อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 32 เจ้าข่มขู่ข้า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 32 เจ้าข่มขู่ข้า
ยังไม่ทันขาดคำ คนคนนั้นก็มาถึง
กลางดึก จวนยิ่งกั๋วกงมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาท่านหนึ่ง: หยุนหว่านหนิง
ทันทีที่โม่หุยเฟิงเห็นนาง ก็ชักกระบี่พกที่อยู่ตรงเอวออกมาวางไว้บนคอของนาง “หยุนหว่านหนิง ข้ายังไม่ได้ไปหาเจ้า เจ้าก็ส่งตัวเองมาถึงที่แล้ว!”
“เชื่อไหมว่า ข้าฆ่าเจ้าได้ทันทีเลย? !”
สบตากับดวงตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารของเขา ไม่เห็นความหวาดกลัวในดวงตาของหยุนหว่านหนิงเลยแม้แต่น้อย
“หากท่านอ๋องหยิงฆ่าข้าตอนนี้ ก็จะช่วยหลานเอ๋อร์สุดที่รักของท่านเอาไว้ไม่ได้แล้วนะ”
นางยิ้มออกมา ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตนจนดูต่ำต้อย
หยุนเจิ้นซงขมวดคิ้วแน่น รู้สึกเพียงว่าไม่ได้เจอลูกสาวคนนี้มาสี่ปี ดูเหมือนกับว่าจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
หยุนหว่านหนิงเมื่อสี่ปีก่อน ถึงแม้จะจองหองไม่มีเหตุผล แต่ก็รักตัวกลัวตาย
“หยุนหว่านหนิง ข้าขอเตือนเจ้า อย่ามาเล่นตุกติกต่อหน้าข้า!”
โม่หุยเฟิงจ้องมองนางอย่างดุดัน “เจ้าใจกล้าไม่เบาเลยนิ กล้ามาที่จวนกั๋วกงตามลำพัง น้องเจ็ดรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหรือไม่? !”
“ท่านอ๋องหยิงกลัวว่าท่านอ๋องของข้าจะมาหาเรื่องท่านหรือ?”
หยุนหว่านหนิงไม่เพียงไม่โกรธแต่ยังยิ้มออกมา “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องหยิงยืนอยู่มุมไหน ใช้ฐานะอะไร มาซักถามข้าหรือ?”
“ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากชักช้าต่อไปอีกหลานเอ๋อร์สุดที่รักของท่านก็หมดทางรักษาแล้วนะ”
เฉินซื่อรีบร้อนกล่าวว่า “ท่านอ๋อง พระชายาหมิงต้องมาเพื่อดูว่า หลานเอ๋อร์ตายแล้วหรือยังแน่ๆ!”
นางรู้สึกแต่เพียงว่า คืนนี้นังเด็กแพศยาคนนี้ดูผิดธรรมดาอย่างมาก
ยุยงให้ท่านอ๋องหยิงรีบฆ่านางไปซะดีกว่า!
แต่โม่หุยเฟิงกำลังชั่งน้ำหนักอยู่
เขาเคยได้ยินฉินซื่อเสวียพูดมาก่อนจริงๆ ว่าหยุนหว่านหนิงในตอนนี้ดูเหมือนจะมีทักษะทางการแพทย์……ถึงแม้ไม่รู้จู่ๆทำไมถึงเป็นได้ แต่ตอนนี้แม้แต่หมอหลวงก็ยังจนหนทาง
หากชักช้าต่อไปอีก เกรงว่าหยุนติงหลานจะหมดทางรักษาแล้วจริงๆ
ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ไม่สู้ให้หยุนหว่านหนิงลองดูสักครั้งดีกว่า
เขาเก็บกระบี่กลับไป “ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ หากเจ้ากล้าทำอะไรหลานเอ๋อร์ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
“พระชายาหยิงรู้ว่า ท่านอ๋องหยิงรักและลุ่มหลงในตัวน้องรอง ไม่รู้ว่าจะเสียใจแค่ไหน”
หยุนหว่านหนิงมองดูเขาครู่หนึ่งอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม เดินไปถึงข้างเตียง
เฉินซื่อบีบผ้าเช็ดหน้าผ้าไหม เดินตามหลังไปติดๆ
หยุนเจิ้นซงครุ่นคิดหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายก็เดินเข้าไปใกล้ “พระชายาหมิง ท่านสามารถช่วยหลานเอ๋อร์ได้จริงหรือ? แม้แต่หมอหลวงก็ยังจนหนทาง ท่านอย่าอวดดีเลย”
“ขอบคุณอิงกั๋วกงมากที่เตือนสติ”
หยุนหว่านหนิงมองดูเขาอย่างเย้ยหยันครู่หนึ่ง “ไม่พบกันสี่ปี ข้าแลดู อิงกั๋วกงก็ยังเหมือนเดิม”
คำก็ “อิงกั๋วกง” สองคำก็ “อิงกั๋วกง” เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะยอมรับหยุนเจิ้นซงพ่อผู้ชราภาพคนนี้แล้ว
“ท่าน……”
หยุนเจิ้นซงโกรธจนหน้าแดงไปถึงหู แต่ก็รู้ตัวเองว่าเหตุผลไม่เพียงพอ ไม่สามารถหาคำพูดมาหักล้างได้
เฉินซื่อพูดแขวะขึ้นมาว่า “ตอนนี้พระชายาหมิงอย่าเพิ่งวางมาดพระชายาเลย”
“หากไม่มีความสามารถนี้ก็อย่าอวดดี ถึงเวลาจะได้ไม่อับอายขายหน้า!”
“หากข้าสามารถแก้พิษให้น้องรองได้ เฉินอี๋เหนียงจะว่าอย่างไร?”
หยุนหว่านหนิงมองนางอย่างขบขันครู่หนึ่ง
“เฉินอี๋เหนียง” คำนี้ ทำให้เฉินซื่อกลับไปสู่สภาพเดิมทันที
หยุนเจิ้นซงแต่งตั้งนางเป็นภรรยาเอกนานแล้ว ตอนนี้นางเป็นฮูหยินจวนอิงกั๋วกงที่ถูกหลักทำนองคลองธรรม นังเด็กแพศยาคนนี้ไม่พบกันสี่ปี กลายเป็นคนปากคอเราะรายขึ้นมาไม่น้อยจริงๆ!
“หากว่าเจ้าสามารถถอนพิษให้หลานเอ๋อร์ ข้าจะ ข้าจะคุกเข่าลงแล้วคารวะหน้าแตะพื้นให้เจ้าสามครั้ง!”
“คารวะหน้าผากแตะพื้นสำหรับข้าแล้ว ไม่มีความหมายอะไร”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว กล่าวพึมพำออกมา “นอกจากอันนี้แล้ว เฉินอี๋เหนียงคลานเหมือนสุนัขสามรอบดีกว่าไหม?”
ขณะที่คลาน ยังต้องเห่าโฮ่งๆไปด้วยแบบนั้น!
“หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่ารังแกคนมากเกินไป!”
เฉินซื่อโมโหขึ้นมา
หยุนหว่านหนิงเหลือบมองนางอย่างราบเรียบครู่หนึ่ง “เฉินอี๋เหนียง เรียกชื่อข้าโดยตรงถือเป็นโทษที่ไม่เคารพอย่างยิ่งนะ! ว่ากันตามความผิดแล้วต้องถูกโบยเลยนะ!”
“เจ้า……”
เฉินซื่อถูกยั่วยุเช่นนี้ ก็ตอบรับว่า “ได้” โดยไม่ได้คิดเลย
“หากว่าเจ้าสามารถถอนพิษให้หลานเอ๋อร์ได้ ข้าจะคุกเข่าคารวะหน้าผากแตะพื้นให้เจ้าสามครั้ง ยังจะคุกเข่าคลานเหมือนสุนัข!”
ประโยคสุดท้าย เหมือนกับว่าเค้นออกมาจากไรฟัน!
หยุนหว่านหนิงถึงได้เดินไปข้างเตียงด้วยความพึงพอใจ
หลังจากที่นางจับชีพจรให้หยุนติงหลานแล้ว……
ยิ้มเย้ยหยันในใจ: หยุนติงหลานคนนี้ก็เป็นคนโหดคนหนึ่งเช่นกัน!
“พิษที่นางถูก ข้าสามารถรักษาได้”
หยุนหว่านหนิงหันหน้ามองไปทางโม่หุยเฟิง “แต่จำเป็นต้องชี้แจงให้ชัดเจน ข้าไม่ได้เป็นคนวางยาพิษ อีกอย่าง หากว่าอยากให้ข้าช่วยนาง ข้ายังมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
“หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก!”
โม่หุยเฟิงจ้องมองนางอย่างมืดครึ้ม “เจ้าเป็นคนวางยาพิษหรือไม่ รอให้หลานเอ๋อร์ตื่นขึ้นมา ถามดูก็จะรู้เอง”
ส่วนเรื่องเงื่อนไข?
เป็นไปไม่ได้!
เขาไม่ฆ่านาง ก็เป็นความเมตตาที่ใหญ่หลวงแล้ว!
“ได้ เช่นนั้นท่านก็ฆ่าข้าซะเถอะ ข้าไม่ช่วยแล้ว”
หยุนหว่านหนิงกางมือออกซะเลย “ท่านอ๋องของข้ารู้ว่าข้ามาที่จวนกั๋วกง หากว่าภายในหนึ่งชั่วยามข้าไม่ได้กลับไปอย่างปลอดภัย คิดว่าเขาก็จะมารับถึงที่อย่างแน่นอน”
“ถึงเวลานั้น ท่านอ๋องหยิงคิดเอาดีกว่าว่าจะอธิบายต่อท่านอ๋องอย่างไร”
ผู้หญิงคนนี้ มันใช้ไม่ได้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง ดื้อด้านอย่างมากชัดๆ!
โม่หุยเฟิงถูกนางทำให้โมโหสุดขีด แต่ก็ดันไม่กล้าฆ่านางจริงๆ!
“เจ้าคิดว่าในใจของน้องเจ็ดเจ้ามีความสำคัญแค่ไหน? เขาจะเป็นศัตรูกับข้าที่เป็นพี่น้อง เพื่อเจ้างั้นหรือ?”
“ในใจของท่านอ๋องข้ามีความสำคัญหรือไม่ ท่านอ๋องหยิงสามารถลองดูได้เลย?”
เห็นท่าทางนางที่ใช้ไม่ได้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งจริงๆ โม่หุยเฟิงก็หมดหนทาง ได้แต่กล่าวขึ้นมาอย่างดุดัน “หยุนหว่านหนิง ตกลงเจ้าจะช่วยหรือไม่ช่วย? !”
“เงื่อนไขอะไร เจ้าก็พูดมา!”
“ค่ารักษาพยาบาล”
นางกางมือสองข้างออก “ปกติแล้วข้าไม่ลงมือช่วยคนง่ายๆหรอก”
ค่ารักษาพยาบาล
“เจ้ากล้าเอ่ยปากกับข้า?”
สบตากับสายตาที่มืดครึ้มของเขา หยุนหว่านหนิงไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย “หนึ่งพันตำลึง ซื้อชีวิตหลานเอ๋อร์สุดที่รักของท่าน ข้าคิดว่าท่านอ๋องหยิงคงไม่ได้เสียดายหรอกใช่ไหม”
“หนึ่งพันตำลึง?”
โม่หุยเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้า “ได้ ขอเพียงเจ้าสามารถถอนพิษของหลานเอ๋อร์ได้”
หากว่านางเป็นคนวางยาพิษหยุนติงหลานจริงๆ……
รอให้นางถอนพิษให้นางแล้ว ค่อยฆ่านังแพศยาคนนี้ในดาบเดียวก็พอ!
หนึ่งพันตำลึงนั่น ก็เอากลับมาแล้วไม่ใช่หรือ?
“เกรงว่าท่านอ๋องหยิงคงจะเข้าใจผิดแล้ว ที่ข้าต้องการคือ……หนึ่งพันตำลึงทอง”
หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างสุภาพ
“เจ้าว่าอะไรนะ? !”
โม่หุยเฟิงระเบิดอารมณ์ “หยุนหว่านหนิง การเสนอเงื่อนไขที่สูง ก็ไม่ได้เสนอแบบที่เจ้าทำ! หนึ่งพันตำลึงทอง เจ้าก็กล้าเอ่ยปากกับข้า!”
“หากท่านอ๋องหยิงไม่ยอม งั้นก็ช่างมันเถอะ”
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า ทำท่าทางเหมือนกำลังจะไป “ดูท่า ความรักที่ท่านมีต่อน้องรอง มันก็แค่นี้เอง”
“หนึ่งพันตำลึงทอง ซื้อชีวิตผู้หญิงอันเป็นที่รักกลับมา เดิมควรจะเป็นการซื้อขายที่คุ้มค่า”
“อย่างไรเสียน้องรอง ก็มีชีวิตไม่ถึงพรุ่งนี้แล้ว”
เห็นว่านางบอกจะไปก็ไปเลย โม่หุยเฟิงเป็นกังวลขึ้นมา
เขาก้าวเข้าไปข้างหน้า ใช้กำลังคว้าคอของหยุนหว่านหนิงเอาไว้อย่างแรง “หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่าบีบบังคับให้ข้าฆ่าเจ้าตอนนี้!”
ดวงทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ ดูไม่เหมือนกับว่าแค่ขู่เท่านั้น
“หากว่าท่านกล้า ทางที่ดีที่สุดก็ลงมือทันทีเลย”
หยุนหว่านหนิงถูกรัดคอเอาไว้ หายใจไม่ออก หน้าเล็กแดงก่ำ “หากท่านอ๋องของข้ารู้เข้า ต้องไม่ยอมจบสิ้นกับท่านแน่!”
“เจ้าเอาน้องเจ็ดมาข่มขู่ข้าหรือ?”
โม่หุยเฟิงยิ้มเย้ยหยัน เพิ่มแรงกำลังในมือ “เชื่อหรือไม่ว่า ถึงแม้ว่าข้าจะบีบคอเจ้าตายไปซะตอนนี้”
“หลังจากที่น้องเจ็ดรู้เข้า ก็จะไม่ทำอะไรข้า?”
ทันทีที่เสียงหยุดลง เห็นเพียงเงาคนคนหนึ่งจู่ๆก็พุ่งเข้ามาจากหน้าประตู
ความกดดันที่คอของหยุนหว่านหนิงหายไปในชั่วพริบตา และมือของโม่หุยเฟิง ก็ถูกคนจับเอาไว้แล้ว “พี่สาม นี่กำลังทำอะไรอยู่?”