อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 354 กล้ามากำเริบเสิบสานที่จวนอ๋องหมิง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 354 กล้ามากำเริบเสิบสานที่จวนอ๋องหมิง
ฉินซื่อเสวียหันกลับไปมอง เห็นเพียงหยุนธิงหลานแบกสัมภาระเอาไว้ ไล่ตามออกมาด้วยสีหน้าท่าทางเร่งรีบ
“พระชายารองหยุนนี่คือจะทำอะไร?”
นางขมวดคิ้วแล้วกล่าวถาม
“ข้าจะไปพร้อมกับท่านอ๋อง”
หยุนธิงหลานกอดสัมภาระเอาไว้แน่น แม้แต่สาวใช้ก็ไม่พาไปด้วย “ท่านอ๋องจากเมืองหลวงไปลำพังคนเดียว ข้าไม่วางใจ! ข้าติดตามไปด้วย ยังสามารถปรนนิบัติรับใช้ท่านอ๋องด้วย!”
โม่หุยเฟิงตกตะลึงเล็กน้อย “หลานเอ๋อร์ เจ้า……”
เพราะเรื่องตั้งครรภ์ปลอม เขารู้สึกเกลียดหยุนธิงหลานอย่างยิ่ง
อย่างไรก็เคยรักมาก่อน
ตอนนี้เพื่อเขาแล้ว เห็นหยุนธิงหลานถึงกับยอมละทิ้งชีวิตที่สะดวกสบายและสงบสุขในจวนอ๋อง จะไปลำบากกับเขาที่เขาซีเซียง
สีหน้าของเขาหวั่นไหว
“ท่านอ๋อง ไม่ว่าท่านจะเป็นหรือตาย ยากจนหรือว่าร่ำรวย หลานเอ๋อร์ก็จะอยู่เคียงข้างท่าน!”
นางใช้แรงจับรถม้าเอาไว้แล้วปีนขึ้นไป “ท่านอ๋อง อย่าทิ้งหลานเอ๋อร์เอาไว้!”
โม่หุยเฟิงประทับใจอย่างมาก กอดนางเอาไว้แน่นในอ้อมแขน สั่งการให้คนขับรถม้าออกเดินทาง
มองดูรถม้าจากไปไกล สายตาที่หยุนธิงหลานมองมาทางนางอย่างได้ใจนั่น กลับทำให้ฉินซื่อเสวียไม่มีวันลืมไปได้เลย
เมื่อครู่นี้โม่หุยเฟิงยังรู้สึกประทับใจเพราะความกังวลของนางอยู่เลย ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมา นังแพศยาหยุนธิงหลานนั่นจะวิ่งตามขึ้นไป ถึงกับติดตามโม่หุยเฟิงจากไปโดยตรง? !
ฉินซื่อเสวียถามตัวเอง นางไม่มีความกล้าเช่นนี้หรอก
ประการแรก นางยังมีลูกสาวสองคนต้องดูแล
ประการที่สอง การไปเขาซีเซียงของโม่หุยเฟิงในครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร
หากไม่สามารถกลับมาได้ตลอดชีวิต……
นางไม่ไปทุกข์ยากลำบากกับเขาในเขตภูเขาห่างไกลความเจริญหรอก!
ถึงแม้โม่หุยเฟิงจะเสียตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งไป แต่เป็นท่านอ๋องสามในเมืองหลวง ก็ยังดีกว่าไปเป็น “ราชาแห่งขุนเขา” ใช่ไหม? !
“หยุนธิงหลาน ครั้งนี้เจ้าคิดคำนวณได้ค่อนข้างดีเลยนะ!”
ฉินซื่อเสวียเค้นประโยคนี้ออกมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
นางจะมองแผนการของหยุนธิงหลานไม่ออกได้อย่างไร?
ผู้หญิงคนนี้ยังไม่รู้ว่า นางได้สูญเสียความสามารถในการให้กำเนิดลูกไปแล้ว ยังนึกว่าติดตามโม่หุยเฟิงอยู่ตลอดเวลา ก็จะสามารถให้กำเนิดลูกกับเขาได้หรือ?
เสี่ยวยิ่นจื่อก้มหน้าเดินเข้ามาใกล้ “พระชายา ได้ยินมาว่าเมื่อครู่นี้พี่หรูเยียนจากจวนอ๋องหมิงมาที่นี่”
“อ๋อ?”
สีหน้าท่าทางของฉินซื่อเสวียตกตะลึง
“พี่หรูเยียนไปพบพระชายารองหยุนโดยตรง! จากนั้น พระชายารองหยุนก็ติดตามท่านอ๋องไปเลย”
เสี่ยวยิ่นจื่อกล่าวตอบอย่างระมัดระวัง
ฉินซื่อเสวียอดที่จะเดินไปข้างหน้าสองก้าวไม่ได้
สายตาของนางมองไปทางจวนอ๋องหมิง ดวงตามืดมน “หรือว่าครั้งนี้ ที่หยุนธิงหลานติดตามท่านอ๋องจากเมืองหลวงไป คือพระบัญชาของหยุนหว่านหนิง? !”
ทำไมที่ไหนๆก็มีนังแพศยาคนนี้? !
ฉินซื่อเสวียโกรธเหลือทน ไปที่จวนอ๋องหมิงอีกครั้ง
บ่าวรับใช้ชายที่เฝ้าประตูถูกโบยไปสิบที บ่าวรับใช้ชายอีกคนมาเฝ้าประตูแทนเขา
เห็นว่าฉินซื่อเสวียกลับมาอีกครั้ง……
บ่าวรับใช้ชายคนนี้เรียนรู้แล้ว ให้ตายอย่างไรก็ไม่ให้นางเข้าไป
ไหนเลยจะรู้ว่าฉินซื่อเสวียจะเริ่มหน้าด้านไม่มีเหตุผลขึ้นมา บอกว่าหยุนหว่านหนิงทำเรื่องผิดบาป ไม่กล้าพบนางเช่นนี้
ด้านนอกประตูของจวนอ๋องหมิงก็คือถนนเจิ้งหยาง ผู้คนสัญจรไปมาบนถนน เห็นฉินซื่อเสวียหาเรื่องอยู่หน้าประตูของจวนอ๋องหมิง ก็ยื่นคอมาดูความครึกครื้นทันที
บ่าวรับใช้ชายเกรงว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา รีบไปรายงานหยุนหว่านหนิงทันที
ทันทีที่ได้ยินว่าฉินซื่อเสวียมาอีกแล้ว หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา “ผู้หญิงคนนี้ ช่างเซ้าซี้เสียจริง”
“ดูท่าวันนี้ ข้าไว้หน้านางไปแล้ว!”
คิดไม่ถึงว่าจะมากำเริบเสิบสานที่จวนอ๋องหมิงอีก? !
“พระชายา ถ้าอย่างไรให้บ่าวไปขับไล่นางดีไหม?”
หรูเยียนเกรงว่าต่อหน้าชาวบ้าน ฉินซื่อเสวียท่าทางบอบบางน่าสงสาร หยุนหว่านหนิงจะทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ ตกอยู่ในสายตาของทุกคน ก็คือพระชายาของตัวเองเหตุผลเป็นรอง!
อย่างไรเสียทุกคนก็ยังนึกว่า พระชายาสามคือคนที่อ่อนโยนที่สุด พระชายาของตนเองเป็นคนเลวร้าย
“ข้าจะไปพบกับนางด้วยตัวเอง”
หยุนหว่านหนิงจัดแต่งทรงผมตรงหน้ากระจกทองเหลืองครู่หนึ่ง แล้วก็ทาแป้งบนใบหน้าอีกหนึ่งชั้น
นอกประตู เวลานี้จอแจไปด้วยผู้คนแล้ว
ฉินซื่อเสวียกำลังอารมณ์เสียใส่บ่าวรับใช้ชาย “ทำไม? พระชายาของเจ้าร้อนตัว ไม่กล้าออกมาพบข้าหรือ?”
“เสียงดังอะไรกัน?”
หยุนหว่านหนิงกุมหน้าผากเอาไว้ ภายใต้การประคองของหรูเยียน เดินออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง
ท่าทางนั่นราวกับต้นหลิวอ่อนแอต้านแรงลม ถูกลมพัดก็ร่วงหล่น
ฉินซื่อเสวียตะลึงงัน
นังแพศยาคนนี้ทำอะไรอีกแล้ว? !
ครึ่งชั่วยามก่อนนางมาหานาง นางยังชี้หน้าด่านางอย่างโอหังอยู่เลย!
ทำไมเวลานี้แค่เดินยังต้องให้หรูเยียนประคองแล้ว? !
“หยุนหว่านหนิง นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
นางจ้องมองดูนางอย่างโกรธแค้น
หยุนหว่านหนิงสีหน้าซีดขาว ดูแล้วอิดโรยอย่างมาก
นางไม่ได้ตอบคำถามของฉินซื่อเสวียโดยตรง เพียงแค่กล่าวขึ้นมาอย่างอ่อนแรง “พระชายาสาม ตื่นเช้ามาท่านก็มาหาเรื่องที่จวนอ๋องหมิง ก่อกวนจนวุ่นวายไปทั่ว”
“เวลานี้ก็มาอีก ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?”
สีหน้าท่าทางของนางน้อยใจ
หรูเยียนเห็นดังนั้น ก็รีบร้อนควักผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมยื่นให้กับนาง
นางเช็ดดวงตาทั้งคู่ ดวงตาทั้งคู่ปกคลุมไปด้วยไอหมอก “หรือว่าจะฉวยโอกาสตอนที่ท่านอ๋องของข้าไม่อยู่ ก็จะมารักแกข้า?”
“ใช่ ท่านคือคุณหนูจวนเฉิงเซี่ยง! ข้าก็แค่คุณหนูจวนกั๋วกงคนหนึ่ง……”
“ท่านเห็นว่าข้าไม่ได้รับความรักจากท่านพ่อ ไม่มีคนหนุนหลัง ก็เลยรังแกข้าทุกอย่าง”
หยุนหว่านหนิงสะอึกสะอื้น “ข้ารู้ว่า ท่านคิดอย่างแน่วแน่ว่าตอนนั้นข้าเป็นคนทำให้ท่านกับท่านอ๋องยกเลิกการแต่งงาน แต่ว่าจวนเฉิงเซี่ยงของพวกท่านเป็นคนยกเลิกการแต่งงานก่อน และท่านก็แต่งงานกับท่านอ๋องสาม”
“ท่านเป็นคนแต่งงานไปก่อน ท่านอ๋องของข้าแต่งงานกับข้าภายหลัง! ใครเป็นคนผิดสัญญากันแน่ มองแวบเดียวก็เข้าใจ!”
“แต่หลายปีมานี้ ท่านใช้เรื่องนี้ข่มเหงรังแกข้าทุกอย่าง วันนี้ไม่อธิบายให้ชัดเจน ท่านยังจะรังแกข้าไปอีกนานแค่ไหน?”
นางใช้ผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมปิดหน้าเอาไว้ แล้วร้องไห้เสียงเบา
หรูเยียนตบไหล่ของนางเบาๆ เป็นการปลอบโยนนาง
เห็นดังนั้น ฉินซื่อเสวียก็ยิ่งตกตะลึงจนตาค้างมากขึ้น
นี่มันสถานการณ์อะไรกันแน่? !
ใครเป็นคนรังแกใครกันแน่? !
“หยุนหว่านหนิง เป็นคนต้องมีมโนธรรม! ตกลงแล้วเราใครเป็นคนรังแกใครกันแน่? !”
ฉินซื่อเสวียเพิ่งจะพูดออกมา ก็ได้ยินหรูเยียนกล่าวเสียงเบาขึ้นมา “พระชายาสาม เมื่อคืนนี้พระชายาของข้าร่างกายโดนอากาศเย็น เดิมทีก็นอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว เช้าตรู่ท่านก็มาหาเรื่องที่จวนอ๋องหมิง ทำให้พระชายาของเราโมโหจนแม้แต่มื้อเช้าก็ยังไม่ได้ทาน”
“ตอนนี้ท่านยังไม่ยอมรับอีกหรือ?”
ฉินซื่อเสวีย: “……”
เมื่อคืนร่างกายโดนอากาศเย็น นอนไม่ค่อยหลับ?
นางไม่ได้ร่วมรักกับโม่เยว่ทั้งคืนหรอกหรือ? !
เมื่อครู่นี้ยังโอ้อวดกับนางว่า “โม่เยว่ของนางดุเดือด” อยู่เลยไม่ใช่หรือ? !
“พระชายาสาม หากท่านยังก่อความวุ่นวายเช่นนี้ต่อไปอีก บ่าวจะต้องรายงานต่อท่านอ๋องของบ่าวไปตามความจริงอย่างแน่นอน!”
หรูเยียนจ้องมองนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ชาวบ้านที่มุงดูความครึกครื้นอยู่ด้านล่าง ต่างก็พากันกระซิบกระซาบ
ยังไม่พูดถึงว่าคำพูดพวกนี้เป็นจริงหรือเท็จ แค่เห็นท่าทางที่ฉินซื่อเสวียด่ากราดอย่างดุดัน รวมไปถึงสีหน้าที่ซีดขาวของหยุนหว่านหนิง และท่าทางที่อ่อนแอจนแค่ลมพัดก็สามารถล้มลงได้……
ทุกคนมักจะเห็นอกเห็นใจผู้ที่อ่อนแอมากกว่าเสมอ
ยิ่งยินดีจะเชื่อผู้อ่อนแอมากกว่า!
เช่นเดียวกับภาพลักษณ์ “กุลสตรีจิตใจงามและอ่อนโยน” ที่ฉินซื่อเสวียสร้างขึ้นมาในหลายปีนี้
ในอดีตทุกคนยินดีที่จะเชื่อคำพูดของฉินซื่อเสวียมากกว่า แต่ว่าตอนนี้……
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหยุนหว่านหนิงมีความน่าเชื่อถือมากกว่า!
เห็นทุกคนว่าร้ายฉินซื่อเสวีย หยุนหว่านหนิงเกี่ยวริมฝีปากขึ้นมาเงียบๆ
ฉินซื่อเสวียชำนาญการดัดจริตแสดงละครไม่ใช่หรือ?
กลวิธีนี้ นางก็เป็นเช่นกัน!
เดินทางสายดัดจริต ทำให้นางไม่มีทางเดินอีก!
“พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนาง! นางกำลังใส่ร้ายข้าอยู่!”
เห็นท่าทางดูถูกเหยียดหยามของทุกคน ฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์เสียงดังของพวกเขา ฉินซื่อเสวียอธิบายอย่างร้อนใจ “ข้าต่างหากที่เป็นคนถูกหยุนหว่านหนิงรังแก!”
“นางเสแสร้งแกล้งทำทั้งนั้น นางจงใจทำเพื่อให้ได้รับความเห็นอกเห็นใจของพวกเจ้า!”
ยิ่งนางร้อนใจมากเท่าไหร่ สีหน้าท่าทางก็ยิ่งดุร้ายมากยิ่งขึ้น ทุกคนก็ยิ่งไม่เชื่อคำพูดของนาง
“หยุนหว่านหนิง เจ้าร้ายกาจกว่าจริงๆ!”
ฉินซื่อเสวียโกรธจนหันกลับมามองดูหยุนหว่านหนิงด้วยความโกรธ กำลังจะพูดอะไร ด้านหลังฝูงชนก็มีเสียงเย็นชาดังมา “ใครที่มันกล้ามากำเริบเสิบสานที่จวนอ๋องหมิง!”