่น หรือว่าจวนอ๋องหมิงมีความลับอะไร จะต้องปิดบังหม่อมฉันให้ได้เพคะ!”