อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 327 สมเป็นลูกสะใภ้ของข้า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 327 สมเป็นลูกสะใภ้ของข้า
หยุนหว่านหนิงไม่เคยทำอะไรเหมือนใครอยู่แล้ว
ก่อนหน้าที่รู้ว่าฮองเฮาจ้าวไปหาเต๋อเฟยเพราะอะไร เธอไม่คิดจะปรากฏตัวอย่างเปิดเผย
ตอนนี้เธอกับหรูอวี้กำลังคลานแนบร่างอยู่บนหลังคาตำหนักหย่งโซ่ว….
ในตำหนักหย่งโซ่ว ทะเลาะกันจนแทบจะพลิกฟ้าแล้ว
ท่าทีของเต๋อเฟยดูจะเหนือกว่าหนึ่งขั้น “ฮองเฮาอาศัยแค่คำพูดฝ่ายเดียว ก็จะมาลงโทษหม่อมฉัน? หาว่าไม่สั่งสอนลูกสะใภ้ตนเองให้ดีอะไร? ทำไมหม่อมฉันถึงฟังไม่เข้าใจล่ะ?”
“ฮองเฮาต่างหากที่เป็นผู้ครองวังหลัง ฮองเฮาของหนานจวิ้น”
“หนิงเอ๋อร์ก็เป็นลูกสะใภ้ของฮองเฮา ทำไมถึงกลายเป็นหม่อมฉันไม่สั่งสอนลูกสะใภ้ให้ดีล่ะ?”
“หรือว่าฮองเฮาไม่ผิดเลยสักนิดรึ?”
เรื่องทะเลาะวิวาท นอกจากเต๋อเฟยสู้หยุนหว่านหนิงไม่ได้แล้ว ก็ไม่เคยกลัวใครที่ไหนมาก่อน!
ต่อให้เป็นฮองเฮาจ้าวแล้วยังไง?
หลายปีมานี้นางทะเลาะกับฮองเฮาจ้าวจนชินรู้ทันกันดีแล้ว!
“ปากคอเจ้าสามหาวนักนะ!”
ฮองเฮาจ้าวชี้หน้าเต๋อเฟย โกรธจนหน้าซีดเผือด “นังหนูหยุนหว่านหนิงนั่นต้องเรียนกับเจ้ามาแน่! ถึงได้กล้ามาตีฝีปากต่อหน้าข้า!”
“ท่านใส่ร้ายข้า!”
เต๋อเฟยตอบกลับนาง “ฝ่ามือข้างเดียวจะตบดังได้รึ?”
“หากมิใช่ฮองเฮาไปหาเรื่องหนิงเอ๋อร์ นางจะตีฝีปากใส่ท่านรึ?”
ฮองเฮาจ้าวโกรธจัด “เจ้า เจ้า…”
น่าแค้นใจนัก!
“ข้าเป็นฮองเฮานะ!”
นางตบโต๊ะดังผ่าง “ข้าเป็นฮองเฮา เป็นตี๋หมู่ไม่ได้เป็นแม่แท้จริง เพื่อเป็นการให้เกียรติให้ฮองเฮา คนที่ไม่ใช้ลูกแท้จริงของฮองเฮาก็ต้องเรียกฮองเฮาเป็นเสด็จแม่)ของเจ้าเจ็ด! อยู่ต่อหน้าข้า ต่อให้นางเป็นมังกรตัวหนึ่งก็ต้องนอนขนด ต่อให้เป็นเสือก็ต้องหมอบกราบ!”
“ดังนั้น ความหมายของฮองเฮาคือ มีเพียงท่านที่โกรธเกรี้ยวได้ คนอื่นทำได้แค่รับไป?”
เต๋อเฟยไม่กลัวนาง
นางแค่นเสียงหึ เบ้ปากว่า “นี่มันต่างอะไรกับถืออำนาจบาตรใหญ่ทำตามอำเภอใจตนเท่านั้น?”
“นี่ฮองเฮาไม่เท่ากับว่ารังแกผู้น้อย ผู้อ่อนแอกว่ารึ?”
เห็นสีหน้าฮองเฮาจ้าวโกรธจนเขียวปั๊ด และท่าทางไม่ยี่หระอะไรของเต๋อเฟย…
หยุนหว่านหนิงอดตกใจไม่ไหว “ที่แท้เสด็จแม่เต๋อเฟยร้ายกาจเพียงนี้รึ?”
“พระชายามิทราบ”
หรูอวี้รายงานเสียงเบา “ในวังนี้ ปากของเต๋อเฟยเหนียงเหนียงร้ายกาจที่สุดแล้ว! ได้ยินว่าตอนนั้นที่ไทเฮาไปจากวัง ก็เพราะโกรธเต๋อเฟยเหนียงเหนียงหนักนี่แหละ!”
หยุนหว่านหนิง “….เสด็จแม่เต๋อเฟยกล้าแกร่งเพียงนี้?”
“ใช่ไง!”
เหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ หรูอวี้มองนางด้วยสีหน้าประหลาด
เขาอ้ำอึ้งบอก “อันที่จริงเหนียงเหนียงร้ายมากนะ! แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระชายา ก็เหมือนจะไม่ได้ร้ายขนาดนั้นแล้ว”
ถ้าเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกฮองเฮาจ้าว เต๋อเฟยเป็นแม่เสือที่ฝีมือการต่อสู้กล้าแกร่งมากตัวหนึ่ง
จากนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนหว่านหนิง แม่เสือตัวนี้กลับกลายเป็นเสือกระดาษไปเสียนี่!
อย่างที่เขาว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน
เต๋อเฟยเหนียงเหนียงที่ไร้คู่ต่อสู้ด้านประฝีปากในตำหนักหลัง มาอยู่ต่อหน้าหยุนหว่านหนิงกลับตัวลีบเล็ก!
พอย้อนคิดถึงเมื่อก่อน ตอนที่เธอโดนเต๋อเฟยวิ่งไล่ไปทั่ววัง… หยุนหว่านหนิงยิ้มขืน “อันที่จริงนิสัยของเสด็จแม่น่ะน่ารักนะ!”
ขนาดกับไทเฮากู้ ยังเป็นพวกปากร้ายใจดี
บอกว่าจะไม่ตายไม่เลิกรากับไทเฮากู้ แต่กลับเตรียมของที่นางชอบกินที่สุด ให้หยุนหว่านหนิงเอาไปตำหนักสิงกงด้วย
“พระชายารีบดูเร็ว จะตบกันแล้ว!”
หยุนหว่านหนิงกำลังคิดอยู่ หรูอวี้ทำใจกล้าผลักนางเบาๆ
เธอก้มหน้าลงไปมอง เห็นเต๋อเฟยจับข้อมือฮองเฮาจ้าวไว้พอดี!
“เมื่อครู่ ฮองเฮาจะตบปากเต๋อเฟยเหนียงเหนียง แต่โดนเต๋อเฟยเหนียงเหนียงคว้าข้อมือไว้ได้ก่อน!” หรูอวี้อธิบายให้เธอฟัง
“ข้าพูดได้แค่คำเดียวว่า เสด็จแม่เต๋อเฟยเยี่ยมมาก!”
หยุนหว่านหนิงตกใจ
ถ้าเป็นคนอื่น มาโดนฮองเฮาจ้าวตบปาก คงได้แต่ยื่นหน้าไปให้ ใครเลยจะกล้าคว้าหมับข้อมือนางไว้อย่างเต๋อเฟย?!
“เต๋อเฟย นี่เจ้าบังอาจกับข้ารึ?!”
ฮองเฮาจ้าวโกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยว
“เหนียงเหนียง คำพูดนี้หม่อมฉันไม่อาจรับได้!”
เต๋อเฟยพูดอย่างจริงจังว่า “วันนี้ท่านต่างหากที่มาหาเรื่องข้าถึงตำหนักหย่งโซ่ว”
“ยังจะมายุแยงความสัมพันธ์แม่ผัว-ลูกสะใภ้ของหม่อมฉันกับหนิงเอ๋อร์ให้แตกคอ! ท่านถามใจท่านดู ถามจิตใจด้านดีงามของท่าน! ยอมรับมาซะดีๆว่ามาเพื่อยุแยงตะแคงรั่วใช่หรือไม่?!”
ไม่คิดว่า สนมแกร่งที่ดูน่ารักพิกล…
ไม่สิ เต๋อเฟย!
หยุนหว่านหนิงส่ายหัว พูดต่อว่า เต๋อเฟยกล้าแกร่งคนนี้มีด้านฉลาดอย่างนี้ด้วย!
นางมองออกว่า ฮองเฮาจ้าวมายุแยงตะแคงรั่วรึ?
“ข้าจะมายุแยงตะแคงรั่วได้อย่างไร?”
ฮองเฮาจ้าวย่อมไม่ยอมรับอยู่แล้ว “ข้าเป็นผู้ครองวังหลัง! ต่อให้มาตำหนักหย่งโซ่ว ยังต้องให้เจ้าอนุญาตก่อนงั้นรึ?!”
“ข้าสั่งสอนลูกสะใภ้ ต้องให้เจ้าพยักหน้ายินยอมก่อนงั้นรึ?!”
“งั้นพระนางไปสั่งสอนหนิงเอ๋อร์สิ มาหาหม่อมฉันทำอะไร?”
เต๋อเฟยปล่อยมือนางออก ท่าทางไม่ยี่หระ
ถ้าฮองเฮาจ้าวสามารถทำอะไรหยุนหว่านหนิงจริงๆ…
ก็คงไม่มาระบายอารมณ์กับนางที่ตำหนักหย่งโซ่วนี่หรอก!
ยังไงซะนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยุนหว่านหนิง ต่อให้ฮองเฮาจ้าวไปหาหยุนหว่านหนิงจริงๆ ใครแพ้ใครชนะ ใช้นิ้วหัวแม่เท้าก็เดาได้แล้ว!
เต๋อเฟยไม่สนใจว่า ฮองเฮาจ้าวจะไป‘สั่งสอน’หยุนหว่านหนิงหรอก!
ฮองเฮาจ้าวเก้อเขินจนโกรธ โกรธจนพูดอะไรไม่ออก!
จางหมัวมัวเตือนนางไม่หยุด “เหนียงเหนียง พวกเรากลับกันเถอะ!”
ใครไม่รู้นิสัยเต๋อเฟยกันบ้างล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังนางยังมีฮ่องเต้ให้ท้ายอยู่อีก!
เป็นศัตรูกับนาง จะได้ผลดีหรืออย่างไร?!
ซูเฟยเหนียงเหนียงนั่น จนถึงตอนนี้ยังคอยส่งน้ำแกงมาที่ตำหนักหย่งโซ่วทุกวันสามเวลาเลยนะ เว่ยกั๋วกงก็รู้เรื่องนี้ ซูเฟยซึ่งเป็นน้องสาวตนกลายเป็น “น้องน้ำแกง” ก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะผายลมอะไรออกมาสักนิดเลยรึ?!
“ข้าไม่กลับไป!”
ฮองเฮาจ้าวเองก็เป็นคนดื้อรั้นคนหนึ่ง
พอดื้อขึ้นมา ฉุดยังไงก็ไม่กลับไปแล้ว “ข้าต่างหากที่เป็นฮองเฮา ยังต้องกลัวเต๋อเฟยอีกรึ?!”
“หม่อมฉันมิได้อยากให้ท่านกลัว”
เต๋อเฟยพูดเสียงเย็นๆ
ฮองเฮาจ้าวโกรธจนหน้าแดงคอแข็ง “ข้าไม่สน!”
“เมื่อวานนังเด็กนั่นโกงเงินข้าไปหนึ่งแสนตำลึง เจ้าคืนมาให้ข้าซะ!”
หยุนหว่านหนิงที่อยู่บนหลังคาพูดอะไรไม่ออก
ที่แท้ฮองเฮาจ้าวมาตำหนักหย่งโซ่ว เพื่อจะเอาเงินคืน?!
หนึ่งแสนตำลึงนั่น ฮองเฮาจ้าวยังไม่ทันส่งไปจวนอ๋องหมิงให้เธอเลย ก็รีบมาตำหนักหย่งโซ่วเอาคืนกับเต๋อเฟยแล้ว คนเราบทจะหน้าด้านก็ไร้คู่ต่อสู้จริงๆ!
หนังหน้าของฮองเฮาจ้าวนี่หนายิ่งกว่าเธอเสียอีก!
หยุนหว่านหนิงคิดว่าหนังหน้าเธอหนาแล้วนะ ยังทำเรื่องน่าอายอย่างนางไม่ได้เลย!
พอเต๋อเฟยได้ยินคำนี้ ก็ดีใจนัก “หนึ่งแสนตำลึง?”
ฮองเฮาจ้าวแค่นเสียงหึบอก “ใช่! หนึ่งแสนตำลึง!”
เดิมคิดว่าเต๋อเฟยจะคืนเงินให้ตน ไหนเลยจะคิดว่า นางจะตบมือผ่างพูดอย่างดีใจว่า “สมเป็นลูกสะใภ้ของข้าจริงๆ ทำได้ดีมาก!”
ฮองเฮาจ้าว “….”
“เต๋อเฟย เจ้าอย่ากำเริบเสิบสานให้มากไปนัก!”
นางยกมือขึ้นอย่างโกรธจัด อยากจะตบหน้าเต๋อเฟยสักสองฉาด
เต๋อเฟยเองก็ยกชายเสื้อขึ้น ท่าทีราวกับ ‘ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก’
พอเห็นด้านล่างทำท่าจะตบกันอีกแล้ว หยุนหว่านหนิงคิดจะกระโดดลงไปห้ามปราม
ใครจะรู้ว่าหลังคานี้จะสูงและลื่นเกินไป
เธอพึ่งลุกขึ้น ขาลื่นพรืด กระเบื้องแผ่นหนึ่งหล่นลงไป
“เพล๊ง” ดังขึ้น กระเบื้องกระจกหล่นพื้นแตะกระจาย
เกิดรูขึ้นบนหลังคา แสงสาดส่องทะลุเข้ามา ฮองเฮาจ้าวกับเต๋อเฟยเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน และเห็นหยุนหว่านหนิงที่สีหน้าอึ้งตะลึงและไม่มีที่ให้หลบหนีพอดี…