อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 356 คุณหนูรองฉินที่แปลกประหลาด
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 356 คุณหนูรองฉินที่แปลกประหลาด
ช่วงเวลาที่เงียบสงบของสองสามีภรรยาอยู่ได้ไม่นาน ไม่ช้าหรูเยียนก็เข้ามารายงาน บอกว่าท่านฉินเฉิงเซี่ยงมาเยี่ยมด้วยตัวเอง
“ฉินตงหลิน?”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว “จวนอ๋องของเรากับจวนเฉิงเซี่ยงไม่เคยติดต่อกันเลย ถึงขั้นสามารถพูดได้ว่ายืนอยู่ตรงข้ามกันด้วยซ้ำ มาเยี่ยมถึงที่ด้วยตัวเองในเวลานี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของฉินซื่อเสวียใช่ไหม?”
โม่เยว่โบกมือ “ไม่พบ”
หรูเยียนออกไปให้คำตอบ
หลังจากนั้นไม่นาน หรูเยียนก็กลับมา “นายท่าน พระชายา ท่านฉินเฉิงเซี่ยงบอกว่าหากนายท่านไม่พบ เขาก็จะรออยู่ด้านนอกจวนอ๋อง”
“นายท่านยินดีพบเขาเมื่อไหร่ เขาค่อยจากไปเมื่อนั้น”
“นี่คือเกาะติดอย่างกับเห็บหมาหรือไง”
หยุนหว่านหนิงมองดูโม่เยว่อย่างขบขัน “ข้าพบว่าขุนนางใหญ่ในราชสำนัก มีเกาะติดอย่างกับเห็บหมาหลายตัวเลย”
โม่เยว่ไม่เข้าใจ “หืม?”
“ตัวอย่างเช่น เว่ยกั๋วกงไง!”
เพราะเรื่องของเว่ยผิน เว่ยกั๋วกงเข้าวังไปร้องขอความเป็นธรรมกับฮองเฮาจ้าวอยู่บ่อยๆ พอไม่ได้พบ ก็รออยู่หน้าตำหนักคุนหนิงไม่ยอมจากไป
ไม่ได้พบฮองเฮาจ้าวจริงๆ ก็ไปรออยู่หน้าประตูห้องทรงพระอักษรไม่ยอมจากไป
นี่ไม่ใช่เกาะติดอย่างกับเห็บหมาคืออะไร?
ก่อนหน้านั้นมีเว่ยกั๋วกง ต่อมาก็มีฉินตงหลิน
สองคนนี้อยู่ในราชสำนัก เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีหน้ามีตาเชียวนะ!
ได้ยินการเยาะเย้ยในน้ำเสียงของหยุนหว่านหนิง โม่เยว่หัวเราะในลำคอ “ข้าไปพบเขาดู”
……
ฉินตงหลินมาเพราะฉินซื่อเสวียจริงๆ
แต่ว่าเขาไม่ได้มาที่จวนอ๋องหมิงเพียงลำพังเท่านั้น ยังพาลูกสาวอีกคนหนึ่งมาด้วย ฉินเย่วหลิ่วคุณหนูรองของจวนเฉิงเซี่ยงที่ยังไม่ออกเรือน
เดิมทีหยุนหว่านหนิงคิดจะไปงีบหลับซะหน่อย
แต่ในเมื่อฉินเย่วหลิ่วมาด้วย นางที่เป็นนายหญิงผู้ครองเรือนคนนี้ ควรจะให้การต้อนรับ
โม่เยว่พาฉินตงหลินเข้าไปพูดคุยกันในห้องหนังสือ
ฉินเย่วหลิ่วเข้าไปในห้องโถงใหญ่ภายใต้การนำทางของหรูเยียน
“เย่วหลิ่วคำนับพระชายาหมิง”
ถึงแม้ฉินเย่วหลิ่วจะถูกเลี้ยงดูโดยท่านยายมาตั้งแต่เด็ก ต่อมาฮูหยินฉินเสียชีวิตฉินตงหลินถึงได้รับกลับมายังเมืองหลวง แต่มารยาทและการเลี้ยงดูเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉินซื่อเสวียสามารถเทียบได้
กลับเมืองหลวงมาหลายปี น้อยมากที่ฉินเย่วหลิ่วจะปรากฏตัวในที่สาธารณะ
เห็นเพียงลักษณะท่าทางที่เรียบร้อยเหมาะสม ก็รู้แล้วว่าท่านนี้คือกุลสตรีจากตระกูลใหญ่มีฐานะสมคำร่ำลือจริงๆ
“คุณหนูรองฉินไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่ง”
หยุนหว่านหนิงสั่งให้คนยกน้ำชามาให้
เพิ่งจะนั่งลงไป ไม่รอไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ ฉินเย่วหลิ่วก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “พระชายาหมิง พูดตามความจริงไม่ปิดบัง”
“ที่ท่านพ่อพาข้ามาที่จวนอ๋องในวันนี้ เพราะมีจุดประสงค์อยู่”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ หยุนหว่านหนิงก็เลิกคิ้วเบาๆ “อ๋อ?”
ฉินเย่วหลิ่วไม่ได้คำนึงถึงว่า ฉินตงหลินเป็นพ่อแท้ๆของนาง
นางมองดูหยุนหว่านหนิงด้วยความจริงจัง “วันนี้ท่านพ่อมาเยี่ยนถึงที่ด้วยตัวเอง ความจริงเป็นเพราะพี่สาวส่งคนกลับไปที่จวน บอกว่าถูกพระชายาหมิงรังแก”
หยุนหว่านหนิงยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
นางรู้อยู่แล้วว่า จุดประสงค์ที่ฉินตงหลินมาเยี่ยมถึงที่ด้วยตัวเองเป็นเพราะฉินซื่อเสวีย
“วันนี้ นอกจากท่านพ่อจะมาเพื่อร้องขอความยุติธรรมให้พี่สาวแล้ว……”
แก้มของนางแดงระเรื่อเล็กน้อย “ยังให้ข้าหาวิธีดึงดูดความสนใจของท่านอ๋องด้วย”
ได้ยินคำพูดนี้ หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ไม่ทราบว่าคุณหนูรองฉิน บอกเรื่องนี้กับข้าทำไม?”
นางยกถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา แล้วจิบเบาๆหนึ่งคำ
ได้ยินมานานแล้ว สองพี่น้องฉินซื่อเสวียกับฉินเย่วหลิ่วไม่ลงรอยกัน ฉินซื่อเสวียเป็นคนที่ต่อกรด้วยง่าย ดูเหมือนฉลาด แต่กลับเป็นเพียงคนโง่เขลาที่แข็งนอกอ่อนในคนหนึ่งเท่านั้น
แค่กระตุ้นเล็กน้อย ก็เผยพิรุธออกมาแล้ว
และคุณหนูรองฉินท่านนี้กลับไม่ได้เป็นเช่นนี้
หยุนหว่านหนิงแทบจะไม่เคยไปมาหาสู่กับนาง มองดูแล้วก็เป็นคนที่ไม่เปิดเผยความสามารถคนหนึ่ง……
นางไม่ได้ประมาท
“พระชายาหมิงไม่จำเป็นต้องประหม่าไป เย่วหลิ่วกับพระชายาหมิงยืนอยู่ข้างเดียวกัน”
ฉินเย่วหลิ่วพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวด้วยความสุภาพ “วันนี้เย่วหลิ่วปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่านพ่อเป็นคนบังคับพาข้ามา เย่วหลิ่วแค่อยากจะบอกพระชายาหมิงว่า เย่วหลิ่วไม่มีเจตนาแต่งเข้าจวนอ๋องหมิง”
ไม่รู้ว่าทำไม ได้ยินคำพูดนี้ของนางแล้ว……
ภายในใจของหยุนหว่านหนิงรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
น้ำเสียงของฉินเย่วหลิ่ว คือไม่ชอบโม่เยว่
ผู้ชายของนาง ยังไม่เข้าตาฉินเย่วหลิ่วอีกหรือ? !
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว ไม่ช้าก็คลายคิ้วออก “ขอบคุณคุณหนูรองฉินมากที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้”
“แต่ว่า ข้าก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบหึงหวง หากท่านอ๋องของข้าต้องการจะรับสนม ข้าก็ไม่ขัดขวางเด็ดขาด ข้าจะจัดการด้วยตัวเอง……”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ได้ยินฉินเย่วหลิ่วหัวเราะออกมาเบาๆ
“พระชายาหมิงจะหลอกลวงตนเองและคนอื่นไปทำไม?”
อ๋องหมิงส่ายหน้าเบาๆ “ความรักที่ท่านมีต่ออ๋องหมิง เย่วหลิ่วก็เคยได้ยินมาเช่นกัน”
หยุนหว่านหนิง: “……”
เป็นเพราะร่างเดิมทำเรื่องน่าอายพวกนั้นออกมาแท้ๆ!
ในอดีตเพราะชอบโม่เยว่ ทำเรื่องบ้าคลั่งออกมามากมายเหลือเกิน
ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนรู้ว่า นางรักโม่เยว่อย่างคลั่งไคล้และบ้าคลั่ง
นางยกถ้วยชาขึ้นมาอย่างกระดากอาย จิบเบาๆไปหนึ่งคำเพื่อปกปิดความกระดากอายบนใบหน้า “คุณหนูรองฉิน ไม่ทราบว่าจุดประสงค์ที่เจ้ามาในวันนี้คือ?”
“เรามาพูดกันอย่างเปิดเผยดีกว่า”
นางชอบคนเด็ดขาดตรงไปตรงมานี่แหละ!
“พระชายาหมิงเป็นคนฉลาดจริงๆด้วย”
บนใบหน้าของฉินเย่วหลิ่วมีรอยยิ้มที่เหมาะสมเล็กน้อย “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่อ้อมค้อมแล้ว”
“ข้ายินดีจะร่วมมือกับพระชายาหมิง จัดการกับพี่สาวข้า”
ในใจของหยุนหว่านหนิงตกตะลึง
แต่สีหน้าของนางเป็นปกติ เพียงแค่ปล่อยถ้วยชาที่อยู่ในมือลงช้าๆ
ถึงแม้สองพี่น้องนี้จะไม่ลงรอยกัน แต่ก็ไม่ถึงกับต้องต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายกันหรอกใช่ไหม? !
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
หยุนหว่านหนิงกล่าวเสียงต่ำ “คุณหนูรองฉินรู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่? ฉินซื่อเสวียเป็นพี่สาวแท้ๆของเจ้า และข้ากับเจ้าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกันด้วย……”
“ข้ารู้”
ฉินเย่วหลิ่วมองไปด้านนอกประตูอย่างระมัดระวัง
หยุนหว่านหนิงเข้าใจ ส่งสัญญาณให้หรูเยียนไปเฝ้าอยู่หน้าประตู
“คุณหนูรองฉินสามารถพูดได้อย่างวางใจแล้ว”
“พระชายาหมิง เย่วหลิ่วรู้ว่าพระชายาหมิงเป็นคนเด็ดขาดตรงไปตรงมา!”
ทั่วทั้งเมืองหลวง ก็หาคนที่เด็ดขาดตรงไปตรงมาอย่างหยุนหว่านหนิงไม่เจอแล้ว
ฉินเย่วหลิ่วถึงได้กล่าวอย่างจริงจัง “พระชายาหมิงน่าจะไม่รู้ว่า ระหว่างข้ากับฉินซื่อเสวียมีความแค้นใหญ่หลวงอะไรกัน ระหว่างข้ากับนาง ไม่มีอะไรให้คุยกันแล้ว”
เห็นนางไม่เต็มใจพูด ว่าระหว่างนางกับฉินซื่อเสวียมีความขัดแย้งอะไรกันแน่
หยุนหว่านหนิงก็ไม่ได้บีบบังคับ เพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นมา “ข้าควรจะเชื่อเจ้าอย่างไร?”
“ตอนนี้ข้าไม่มีเหตุผลใดๆที่จะทำให้พระชายาหมิงเชื่อในตัวข้าได้จริงๆ! แต่หากพระชายาหมิงยินดีร่วมมือกับข้า ไม่ช้าก็จะเห็นถึงความจริงใจของข้า”
บนใบหน้าของฉินเย่วหลิ่วไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อยนิด
จริงจังขึ้นมา กลับดูคล้ายกับฉินตงหลินอยู่เล็กน้อย
“เมื่อพระชายาหมิงเห็นความจริงใจของข้า ก็จะรู้ถึงความมุ่งมั่นของข้า”
และในตอนนี้ เสียงที่โกรธเคืองของฉินตงหลินก็ดังมาจากด้านนอกประตู “เย่วหลิ่ว ไปได้แล้ว!”
ฉินเย่วหลิ่วลุกขึ้นมา มองดูหยุนหว่านหนิงอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง “พระชายาหมิงโปรดเชื่อว่า ท่านกับข้าอยู่ฝ่ายเดียวกัน”
“ท่านอยู่ในที่แจ้งข้าอยู่ในที่ลับ วันหน้าหากมีเรื่องอะไร ที่พระชายาหมิงไม่สะดวกจะไปทำ……โปรดมอบหมายให้ข้าได้เลย เย่วหลิ่วจะไม่ทำให้พระชายาหมิงผิดหวังแน่นอน”
พูดจบ นางก็โค้งคำนับเล็กน้อย “เย่วหลิ่วขออำลา”
ฉินเย่วหลิ่วหันหลังจากไป
หยุนหว่านหนิงก้าวไปสองสามก้าว สบตาเข้ากับสายตาที่เหมือนจะกินคนของฉินตงหลินเข้าพอดี
เขาจ้องมองหยุนหว่านหนิงอย่างดุดัน ฮึเสียงเย็นชาสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป
ฉินเย่วหลิ่วไม่ได้หันกลับมา เพียงแต่ติดตามฉินตงหลินเดินจากไปไกล
หรูเยียนก็ได้ยินคำสนทนาของฉินเย่วหลิ่วและหยุนหว่านหนิงฉินเมื่อครู่นี้เช่นกัน นางขมวดคิ้วมองดูเงาร่างของเย่วหลิ่วที่เดินจากไปไกล “พระชายา คุณหนูรองฉินท่านนี้ บ่าวว่านางดูแปลกๆ!”
“ข้าก็รู้สึกว่าแปลกๆเช่นกัน”
หยุนหว่านหนิงหรี่ตาเล็กน้อย “ไป ตรวจสอบคุณหนูรองฉินท่านนี้ทันที”
“ข้าต้องการรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับนาง!”