อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 282 หลานชายสุดที่รักของข้า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 282 หลานชายสุดที่รักของข้า
ความละอายวาบผ่านดวงตาของโม่จงหรานอย่างรวดเร็ว
“นี่เจ้าพูดอะไร”
เขาเลิกคิ้ว “ข้าออกจากวังยังจะมีจุดประสงค์อะไรได้อีก จวนอ๋องหมิงยังมีความลับอะไรได้ ข้าแค่กลัวว่านิสัยของเจ้าจะทำให้หยุนหว่านหนิงโกรธจนเป็นลมไปจริงๆ เท่านั้น”
“ตอนนี้นางกำลังป่วยอยู่ ต้องผักผ่อนให้ดี หมอหลวงหยางก็บอกแล้วมิใช่หรือ!”
เขายังมีความลับอะไรได้…
เขาก็แค่คิดถึงหลานชายคนโตสุดที่รักของเขา อยากพบหยวนเป่าสุดที่รักมากเหลือเกินก็เท่านั้น!
หลายวันนี้ที่กลับวังมา สวรรค์ยังรู้ว่าเขาคิดถึงหยวนเป่าสุดที่รักขนาดไหน!
ในเมื่อรับปากหว่านหนิงว่าจะไม่แพร่งพรายฐานะของหยวนเป่าออกไป เขาจึงได้แต่อดทนอดกลั้นต่อความคิดถึง
วันนี้ยากนักจะมีโอกาส แต่ก็กลัวว่าพอเขาออกจากวังไป เต๋อเฟยก็จะตามมา เช่นนั้นฐานะของหยวนเป่าก็ต้องถูกคนทั้งโลกรู้
ด้วยเหตุนี้ โม่จงหรานจึงเจาะจงมาอธิบายให้ชัดเจนที่หยุนหว่านหนิง ว่าเขาจะไปเยี่ยมหยุนหว่านหนิง
ไม่ให้เต๋อเฟยตามไป แม่สามีลูกสะใภ้จะได้ไม่ทะเลาะวิวาทกัน
เขากล่าวอย่างสง่าผ่าเผยจริงจัง
ไหนเลยจะรู้ วันนี้เต๋อเฟยก็เตรียมตัวออกวังไปจวนอ๋องหมิงเหมือนกัน จะไปยั่วโมโหหยุนหว่านหนิงอย่างที่คิด
โม่จงหรานร้อนใจจนเหงื่อท่วมหัว
จากนั้นทั้งสองก็มีปากเสียงกันขึ้นมา…
“ดำรัสของฝ่าบาท หม่อมฉันจะไม่เชื่อได้อย่างไรเพคะ”
เต๋อเฟยแค่นเสียงฮึ “ฝ่าบาท ตอนแรกที่พระองค์จะให้หม่อมฉันเข้าวัง เคยตรัสว่าพระองค์จะเห็นหม่อมฉันเป็นภรรยา จะไม่ปิดบังหม่อมฉันสักเรื่องอย่างไรล่ะเพคะ!”
“แล้วยังให้หม่อมฉันเห็นพระองค์เป็นสามี พวกเราอยู่กันฉันสามีภรรยาธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่ฮ่องเต้กับนางสนม”
“ทำไมวันนี้หม่อมฉันถึงรู้สึกว่าฝ่าบาททรงแปลกๆ ล่ะเพคะ”
นางเดินอ้อมโม่จงหรานรอบหนึ่ง เอ่ยราวกับมีความคิด “หรือว่าฝ่าบาทมีผู้หญิงอยู่ข้างนอก”
“วันนี้ที่เสด็จออกจากวังไม่ใช่ไปเยี่ยมหนิงเอ๋อร์ แต่จะไปพบผู้หญิงคนนั้นกระมัง”
โม่จงหราน “…จินตนาการของเจ้าล้ำเลิศจริงๆ!”
“หม่อมฉันไม่สนใจด้วยล่ะ ถึงอย่างไรวันนี้หม่อมฉันก็จะออกจากวัง! หากฝ่าบาทมิทรงอนุญาต เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะตามเสด็จออกไปด้วย! ทรงเสด็จพระบังคน หม่อมฉันก็จะตามเสด็จไปด้วยเพคะ!”
เต๋อเฟยทำท่าไม่พูดด้วยเหตุผล
ถึงอย่างไรตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางก็ ‘วางก้าม’ ต่อหน้าโม่จงหรานจนเคยชินแล้ว
“หม่อมฉันก็อยากดูสิว่า เป็นนางจิ้งจอกตัวไหนที่ลวงพระวิญญาณฝ่าบาทได้!”
โม่จงหรานขมวดคิ้วมุ่น
เขาก็แค่ออกวังไปพบหลานชายสุดที่รักเท่านั้น…
‘นางจิ้งจอก’ ลวงวิญญาณนั่นก็คือหลานชายสุดที่รักของเขา!
เมื่อเห็นเต๋อเฟยไม่รับฟังเหตุผล จะตามเขาออกจากวังไปให้ได้…โม่จงหรานจนด้วยหนทาง จึงได้แต่เอาน้ำเย็นเข้าลูบ “เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“ข้าจะออกไปรอเจ้า”
“จริงหรือเพคะ ฝ่าบาทไม่หลอกหม่อมฉันนะเพคะ! ทรงเป็นฮ่องเต้ ตรัสคำไหนคำนั้นนะเพคะ”
เต๋อเฟยดีใจ
“อื่ม ข้าลั่นวาจาแล้ว สี่อาชาก็ยากจะตามกลับ”
โม่จงหรานพยักหน้าอย่างจริงจัง
เมื่อนั้นเต๋อเฟยจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม เข้าตำหนักในอย่างยินดีปรีดา สั่งให้หลี่หมัวมัวเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง
เมื่อเห็นตัวหนักปิดประตูปุ๊บ…โม่จงหรานก็วิ่งออกไปด้วยฝีเท้าว่องไว สั่งซูปิ่งซ่าน “ปิดประตู! ปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
แม้เขาจะวิ่งเร็วมาก แต่ฝีเท้าก็เบามากเช่นกัน
เต๋อเฟยที่กำลังง่วงอยู่กับการเปลี่ยนชุดอย่างยินดีปรีดา กลับไม่รู้ว่าตนเองถูกทิ้งแล้ว…
“ฝ่าบาท นี่?”
ซูปิ่งซ่านงงเป็นไก่ตาแตก
“ข้าจะไปหยวนเป่าสุดที่รัก เจ้าอยู่จัดการเรื่องข้างหลัง”
โม่จงหรานพูดเร็วมาก “ถ่ายทอดโองการของข้า วันนี้ตำหนักหย่งโซ่วปิดประตูทั้งวัน! กักบริเวณเต๋อเฟย ห้ามออกจากตำหนักหย่งโซ่วแม้แต่ก้าวเดียว!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ซูปิ่งซ่านเหงื่อตก
ฝ่าบาทบ้านตัวเองอายุเกินครึ่งร้อยแล้ว ทำไมยังทำตัวเหมือนกับเด็กๆ อีกนะ
โม่จงหรานวิ่งสองสามก้าว ยังกดเสียงกระซิบเตือนเขาอีก “หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปแม้แต่นิดเดียว ข้าจะตัดลิ้นของเจ้า!”
“บ่าวทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ซูปิ่งซ่านรีบรับคำ หันไปใส่กุญแจประตูตำหนัก
เมื่อนั้นโม่จงหรานจึงวางใจออกจากวัง
หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะมาจวนอ๋องหมิง ตอนบ่ายส่งหยวนเป่าไปตระกูลกู้แล้ว พอหยวนเป่าไป โม่จงหรานก็เข้าจวนอ๋องมาทันที
ท่าทางลับๆ ล่อๆ…ราวกับหัวขโมยเข้าบ้าน!
โม่เยว่รีบสั่งหรูโม่ให้ไปตระกูลกู้รับหยวนเป่ากลับมา
โม่จงหรานนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยเหงื่อท่วมหัว เช็ดเหงื่อไม่หยุด “หว่านหนิง วันนี้ข้าช่วยเจ้าเรื่องใหญ่เลยนะ!”
“ทรงหมายความว่าอย่างไรเพคะ”
หยุนหว่านหนิงกะพริบตา ฉงนฉงาย
“เสด็จแม่เจ้าบอกว่าช่วงนี้เชิญเจ้าเข้าวัง เจ้าก็ปฏิเสธ วันนี้นางจึงคิดจะมุ่งมาที่จวนอ๋องหมิง จะกำราบเจ้าให้อยู่หมัด!”
“แต่ถ้านางมา ก็ต้องได้เจอกับหยวนเป่าสุดที่รักสิ!”
โม่จงหรานเดาะลิ้น “ดีที่ข้าขวางนางไว้ได้”
นิสัยใจร้อนของเต๋อเฟย โม่จงหรานหรือจะขวางนางได้
หยุนหว่านหนิงนึกสงสัย “เสด็จพ่อทรงขวางเสด็จแม่อย่างไรเพคะ”
“ข้าหลอกให้นางไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็กักตัวนางอยู่ในตำหนักหย่งโซ่วเสียเลย!”
โม่จงหรานทำหน้ากระหยิ่มใจ “ซูปิ่งซ่านใส่กุญแจประตูตำหนักหย่งโซ่วแล้ว! ก่อนข้าจะกลับไป นางก็อย่าคิดออกจากตำหนักแม้แต่ครึ่งก้าวเลย”
หยุนหว่านหนิง “…เสด็จพ่อสุดยอดไปเลยเพคะ”
“แน่นอน!”
โม่จงหรานเชิดหน้า
“เสด็จปู่…”
เสียงสุขสันต์ของหยวนเป่าดังมาจากด้านหลัง โม่จงหรานตัวแข็งทื่อราวกับถูกกระแสไฟโจมตีทันที
จากนั้น หยุนหว่านหนิงก็ไม่ทันเห็นชัดว่าเขาลุกขึ้นมาอย่างไรกันแน่…
นางเห็นโม่จงหรานอยู่ปากประตูแล้ว อุ้มหยวนเป่ายกขึ้นสูงอย่างเริงร่า “หลานชายสุดที่รักของข้า ข้าคิดเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”
เขาอุ้มหยวนเป่า หอมใบหน้าเขายกใหญ่
หยวนเป่าหัวเราะ “เอ๊กๆๆ” สองปู่หลานหัวเราะกันสนุก
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า
พอโม่จงหรานพาหยวนเป่าไปเล่นในสวนแล้ว โม่เยว่จึงเดินมาที่ข้างเตียง “ลุงเฉินมาแล้ว”
ตอนที่หยุนหว่านหนิงเพิ่งตื่น หรูอวี้บอกว่ามีคนต้องการพบนาง เขาก็คือลุงเฉินของจวนอ๋องโจวนั่นเอง
ตอนนั้นไม่ได้พบนาง ลุงเฉินไม่ตายใจ ตอนนี้จึงตาละห้อยมาอีกครั้ง
หยุนหว่านหนิงเองก็รู้สึกว่าสบายดีแล้ว ดังนั้นจึงให้คนพาลุงเฉินเข้ามา
พอเข้าประตูมา ลุงเฉินก็เอาของบำรุงห่อใหญ่ห่อเล็กในมือมอบให้ “ได้ยินว่าพระชายาหมิงป่วย ท่านอ๋องบ้านบ่าวจึงสั่งบ่าวให้มาเยี่ยมพระชายาหมิงเป็นการเฉพาะขอรับ”
โม่เหว่ยก็อยากมาเอง
เขาอยากดูสิว่าหยุนหว่านหนิงที่ปกติมักทำเขาโมโหเจียนตาย เวลาป่วยจะเป็นอย่างไร
ไม่แน่ว่าอาจฉวยโอกาสนี้เอาคืนสักหน่อย จะได้ยั่วให้นางโมโหบ้าง
แต่ถูกลุงเฉินห้ามไว้
ลุงเฉินกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง “ท่านอ๋อง เป็นคนต้องมีญาณทัศนะที่รู้ตัวเองนะขอรับ! ถึงพระชายาหมิงจะป่วย แต่หากท่านไปตอนนี้ กลัวแต่คนที่ถูกยั่วโมโหจะยังเป็นท่านเองนั่นแหละขอรับ!”
ใครจะทำให้หยุนหว่านหนิงโมโหเป็นลมได้
ถึงป่วย แต่เกรงว่าโม่เหว่ยจะไม่ใช่คู่ปรับของนาง!
กลัวแต่ท่านอ๋องบ้านตัวเองจะเดินเข้าจวนอ๋องหมิง แต่เวลากลับต้องหามกลับ…
โม่เหว่ยก็รู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่ปรับของหยุนหว่านหนิง จึงได้แต่ล้มเลิกความคิดไป
แล้วสั่งลุงเฉิน ให้นำของบำรุงมีค่าจำนวนออกจากห้องเก็บสมบัติ
ไม่ว่าอย่างไร นางก็มีพระคุณกับเขา
“จะรับไว้ได้อย่างไร”
หยุนหว่านหนิงยิ้ม สั่งให้หรูเยียนรับของบำรุง “ประเดี๋ยวตอนลุงเฉินกลับ ก็เอายากลับไปด้วย อ๋องโจวควรเปลี่ยนยาแล้ว”
“ใครก็ได้ ยกเก้าอี้มาให้ลุงเฉินหน่อย”
ลุงเฉินยิ้มแฉ่งพลางนั่งลง
เขามองโม่เยว่แวบหนึ่ง แล้วมองหยุนหว่านหนิงอีก จะพูดแต่ก็อึกอัก “อ๋องหมิง พระชายาหมิง”
“ไม่ขอปิดบัง ที่บ่าวมาในวันนี้ เพราะมีเรื่องอยากขอร้องขอรับ!”