อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 353 โม่เยว่ของข้าดุเดือด
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 โม่เยว่ของข้าดุเดือด
เห็นหยุนหว่านหนิงทำหน้าครุ่นคิด เสียงของฉินซื่อเสวียแหลมคม “หยุนหว่านหนิง ถูกข้าพูดแทงใจแล้วใช่ไหม ดังนั้นเจ้าก็เลยร้อนตัวรู้ว่าเหตุผลเป็นรองพูดไม่ออก? !”
“ใช่แล้ว”
หยุนหว่านหนิงยอมรับไปเลยโดยตรง “น่าจะเป็นเช่นนี้”
“ข้ายุยงโม่เยว่ของข้า จัดการกับโม่หุยเฟิงของเจ้า”
นางถือหวีไม้เอาไว้ในมือ
เห็นฉินซื่อเสวียตะลึงงันไป มือข้างหนึ่งของหยุนหว่านหนิงถือปลายของหวีไม้ มืออีกข้างหนึ่งดีดปลายสุดออกไปเบาๆ
หวีไม้ดีดไปบนคางของฉินซื่อเสวียเบาๆ นางได้สติกลับมาทันที จ้องมองนางด้วยความโกรธเคือง “เจ้าทำอะไร? !”
รอยยิ้มของหยุนหว่านหนิงกวนโมโห “เห็นเจ้าเหม่อลอย ให้เจ้าได้ตื่นตัวหน่อยไง”
นางยิ้มด้วยรอยยิ้มซีดเซียว รอยแดงที่ชัดเจนบนคอนั่น เข้าสู่สายตาของฉินซื่อเสวียทันที
ดวงตาทั้งคู่ของนางราวกับพ่นไฟ ความริษยาแผดเผาอยู่ในใจ ไม่ช้าก็สูญเสียสติสัมปชัญญะไป!
ตั้งแต่หยุนธิงหลานแต่งเข้าจวนอ๋องสาม นางไม่ได้ร่วมหอกับโม่หุยเฟิงมาระยะหนึ่งแล้ว……
ฉินซื่อเสวียลืมไปแล้วว่า การได้รับการโปรดปรานเป็นความรู้สึกแบบไหน!
ตอนนี้เห็นร่องรอยนั่นของหยุนหว่านหนิง ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำทันที “หยุนหว่านหนิง เจ้าเป็นถึงพระชายาหมิง! เป็นถึงพระชายา แต่กลับทำตัวราวกับหญิงคณิกา ถูกคนเห็นเข้าไม่รู้สึกละอายบ้างหรือ?”
ละอาย?
หยุนหว่านหนิงมองดูนางด้วยความขบขัน
นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า ทำไมฉินซื่อเสวียถึงด่านางเช่นนี้?
นางยกมือขึ้นมา ลูบคอเบาๆ ดึงคอเสื้อลงมาซะเลย “เจ-หลัดส์ (อิจฉา)หรือ?”
ดวงตาเต็มไปด้วยรอยแดง
ฉินซื่อเสวียกำมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น กัดฟันเสียงดังกรอด “จีลาสื่ออะไรกัน ข้าฟังไม่เข้าใจ!”
ในอดีตนางนึกว่า คนที่นางรักคือโม่หุยเฟิง
ต่อมาถึงได้รู้ว่า สิ่งที่นางรักก็แค่ตำแหน่งฮองเฮาเท่านั้น
เห็นโม่เยว่และหยุนหว่านหนิง “สามีภรรยารักกัน” นางถึงเหมือนตื่นจากความฝัน ที่แท้คนที่นางรักอย่างสุดซึ้งมาตลอด คือโม่เยว่ ไม่ใช่โม่หุยเฟิง!
ตอนนี้เห็นท่าทางของหยุนหว่านหนิง นางโกรธแค้นเพราะความหึงหวงจนแทบคลั่งแล้ว!
ขอเพียงแค่นึกถึง ผู้หญิงคนนี้เบ่งบานอยู่ภายใต้ร่างของท่านพี่เยว่ ครวญคราง……
นางก็อยากจะฆ่านางซะ!
“เจ้าอิจฉาหรือ? เหตุใดข้าต้องละอายด้วย?”
หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างสุภาพ “ข้ากับโม่เยว่เป็นสามีภรรยาตามความถูกต้อง ใช้ชีวิตทางเพศระหว่างสามีภรรยาก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว หรือว่าท่านไม่เคยร่วมหอกับท่านอ๋องของท่านเลย? ลูกสาวสองคนของท่าน ไม่ใช่ของโม่หุยเฟิงหรอกหรือ?”
“พวกท่านร่วมหอกัน เจ้าก็เป็นหญิงคณิกาหรือ? เจ้าละอายไหม?”
“หรือว่าโม่หุยเฟิงไม่เคยให้ความสุขของการเป็นผู้หญิงแก่ท่านมาก่อน? เห็นโม่เยว่ของข้าดุเดือด ท่านอิจฉาหรือ?”
ฉินซื่อเสวียไหนเลยจะเถียงสู้นางได้? !
นางถูกทำให้โมโหจนจะล้มมิล้มแหล่ มือคว้าไปจับมุมโต๊ะเอาไว้
“วันนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อเถียงกับเจ้า!”
นานพักใหญ่ ฉินซื่อเสวียถึงได้ฝืนสงบสติอารมณ์ลงมาเล็กน้อย “หยุนหว่านหนิง ตอนนี้จวนอ๋องสามของเราอยู่อย่างไม่ตัวเป็นจุดสนใจมากพอแล้ว”
“ทำไมเจ้าถึงยังกัดไม่ปล่อยอีก?”
“ข้าบอกแล้วว่า เรื่องนี้ข้าไม่ได้เป็นคนทำ”
โม่เยว่เป็นคนทำ
สีหน้าท่าทางของหยุนหว่านหนิงไร้เดียงสา “ขุนนางทั่วราชสำนัก ท่านอ๋องของเจ้าเกือบจะล่วงเกินไปทั่วแล้วใช่ไหม? ใครจะรู้ว่าขุนนางใหญ่ท่านไหน กราบทูลต่อเสด็จพ่อหรือเปล่า?”
“ทำไมเจ้าถึงแน่ใจว่าเป็นข้า?”
คำพูดนี้มีเหตุผลมาก ฉินซื่อเสวียก็รู้ว่านิสัยแย่ๆของโม่หุยเฟิงนั่น ล่วงเกินขุนนางใหญ่ไปไม่น้อย
ตอนนี้เขาตกลงมาจนถึงจุดต่ำสุด ยากที่จะหลีกเลี่ยงที่จะมีคนฉวยโอกาสแก้แค้น
แต่ในใจของนางก็ยังโกรธเหลือทนอยู่ดี!
ถือสิทธิอะไรที่ตอนนี้หยุนหว่านหนิงอยู่เหนือนางทุกอย่าง? !
ดังนั้นจึงใช้โอกาสนี้มากำเริบเสิบสานที่จวนอ๋องหมิง
“ฉินซื่อเสวีย ทำไมเจ้าถึงยังไม่มีสมองเช่นนี้? จวนอ๋องสามของพวกเจ้าในตอนนี้อนาถมากพอแล้ว ทำไมข้าถึงต้องไปเหยียบพวกเจ้าอีกครั้งหนึ่งด้วย?”
นางจะไม่เหยียบพวกเขาครั้งเดียว แต่จะเหยียบหลายๆครั้ง!
แบบที่ทำให้โม่หุยเฟิงและฉินซื่อเสวีย ไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้อีก!
หยุนหว่านหนิงถอนหายใจเบาๆ “กลับไปเถอะ อย่าให้คนอื่นหัวเราะเยาะเลย”
“เรื่องที่ท่านมากำเริบเสิบสานที่จวนอ๋องหมิงของข้าในวันนี้ ข้าจะทำเป็นผู้ใหญ่ไม่ถือสาผู้น้อย ไม่ถือสาหาความกับท่านแล้วกัน”
ฉินซื่อเสวีย: “……”
ตกลงแล้วใครเป็นผู้ใหญ่ ใครคือผู้น้อยกันแน่? !
นับกันขึ้นมาแล้ว นางคือพี่สะใภ้สามของหยุนหว่านหนิงนะ!
กลัวว่าจะถูกหยุนหว่านหนิงทำให้อกแตกตาย ฉินซื่อเสวียมาด้วยความโกรธเคือง จากไปด้วยความหดหู่และพ่ายแพ้
หยุนหว่านหนิงถึงได้สั่งการให้บ่าวรับใช้ชายที่เฝ้าประตู ไปรับการโบยสิบทีด้วยตัวเอง
แม้แต่ฉินซื่อเสวียก็ยังขวางเอาไว้ไม่อยู่ เก็บพวกเขาเอาไว้มีประโยชน์อะไร? !
เห็นหยุนหว่านหนิงยังโกรธอยู่ หรูเยียนรีบเกลี้ยกล่อมว่า “พระชายาอย่าโกรธไปเลย! โกรธจนเสียสุขภาพเพราะคนอย่างพระชายาสาม ได้ไม่คุ้มเสีย”
“จวนอ๋องหมิงข้าไม่ได้ให้พวกเขากินอิ่มกันหรือ? แม้แต่ผู้หญิงคนหนึ่งก็ขวางเอาไว้ไม่อยู่!”
หยุนหว่านหนิงยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ “เจ้าไปสืบดูหน่อย วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นในราชสำนัก?”
……
ฉินซื่อเสวียกลับไปยังจวนอ๋องสามด้วยความหดหู่ โม่หุยเฟิงกำลังเก็บสัมภาระอยู่
“ท่านอ๋อง ท่านไปที่เขาซีเซียงในครั้งนี้ ก็ไม่รู้จะได้กลับมาตอนไหน! ข้าจะดูแลฉิงเอ๋อร์กับอวี่เอ๋อร์เป็นอย่างดี ไม่ให้ท่านอ๋องต้องเป็นห่วงอย่างแน่นอน!”
นางมองดูโม่หุยเฟิงอย่างอาลัยอาวรณ์
ราชโองการของโม่จงหรานในครั้งนี้ เพียงแค่ให้โม่หุยเฟิงไปเฝ้าเขาซีเซียงเท่านั้น
เขาซีเซียง อยู่ใกล้กับซีจวิ้น
ถือว่าเป็นป้อมปราการสำคัญในการผ่านทางจากซีจวิ้นมายังหนานจวิ้นเช่นกัน
หากเขาซีเซียงรักษาเอาไว้ไม่อยู่ ซีจวิ้นอาศัยประโยชน์เข้าจู่โจม หนานจวิ้นจะถูกโจมตีจนรับมือไม่ทันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พูดขึ้นมาแล้ว การไปในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสในการสร้างความดีความชอบครั้งหนึ่งเลย
หากโม่หุยเฟิงรักษาเขาซีเซียงเอาไว้ได้สร้างความดีความชอบ ไม่แน่ว่าโม่จงหรานจะคืนตำแหน่งของเขา ยกเลิกการกักบริเวณ ศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท เขาจะกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง!
หากว่ารักษาเอาไว้ไม่อยู่ เกรงว่งคงจะเป็นเช่นนี้แล้ว
โม่หุยเฟิงรู้ว่านี่คือโอกาส แต่กลับไม่เต็มใจจะจากไปอย่างหดหู่เช่นนี้
เพราะโม่จงหรานไม่ได้มีพระบัญชา ให้เขาพาครอบครัวไปด้วย หรือให้จากเมืองหลวงไปคนเดียวตามลำพัง
“ดูแลฉิงเอ๋อร์กับอวี่เอ๋อร์ให้ดี”
โม่หุยเฟิงไม่ได้พูดอะไรกับนางมากนัก เตรียมตัวออกเดินทางทันที
ถูกกักบริเวณอยู่ในจวนอ๋องสามมานาน เขาอึดอัดจะแย่นานแล้ว
การจากเมืองหลวงในครั้งนี้ เขาก็ถือว่าเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เปลี่ยนอารมณ์ไปในตัว
ฉินซื่อเสวียอาลัยอาวรณ์ จับแขนเสื้อของเขาเอาไว้ “ท่านอ๋อง ท่านจะต้องดูแลตัวเองให้ดีๆนะ! เราสามคนแม่ลูก จะรอท่านกลับมาที่เมืองหลวง!”
เห็นนางน้ำตาคลอ สีหน้าท่าทางของโม่หุยเฟิงถึงได้อ่อนลงมาเล็กน้อย
“ตกลง”
เขาพยักหน้า เช็ดน้ำตาให้นางด้วยความอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก “มีท่านพ่อตาอยู่ ข้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงพวกเจ้าสามแม่ลูกเช่นกัน”
“แต่ว่าเจ้าก็อย่าไปยั่วยุหยุนหว่านหนิงให้มาก! ไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องออกจากจวนอ๋อง จะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นมาอีก”
เขากำชับอย่างเอาจริงเอาจัง
“ข้าจำเอาไว้แล้ว! ข้าจะไม่ไปยั่วยุนางอย่างแน่นอน”
ฉินซื่อเสวียร้องไห้โผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา “ท่านอ๋อง……ท่านจากไปเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่ ในใจของข้ารู้สึกแย่ยิ่งนัก!”
โม่หุยเฟิงตบแผ่นหลังของนางเบาๆ “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาในเร็ววันแน่นอน”
ในตอนที่เขากลับมา ก็คือวันที่เอาทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมา!
วันที่เขาโม่หุยเฟิงพลิกสถานการณ์กลับมา คาดว่าจะเป็นจริงในไม่ช้า!”
“ตกลง ข้าส่งท่านออกไป”
ฉินซื่อเสวียถึงได้ลุกขึ้นมา เช็ดน้ำตาแล้วส่งเขาออกไป
รถม้าจัดเตรียมเอาไว้ที่หน้าประตูแล้ว
รองแม่ทัพหวูอดีตมือขวาคนสำคัญของโม่หุยเฟิง เพราะความโง่เขลาของฉินซื่อเสวีย ยอมที่จะติดคุกก็ไม่ยินดีจะติดตามโม่หุยเฟิงไป ด้วยเหตุนี้ครั้งนี้ มีเพียงเขาที่ออกเดินทางอย่างโดดเดี่ยวตามลำพังคนเดียว
โม่หุยเฟิงขึ้นรถม้าไป
ฉินซื่อเสวียปิดปากเอาไว้ มองดูเขาด้วยความน้อยใจ
และในขณะนี้ ก็ได้ยินเพียงเสียงหายใจหอบดังมาจากด้านหลังของนาง “ท่านอ๋องรอข้าก่อน!ท่านอ๋อง โปรดรอสักครู่!”