อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 283 หนิงหนิง เจ้าตื่นสิ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 283 หนิงหนิง เจ้าตื่นสิ
มีเรื่องขอร้อง?
หยุนหว่านหนิงประหลาดใจ “หืม? ลุงเฉินมีเรื่องอะไรหรือ พูดตามตรงได้เลย”
“บ่าวกระดากจะพูดเล็กน้อยขอรับ”
ลุงเฉินหัวเราะแหะๆ รับถ้วยน้ำชาที่หรูเยียนยื่นมา เขาถืออยู่ในมือ แต่กลับไม่ส่งไปที่ข้างปาก เอ่ยด้วยความลังเล “บ่าวอยากถามพระชายาเรื่องหนึ่งขอรับ!”
“หืม?”
อันที่จริงพอเห็นท่าทางอึกอักของลุงเฉิน หยุนหว่านหนิงก็เดาจุดประสงค์การมาของเขาออกแล้ว
นางสบตากับโม่เยว่ทีหนึ่ง ในสายตามีความหมายอยู่ลึกๆ
“ไม่ทราบน้องสามของพระชายา…ก็คือคุณหนูสามหยุนกำหนดบ้านสามีแล้วหรือยังขอรับ”
สุดท้ายลุงเฉินก็ยังถามด้วยความเหนียมอาย
เป็นเรื่องนี้จริงด้วย!
หยุนหว่านหนิงแอบดีใจ
ทว่าใบหน้ากลับแสร้งทำเป็นลำบากใจเล็กน้อย “ลุงเฉิน พวกเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าแล้วกัน”
“น้องสามของข้าคนนี้ ไม่มีกฎไม่มีระเบียบแต่เล็ก! ตอนนี้ถึงจะปักปิ่น(*อายุ15ปี)แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้กำหนดบ้านสามี ใช่ว่าท่านพ่อในบ้านจะอาลัยอาวรณ์ไม่ยอมให้แต่งงาน รั้งตัวเอาไว้…”
ชะงักครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจเบาๆ
สีหน้าลำบากใจมากกว่าเดิม “ความจริงทั้งเหมืองหลวงนี่ หาผู้ชายที่เหมาะสมกับนางไม่ได้ต่างหาก!”
“อ้อ? นี่เพราะเหตุใดหรือขอรับ”
ลุงเฉินไม่เข้าใจ รีบถาม
“น้องสามของข้าน่ะ เดิมก็อายุไม่มาก นางบอกว่าถึงจะแต่งงาน ฐานะทางบ้านยากจนข้นแค้นหรือไม่ไม่สำคัญ ขอแค่อายุไม่ห่างกันมาก นอกนั้นก็ไม่มีปัญหา!”
หยุนหว่านหนิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
ลุงเฉินเอ่ยราวกับมีความคิด “อย่างไรก็ต้องดูฐานะทางบ้าน! มิเช่นนั้นออกเรือนไปลำบากจะทำอย่างไร”
“คุณหนูสามหยุนคือคุณหนูจวนกั๋วกง จะจับคู่กับผู้ชายธรรมดาได้หรือ”
“ไม่ดี ไม่ดี”
เขาส่ายหน้าไม่หยุด
ดวงตาหยุนหว่านหนิงวาบผ่านรอยยิ้ม “ลุงเฉินเข้าใจผิดแล้ว! ที่น้องสามข้าต้องการ คือสามีที่จิตวิญญาณสอดคล้องกับนาง รักเดียวใจเดียวต่อนางต่างหาก!”
ครั้นลุงเฉินได้ยินดังนั้น ท่านอ๋องบ้านตนน่าจะพอมีหวัง!
เขาพลันเอ่ย “อะไรถึงจะเรียกว่าจิตวิญญาณสอดคล้องกันหรือ รักเดียวใจเดียวหายากยิ่ง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
ลุงเฉินคิด สุขภาพท่านอ๋องบ้านตนไม่สู้ดี
แม้เขาคิด หลังจากท่านอ๋องแต่งชายาเอกแล้ว ก็รับชายารองอี๋เหนียงอะไร มีบุตรมากๆ…
แต่สุขภาพของท่านอ๋องบ้านตนจะไม่ไหวเอาน่ะสิ!
ดังนั้นความคิดนี้ละไว้ก่อน รับปากว่าจะรักเดียวใจเดียวกับคุณหนูสามหยุนได้
“ที่เรียกจิตวิญญาณสอดคล้องกันนั้น ก็คือนิสัยเกื้อหนุนกัน! สองคนจะไม่เอาแต่ทะเลาะกันทั้งวัน และจะไม่เงียบต่อกัน สรุปคือ เป็นหุ้นส่วนจิตวิญญาณของอีกฝ่าย!”
หยุนหว่านหนิงแกล้งเหลือบมองลุงเฉินแวบหนึ่งแบบไม่ได้ตั้งใจ
เห็นเขาขมวดคิ้ว คล้ายกำลังครุ่นคิดคำพูดของนาง
สำหรับตาแก่อย่างเขา คำพูดนี้เหมือนจะเข้าใจยากอยู่บ้าง
หยุนหว่านหนิงจึงอธิบาย “ข้าจะยกตัวอย่างนะ”
“เราไม่ต้องพูดไกลตัว เอาท่านอ๋องบ้านเจ้ากับน้องสามของข้ามาเป็นตัวอย่างแล้วกัน!”
ลุงเฉินรีบล้างใบหูรอฟัง “เชิญพระชายาหมิงกล่าวได้!”
“อ๋องโจวมีนิสัยเคร่งขรึมเกินไป น้องสามบ้านข้ายังเด็ก เวลาเจออ๋องโจวที่เป็นแบบนี้ ก็ต้องระมัดระวังตัวหวั่นเกรงอยู่แล้ว”
ที่จริงนางอยากบอกว่าโม่เหว่ยแรดเงียบ
แต่ก็กลัวว่าพูดตรงเกินไป จะทำให้ลุงเฉินตกใจ…
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าหัวเราะ “น้องสามไม่ชอบความเคร่งขรึมแบบนี้”
“เออ…”
ลุงเฉินคิดหนัก ถือถ้วยน้ำชาขมวดคิ้วมุ่น
จุดประสงค์ในการมาวันนี้ ถึงริมฝีปากแล้ว แต่อย่างไรก็พูดไม่ออก
ถ้อยคำของพระชายาหมิงนี้ ไม่ใช่ว่าอุดคำการพูดจุดประสงค์การมาของเขาโดยตรง ทำให้เขาไม่มีโอกาสพูดหรอกหรือ!
เพราะอารมณ์นั้นของท่านอ๋องบ้านตน ขี้โมโหอยู่บ้างจริงๆ
โม่เยว่กลั้นหัวเราะในใจ
แผนนี้ของหนิงเอ๋อร์ล้ำเลิศ!
เห็นท่าทางนางโกหกหน้าตายอย่างนี้แล้ว เขาก็ภูมิใจที่ตนเองแต่งกับภรรยา ‘มากสามารถ’ ท่านนี้
“แต่ ถ้าอ๋องโจวไม่เคร่งขรึมขนาดนั้น ข้าว่าท่านอ๋องกับน้องสามบ้านข้า ก็เป็นดั่งคู่ฟ้าประทานดินสร้างสรรค์จริงๆ!”
เมื่อเห็นลุงเฉินเข้าใจความหมายของนางแล้ว หยุนหว่านหนิงก็กล่าวอย่างอ้อยอิ่ง
นางทำให้ลุงเฉินหัวใจตกขุมนรกก่อน แล้วจู่ๆ ก็ให้ความหวังเขา…
ลุงเฉินพลันกระจ่าง
นั่นสิ!
ถ้าเขาเตือนท่านอ๋อง ว่าอย่าเอาแต่ทำหน้าขึงขังทั้งวัน อย่าพูดจริงจังอย่างนั้น ไม่แน่ว่าอาจมีหวังกับคุณหนูสามหยุนก็ได้!
ถึงอย่างไรเขาเห็นคุณหนูสามหยุนแล้วก็ชอบจริงๆ!
แม้อายุยังน้อย แต่ความคิดกลับเป็นผู้ใหญ่
เหมาะสมจะเป็นนายหญิงของจวนอ๋องโจวที่สุด
ท่านอ๋องบ้านตนป่วยออดๆ แอดๆ หลายปี เลยวัยแต่งงานนานแล้ว
แม้จวนอ๋องโจวจะมีตระกูลเฉินอยู่เบื้องหลัง แต่คุณหนูตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงเหล่านั้นกลับรังเกียจรังงอนที่สุขภาพท่านอ๋องอ่อนแอ
มีเพียงคุณหนูสามหยุน ลุงเฉินจะไม่ยอมให้ท่านอ๋องบ้านตนพลาดนางเป็นอันขาด!
“บ่าวเข้าใจแล้วขอรับ!”
ลุงเฉินตอบแบบดีใจลิงโลด
หยุนหว่านหนิงทำเป็นไม่เข้าใจ “ลุงเฉินเข้าใจอะไรหรือ จริงสิ วันนี้มาหาข้าหลายครั้ง มีเรื่องอะไรกันแน่”
“หรือว่าจะสืบเรื่องน้องสามของข้า”
นางจงใจถามอย่างนี้
ลุงเฉินไม่คิดอยู่นาน เขาลุกขึ้นยืนพรวด “พระชายาหมิง บ่าวมาในวันนี้ก็ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรขอรับ”
“ท่านอ๋องบ้านบ่าวบอกว่าพระชายาหมิงป่วย ซาบซึ้งใจในพระคุณที่พระชายาช่วยชีวิต จึงเจาะจงสั่งให้บ่าวมาเยี่ยม แสดงน้ำใจ”
ถึงอย่างไร จนถึงตอนนี้โม่เหว่ยก็คิดว่าเขามาเยี่ยมหยุนหว่านหนิง…
ลุงเฉินหัวเราะฮาๆ เอ่ย “เห็นพระชายาหมิงไม่เป็นอะไร บ่าวก็ไม่รบกวนพระชายาพักผ่อนแล้ว”
“วันหลังบ่าวจะมาเยี่ยมพระชายาหมิงอีกนะขอรับ! บ่าวขอลา”
ไม่รอให้หยุนหว่านหนิงรั้งตัว ลุงเฉินก็จากไปอย่างอดรนทนไม่ไหว
หลังจากมองส่งเขาออกประตูไปแล้ว โม่เยว่ก็เหล่ตามองนางแวบหนึ่ง “หยุนหว่านหนิง ทำไมเมื่อก่อนข้าไม่ยักรู้ว่าเจ้าเก่งกาจขนาดนี้”
ไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่พูดเพียงไม่กี่ประโยคง่ายๆ ก็บอกลุงเฉินเป็นนัยได้แล้ว
เขาไหนเลยยังจำเป็นต้องไปคุยกับโม่เหว่ยอีก!
“ข้าเก่งกาจขนาดไหน หรือว่าท่านอ๋องรู้วันนี้หรือ”
หยุนหว่านหนิงฮึเบาๆ รับคำชมจากเขาอย่างไม่ถ่อมตนสักนิด “ในเมื่อรู้ว่าข้าเก่งกาจ ต่อไปท่านอ๋องก็ระวังหน่อยนะ ไม่แน่ว่าวันไหนข้าจะพลิกหน้าด้วย”
โม่เยว่กลั้นขำ “นี่เจ้าข่มขู่ข้าหรือ”
“ใครจะกล้าข่มขู่ท่านอ๋องกัน ข้าก็แค่เตือนด้วยความหวังดีเท่านั้น”
หยุนหว่านหนิงหาวหวอด
เมื่อเห็นนางง่วงแล้ว โม่เยว่จึงเดินไปข้างเตียง ให้นางเข้าไปอยู่ในผ้าห่ม
“เอาไว้มื้อเย็นเสร็จแล้ว ข้าจะมาเรียกเจ้าตื่นอีกที”
“อืม”
หยุนหว่านหนิงสะลึมสะลือตอบรับ หลับตาผล็อยหลับไปแล้ว
การรักษาให้ซ่งจื่ออวี๋ สิ้นเปลืองพลังของนางมากจริงๆ
ที่ว่าอ่อนเปียก ก็คือกลุ่มอาการแบบเฉียบพลันชนิดหนึ่ง มักปรากฏหากอ่อนเพลีย กลัว เจ็บ หิวมากเกินไปหรือสถานการณ์ที่พบเห็นการนองเลือดหรือภาพประหลาด สัตว์ประหลาด
จำเป็นต้องนอนหลับพักผ่อน ฟื้นฟูช้าๆ
หยุนหว่านหนิงไม่ป่วยมานานมากแล้ว
การป่วยครั้งนี้ฉับพลันเกินไป ทำให้นางรับไม่ไหวอยู่บ้าง
ย่างเท้าของโม่เยว่เบามาก เขาเพิ่งปิดประตู หยุนหว่านหนิงก็เข้าสู่การหลับลึกแล้ว
ในความฝัน เหมือนว่านางอยู่ที่เขาหยุนอู้
หมอกเมฆาห้อมล้อม มองทิวทัศน์โดยรอบไม่ชัดเจน
นางเดินอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกด้วยความระมัดระวัง รอบด้านเงียบสงัด
เมฆหมอกหนานั้น กดดันจนคนหายใจไม่ออก
แต่ตอนนี้เอง ข้างหูนางก็มีเสียงอ่อนโยนดั่งหยกดังมาเบาๆ “หนิงหนิง? หนิงหนิงเจ้าตื่นสิ…”