อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 285 ทำบรรพบุรุษตัวน้อยโมโหร้องไห้แล้ว
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 285 ทำบรรพบุรุษตัวน้อยโมโหร้องไห้แล้ว
นางไม่พูดถึงเรื่องนี้ยังดี
พอหยุนหว่านหนิงเอ่ยปากถาม มังกรตาเดียวก็ร้องไห้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “กูหน่ายนาย กูหน่ายนายต้องคืนความเป็นธรรมให้ข้าด้วย!”
พอร้องจ้าขึ้นมา…
ภูเขาแทบจะสะเทือน ดังจนแก้วหูหยุนหว่านหนิงเจ็บ ขมวดคิ้วรีบอุดหูโดยไว “เจ้าพูดมาดีๆ! อย่ามาร้องไห้เหมือนผี หอนเหมือนหมาป่าอย่างนี้!”
มังกรตาเดียวจึงได้แต่เก็บ ‘เสียงหอน’
เขาน้อยใจจนทำปากแบะ “กูหน่ายนายเมื่อคืนข้าถูกคนรังแก!”
“อื่ม หือ?”
หยุนหว่านหนิงประหลาดใจ “ใครรังแกเจ้า”
มังกรตาเดียวร้องไห้น้อยใจยิ่งกว่าเดิม “ข้าก็ไม่รู้!”
“สรุป สรุปคือเมื่อคืนข้ารอกูหน่ายนายอยู่ที่ประตูหลัง รอจนหลับ แล้วก็มีผู้หญิงเมาหยำเปคนหนึ่งผ่านมา ฉุดกระชากดึงทึ้งเสื้อผ้าข้า แถมยังกดข้าอยู่กับพื้น…”
“กูหน่ายนาย ข้าเกือบรักษาความบริสุทธิ์ไม่ได้แล้ว!”
หยุนหว่านหนิงมองท่าทางผู้ชายล่ำบึกร้องไห้ “…นี่มิใช่เรื่องดีหรอกหรือ”
“เจ้าก็ได้เปรียบแล้วนี่ ยังจะร้องไห้อะไรอีก”
นางไม่เชื่อ ว่าในฐานะที่เป็นโจรวิ่งราว มังกรตาเดียวจะไม่เคยเข้าหอนางโลม เข้าซ่องมาก่อน
“กูหน่ายนาย ข้าบริสุทธิ์ยิ่งนัก!”
มังกรตาเดียวรีบเช็ดน้ำตา ตบหน้าอกพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง “ที่สำคัญคือ ผู้หญิงคนเมื่อคืน ว่าน้อยก็อายุห้าสิบแล้ว ข้า ข้ายังกลัว…”
หยุนหว่านหนิงขำเบาๆ อย่างอดไม่อยู่
เสียงหัวเราะสุขใจที่เห็นผู้อื่นเดือดร้อน
ครั้นเห็นนางหัวเราะ มังกรตาเดียวก็ร้องไห้ด้วยความน้อยใจหนักกว่าเดิม
“เช่นนั้นนางเอาเปรียบเจ้าแล้วหรือไม่”
“ไม่! ข้าตีนางสลบ ทิ้งไว้ในซอยตรงข้ามแล้ว”
มังกรตาเดียวตอบเสียงอ่อยๆ
หยุนหว่านหนิงหัวเราจะเมื่อยปาก “นั่นก็เรียบร้อยแล้วอย่างไร เจ้ายังจะน้อยใจอะไรอีก”
“ข้าก็แค่โมโห!”
มังกรตาเดียวจับแขนเสื้อบิดๆ ม้วนๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ในเมืองหลวงใครเห็นเขา ‘เจ้าพ่อมังกร’ แล้วไม่หัวหดตดหายบ้าง
สถานการณ์แบบเมื่อคืนจะไม่เกิดขึ้นกับเขาเด็ดขาด!
อย่างมากก็ซ้อมยกหนึ่งเป็นเรียบร้อย…แต่กูหน่ายนายเคยบอก ให้พวกเขาเป็นโจรวิ่งราวที่มีอารยะสักหน่อย ห้ามอ้าปากมาก็จะฆ่าจะแกง!
แถมยังอยู่ที่ประตูหลังจวนอ๋องอีก หากก่อเรื่องให้กูหน่ายนายลำบากจะทำอย่างไร
ด้วยเหตุนี้เมื่อคืน ‘เจ้าพ่อมังกร’ จึงได้แต่กล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อให้ดีต่อทุกฝ่าย ทิ้งผู้หญิงคนนั้นไปที่ไกลๆ
“เอาล่ะๆ ลำบากเจ้าแล้ว ให้เจ้าต้องรับกับความอยุติธรรมแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทางราวกับสตรีสามีทิ้งน้อยอกน้อยใจของมังกรตาเดียวแล้ว หยุนหว่านหนิงก็หัวร่อจนหายใจไม่ทัน “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ! อีกสองสามวันข้าค่อยไปหาเจ้า”
ที่เมื่อวานนางเรียกมังกรตาเดียวมา ทีแรกเพื่อสั่งสอนเขาหนักๆ สักยก ถามเขาว่าดูแลพรรคอย่างไร
แต่ซ่งจื่ออวี๋เกิดเรื่อง แถมเมื่อคืนมังกรตาเดียวก็ได้รับ ‘ความอยุติธรรม’ อีก
กอปรกับนางยังต้องพักอยู่ในจวนอ๋องสองสามวัน ดังนั้นเรื่องอื่นจึงต้องรออีกระยะค่อยว่ากัน
“ขอรับ กูหน่ายนาย”
มังกรตาเดียวจากไปด้วยความน้อยใจ
เขาเพิ่งไป เสียงหรูอวี้ที่ประตูก็ดังขึ้น “พระชายา! ข้าน้อยขวางท่านอ๋องไม่ได้แล้ว! ท่านมีธุระอะไรก็รีบจัดการเถอะ ข้าน้อยจะตาย…”
“อ้า…”
เสียงหรูอวี้หยุดกึก
หรูเยียนพรวดพราดเข้ามาดั่งลมหอบ “พระชายา หรูอวี้ถูกท่านอ๋องซัดสลบไปแล้วเจ้าค่ะ!”
“หรูอวี้อ่อนแออย่างนั้นเชียว”
หยุนหว่านหนิงแสดงออกว่าทึ่งมาก
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”
หรูเยียนรีบอธิบาย “หรูอวี้ถูกซัดทะลุกำแพงหลายชั้น! กำแพงหล่นลงมาทับ ก็เลยสลบไปเจ้าค่ะ”
หยุนหว่านหนิง “…จุๆ หรูอวี้ผู้น่าสงสาร”
ระหว่างพูด เงาร่างของโม่เยว่ก็สะท้อนเข้าม่านตาแล้ว “หยุนหว่านหนิง! เจ้าปิดบังข้าจะทำอะไร ทำไมถึงไม่กล้าให้ข้ารู้!”
“เจ้าซ่อนผู้ชายเอาไว้ในห้องใช่หรือไม่ ใช่ซ่ง…”
ครั้นสบสายตาบริสุทธิ์ของหยุนหว่านหนิง ถ้อยคำที่ถึงริมฝีปากของโม่เยว่ก็กลับลงไปด้วยความลำบาก
ในห้องนอกจากหยุนหว่านหนิงกับหรูเยียนแล้ว มีซ่งจื่ออวี๋อะไรที่ไหนกัน
“โม่เยว่ นี่เจ้าโกรธอะไรฮะ”
หยุนหว่านหนิงเริ่มนำก่อน “เจ้าโมโหพลุ่งพล่านเข้าเรือนชิงหยิ่ง เห็นว่าเจ้าพังกำแพงเรือนชิงหยิ่งของข้าด้วย นี่เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ซ่อนผู้ชายอะไร เจ้าลองหาดูสิ”
โม่เยว่พูดไม่ออก แต่ยังปากแข็ง “ข้าได้กลิ่น ในห้องนี้มีกลิ่นของผู้ชายคนอื่นอยู่”
กลิ่นของมังกรตาเดียว…อื่ม ‘ผู้ชาย’ มาก
หยุนหว่านหนิงหรือจะยอมรับ
“ผู้ชายอะไร”
นางมองเขาแบบหมดคำพูด “บอกว่าเจ้าคือราชาสุนัข เจ้ายังไม่ยอมรับอีก! เจ้าดูตัวเจ้าสิ ปีจอใช่หรือไม่”
“เดี๋ยวก็บอกว่าปากข้ามีกลิ่นยา เดี๋ยวก็บอกว่าห้องข้าซ่อนผู้ชายไว้ เจ้าขุดเรือนชิงหยิ่งสามฉื่อ(*30 เซนติเมตร)ค้นหาดูสิ ถ้าค้นเจอผู้ชายสักครึ่งคน ข้าจะเรียกเจ้าป๋าเลย!”
นางมั่นใจเต็มร้อย
โม่เยว่อึ้ง “ป๋าคืออะไร”
“เจ้าไม่ต้องสนใจ! เจ้าค้นให้ข้า! ถ้าค้นไม่เจอ เจ้าก็เรียกข้าว่าป๋า!”
หยุนหว่านหนิงชี้นิ้วขาวสะอาด ถลึงตาจ้องเข้าอย่าง ‘ดุเดือดพลุ่งพล่าน’
พอเห็นนางโมโห และคิดว่านางกำลังป่วยอยู่…ไฟโกรธของโม่เยว่จึงแผ่วลงเล็กน้อย “หนิงเอ๋อร์ ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น เจ้าอย่างโมโหเลย”
“เจ้าสุขภาพไม่ดี จะโมโหไม่ได้”
ถ้าเขายังใช้อารมณ์ต่อ หยุนหว่านหนิงต้องงัดข้อกับเขาถึงที่สุดแน่
นิสัยของนาง ต้องใช้ไม้อ่อน ห้ามใช้ไม้แข็ง!
ครั้นเห็นโม่เยว่ยอมให้ ในใจนางก็มีความเปรี้ยวขมที่ยากจะเอื้อนเอ่ยสายหนึ่งผุดขึ้นทันที
ครั้นเปิดปาก น้ำเสียงหยุนหว่านหนิงก็ระคนความน้อยใจบางส่วน “เจ้าก็รู้ว่าข้ากำลังป่วย ยังจะทำข้าโมโหอีก! โม่เยว่ ใจเจ้าทำด้วยอะไร!”
ได้ยินเสียงคล้ายจะร้องไห้
“หนิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าโมโหสิ! เป็นข้าไม่ดีเอง”
โม่เยว่ทำอะไรไม่พูด และไม่สนจะไต่ถามผู้ชายอะไรแล้ว “ข้ากลัวเจ้าเกิดเรื่อง”
เขาโอบนางเข้าอ้อมอก ไม่สนว่าหรูเยียนยังอยู่ พูดความในใจ “ปกติเห็นเจ้าแข็งแรงร่าเริง ครั้งนี้อยู่ๆ ก็ล้มป่วย…เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ากลัวแค่ไหน”
เพียงแต่เขายิ่งพูด น้ำตาหยุนหว่านหนิงก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น
โม่เยว่รีบเช็ดน้ำตาให้นาง “อย่าร้องไห้ ข้าไม่ดีเอง! ข้าควรตี! ถ้าเจ้าโกรธ จะตีจะด่าข้าก็ได้ แต่อย่าร้องไห้เลย ดีไหม”
ครั้นนึกถึงคืนนั้น นางนอนหมดสิ้นเรี่ยวแรงอยู่ที่เชิงเขาหยุนอู้ โม่เยว่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
พอเห็นนางร้องไห้ในเวลานี้ หัวใจก็ราวกับถูกมีดเฉือน
ไม่รู้ว่าเป็นเมื่อไร ผู้หญิงคนนี้ยึดครองหัวใจของเขาไปจนหมด
ผู้หญิงที่เขาเคยแค้นที่สุด
แต่บัดนี้ กลับเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของเขา…
“เจ้านั่นแหละที่ทำข้าร้องไห้! แล้วยังทำเป็นมาปลอบข้าอีก! โม่เยว่ ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ก็ให้ใบหย่าข้ามา พวกเราต่างคนต่างไป อย่ามามีความเกี่ยวข้องกันอีก ตัดให้ขาดไปเลย!”
หยุนหว่านหนิงก็ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงน้อยใจจนเป็นอย่างนี้
นางร้องไห้พลางกล่าว “เจ้าแค้นข้า แล้วยังมาแหย่ข้าอีก นับเป็นผู้ชายอะไร”
“ใช่ๆๆ ข้าไม่ใช่ผู้ชาย…ไม่ใช่ ข้าคือผู้ชายของเจ้า!”
โม่เยว่ถูกนางทำให้หลงทางแล้ว หัวเราะกล่าวปลอบใจพลางเย้าแหย่
แต่ยังไม่ทันได้ปลุกปลอกบรรพบุรุษน้อยท่านนี้ให้ดี หรูโม่ก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามา
สีหน้าเคร่งเครียดตื่นตระหนก ราวกับเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ “นายท่านๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ! ฝ่าบาททรงกริ้วหนัก จะรื้อจวนอ๋องของพวกเราแล้วขอรับ!”
ครั้นได้ยินถ้อยคำนี้ หยุนหว่านหนิงก็ไม่สนใจจะร้องไห้ด่าทอโม่เยว่แล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมาจากอกของเขา ถามด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้น”
“เสด็จพ่อไม่ได้กำลังเสวยพระกระยาหารเป็นเพื่อนหยวนเป่าอยู่หรือ อยู่ดีๆ ทำไมกริ้วได้ล่ะ”
หรือว่าหยวนเป่าจะยั่วโมโหโม่จงหราน!