อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 358 ทุ่มเงินให้นาง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 358 ทุ่มเงินให้นาง
“พระบัญชาเสด็จพ่อ?”
หยุนหว่านหนิงนอนป่วยอยู่บนเตียง สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย ดูท่าทางเหมือนไม่สบายจริงๆ
กั้นด้วยฉากบังตา โม่หุยเหยียนยื่นหน้ามองเข้าไปข้างในครู่หนึ่ง เห็นนางพยายามลุกขึ้นมานั่งภายใต้การประคองของหรูเยียน “อ๋องฉู่ ท่านอย่าเห็นว่าข้าเรียนมาน้อย แล้วจะมาหลอกข้า”
เสียงของนางก็อ่อนแรงเช่นกัน
สมัยนั้นหยุนหว่านหนิงตั้งอกตั้งใจมุ่งความสนใจไปที่โม่เยว่ ไหนเลยจะมีใจเรียนหนังสือ?
ด้วยเหตุนี้ นางก็เรียนมาน้อยจริงๆ……
“ท่านบอกว่าพระบัญชาเสด็จพ่อ ก็คือพระบัญชาเสด็จพ่อแล้วหรือ? ท่านแสดงหลักฐานออกมาก่อน”
หยุนหว่านหนิงกระแอมไอเบาๆ “มิเช่นนั้นท่านก็คือปลอมราชโองการ! เสด็จพ่อเอ็นดูข้าขนาดนี้ รู้ว่าข้าไม่สบาย ต้องไม่ทำให้ข้าลำบากใจให้ข้าออกไปแน่นอน”
โม่หุยเหยียนเต็มไปด้วยความลำบากใจ
พระบัญชาไม่ใช่ราชโองการเสียหน่อย เขาจะพิสูจน์ได้อย่างไร?
หรือจะต้องแบกเสด็จพ่อมาตรงหน้านาง ถึงจะสามารถพิสูจน์ว่าเป็นพระบัญชาเสด็จพ่อ? !
“อ๋องฉู่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อท่าน! แต่เพราะข้ารู้จักเสด็จพ่อ……”
หยุนหว่านหนิงกระแอมไอขึ้นมาอีกครั้ง ฟังจากเสียงแล้วเหมือนจะไอจนปอดกระดอนออกมา
โม่หุยเหยียนขมวดคิ้วแน่น
ไหนบอกว่านางนอนป่วยอยู่บนเตียง เพราะถูกฉินซื่อเสวียทำให้โกรธจนปวดหัว เจ็บหน้าอกไม่ใช่หรือ?
ทำไมตอนนี้ถึงได้ไอแบบนี้? !
โม่หุยเหยียนรู้ว่าหยุนหว่านหนิงไม่ยินดีจะไปรักษาให้กับหนานกงเยว่ วันนั้นหนานกงเยว่พาโม่จือหยุนมาหยั่งเชิงที่จวนอ๋องหมิง นางก็รู้สึกระแคะระคายแล้ว
ท่าทีที่มีต่อหนานกงเยว่ ไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน
ผู้หญิงคนนี้ทั้งเฉียบไว ทั้งเด็ดขาดจริงๆ
แต่ว่าตอนนนี้ไม่ว่าหยุนหว่านหนิงจะป่วยจริงๆ หรือแค่แกล้งทำเป็นป่วย เขาก็ไม่สามารถมัดนางไปที่จวนอ๋องฉู่โดยตรงหรอกใช่ไหม?
“ภรรยาเจ้าเจ็ด”
คิดทบทวนไปมา โม่หุยเหยียนก็ยังคงต้องขอร้องนางอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน “ข้านำพระบัญชาเสด็จพ่อมาจริงๆ! หากเจ้าไม่เชื่อ สามารถตามข้าไปที่จวนอ๋องฉู่ แล้วค่อยส่งคนเข้าวังไปสอบถามเสด็จพ่อได้เลย”
“เช่นนั้นนี่ไม่ใช่การหลอกให้ข้าออกไปข้างนอกหรอกหรือ? ข้าป่วยหนักมาก ไม่สามารถลงจากเตียงได้”
หยุนหว่านหนิงไม่ถูกหลอกง่ายๆหรอก
“นี่……”
โม่หุยเหยียนลำบากใจอย่างยิ่ง “ใช่แล้วภรรยาเจ้าเจ็ด เสด็จพ่อยังบอกอีกว่า”
ดวงตาทั้งคู่ของเขาเป็นประกาย รีบร้อนกล่าวว่า “เสด็จพ่อยังบอกว่า หากเจ้ายินดีจะไปตรวจให้เยว่เอ๋อร์ ค่ารักษาในครั้งนี้ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นตำลึง”
หนึ่งหมื่นตำลึง? !
หยุนหว่านหนิงนั่งตัวตรงขึ้นมา
หรูเยียนรีบยักคิ้วหลิ่วตาให้นาง ส่งสัญญาณว่าอ๋องฉู่ยังแอบมองอยู่ที่ฉากบังตา……
หยุนหว่านหนิงเข้าใจ
นางรีบร้อนพิงกลับยังไปหัวเตียง “อ๋องฉู่ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร? รู้ว่าข้าไม่สบาย ยังจะใช้เงินมาหลอกล่อให้ข้าไปรักษาให้กับพี่สะใภ้คนโตอีก”
“ข้าป่วยจริงๆ ไม่ได้แกล้งป่วยสักหน่อย……”
“สองหมื่นตำลึง!”
โม่หุยเหยียนเพิ่มราคาอย่างไม่ลังเล
หยุนหว่านหนิงถอนหายใจ “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น……”
“สามหมื่นตำลึง!”
“มันเป็นเรื่องของเงินหรือ?”
“สี่หมื่นตำลึง!”
“ข้าไม่สบายมากจริงๆ……”
“ห้าหมื่นตำลึง!”
ตอนที่เพิ่มจนถึงห้าหมื่นตำลึง เห็นได้ชัดว่าโม่หุยเหยียนไม่มีความมั่นใจอะไรแล้ว ถือว่าเขาได้ทำเป็นหน้าใหญ่ใจโตแล้ว มองดูฉากบังตาอย่างหน้าแดงหน้าดำ “ภรรยาเจ้าเจ็ด นี่คือขีดจำกัดที่ข้าสามารถรับได้แล้ว!”
หมอที่ไหนออกรักษาเพียงครั้งเดียวก็มีค่ารักษาห้าหมื่นตำลึงแล้ว? !
หากไม่ใช่เพราะเป็นห่วงลูกในภรรค์ของหนานกงเยว่ ไม่ใช่เพราะเขาอยากให้ได้ลูกชายในคราวเดียว……
หากไม่ใช่เพราะทั่วทั้งเมืองหลวง มีเพียงทักษะทางการแพทย์ของหยุนหว่านหนิงที่เขาวางใจที่สุด โม่หุยเหยียนก็ไม่กล้าทุ่มเงินเช่นนี้หรอก!
“อ๋องฉู่ นี่ท่านกำลังทุ่มเงินให้ข้าหรือ?”
หยุนหว่านหนิงมีความสุขขึ้นมา
นางคือคนที่ขาดเงินหรือ?
ไม่ใช่แน่นอนอยู่แล้ว!
ตรงกันข้าม นางอยากได้เท่าไหร่ พี่ใหญ่ช่องว่างก็สามารถให้ได้อยู่แล้ว
แต่เมื่อย้อนคิดกลับมา นั่นเป็นเงินห้าหมื่นตำลึงเต็มๆเชียวนะ!
เพียงแค่ไปจวนอ๋องฉู่รอบหนึ่งเท่านั้น ก็ได้รับเงินห้าหมื่นตำลึงแล้ว……เปลี่ยนเป็นคนทั่วไป เกรงว่าทั้งชีวิตก็คงหาเงินห้าหมื่นตำลึงไม่ได้หรอกใช่ไหม? !
หยุนหว่านหนิงคิดในใจ โม่หุยเหยียนเป็นท่านอ๋องที่ยากจนคร่ำครึ
เงินทั้งหมดของเขา ก่อนหน้านั้นล้วนถูกฮองเฮาจ้าวขูดรีดไป ใช้เพื่อสนับสนุนโม่หุยเฟิงในการดูแลจัดการค่ายห้ากองพลแล้ว
ตอนนี้ห้าหมื่นตำลึงนี้ ถือได้ว่าเป็นขีดจำกัดที่เขาสามารถรับได้แล้วจริงๆ!
หากเขาไม่มีเงิน ก็จะไม่สามารถจัดการเรื่องสิ่งต่างๆในราชสำนักได้
ตอนนี้ โม่ฮั่นอี่ว์ไม่เอาไหนถูกกักบริเวณ โม่หุยเฟิงถูกลดขั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าถูกขับไปเป็น “ราชาแห่งขุนเขา” ที่เขาซีเซียง โม่เหว่ยร่างกายอ่อนแอไม่สามารถออกไปข้างนอกได้
หากโม่หุยเหยียนยากจนข้นแค้น……
คนที่โม่จงหรานจะให้ความสำคัญได้ ก็มีเพียงโม่เยว่แล้ว!
เพื่อชายปากหมาคนนี้ นางฝืนใจไปพบหนานกงเยว่สักครั้งก็ได้
หยุนหว่านหนิงคนนี้ ทำอะไรก็มักจะชอบติเตียนก่อนแล้วค่อยยกย่อง
ถึงแม้ว่าจะตัดสันใจแน่แล้ว นางก็ยังทำอยากจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้ ทำท่าทางลำบากใจ “ถึงแม้ท่านจะทุ่มเงินให้ข้า แต่ข้าไม่สบาย มันไม่ใช่เรื่องของเงินจริงๆ!”
“ภรรยาเจ้าเจ็ด เจ้าอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย! ข้าไม่มีมากกว่านี้แล้วจริงๆ!”
โม่หุยเหยียนรีบร้อนถูมือ
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว น้ำเสียงกลับลำบากใจมาก “ท่านเป็นคนทำให้ข้าลำบากใจมากกว่ามั้ง?”
“ข้าก็บอกแล้วว่าไม่สบายไม่สามารถออกไปได้ ท่านยังทุ่มเงินให้ข้าอีก นี่ไม่ได้เป็นการทำให้ข้าลำบากใจหรอกหรือ?”
โม่หุยเหยียน: “……ข้าขอร้องเจ้าล่ะ!”
เพื่อลูกชายของเขา ถึงแม้เวลานี้จะให้เขาคุกเข่าให้กับหยุนหว่านหนิง เกรงว่าโม่หุยเหยียนก็คงจะทำตามเช่นกัน
เพื่อบรรลุเป้าหมาย ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร เขาก็ยินดีจะทำทั้งนั้น!
“เฮ้อ!”
หยุนหว่านหนิงถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง “ช่างเถอะช่างเถอะ! ท่านไม่ต้องพูดแล้ว! นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของคน ข้าก็ได้แต่ไปสักครั้งแล้ว!”
หรูเยียนยิ้มออกมาเงียบๆ
เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตาย?
เห็นได้ชัดพระชายาของตนเองถูกห้าหมื่นตำลึงนั่นล่อลวงต่างหาก!”
รับใช้หยุนหว่านหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนออกมา โม่หุยเหยียนเห็นสีหน้าของนางไม่ค่อยน่าดูจริงๆ……
เห็นว่ายังดูป่วยอยู่เล็กน้อย เขาทำหน้ารู้สึกผิด “ภรรยาเจ้าเจ็ด ต้องขอโทษด้วยจริงๆ! รบกวนเจ้าไปในครั้งนี้ วันหน้าข้าต้องตอบแทนเจ้าเป็นอย่างดีแน่นอน!”
“คนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น อ๋องฉู่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”
หยุนหว่านหนิงกุมหน้าผากเอาไว้ หรูเยียนประคองนางออกไป
รถม้าถูกจัดเตรียมเอาไว้นานแล้ว
หยุนหว่านหนิงขึ้นไปบนรถม้า เมื่อม่านถูกลดระดับลง สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที
เมื่อครู่ยังมีท่าทางของคนป่วย แต่เวลานี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ดวงตาทั้งคู่ของนางประกายแสงเย็นที่เฉียบคม
โม่หุยเหยียนไม่ได้มีเพียงแค่ใบหน้าเดียวจริงๆด้วย……ภายนอกดูขี้ขลาดและธรรมดา แต่เหมือนกับหนานกงเยว่ทุกประการ สองสามีภรรยาล้วนชำนาญในการเสแสร้งทั้งคู่!
พวกเขาทั้งคู่ล้วนเป็นคนประเภทเดียวกัน: เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซ่อนความสามารถไว้ไม่แสดงออกมา!
พูดให้ตรงกว่านี้อีกหน่อย ก็คือ “แสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อหลอกให้ศัตรูตายใจ”
ทำให้ทุกคนนึกว่าพวกเขาสองคนเป็นคนซื่อสัตย์รังแกง่าย ไม่มีใครระแวดระวังตัวจากพวกเขา
ราวกับตั๊กแตนจับจักจั่นนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง สุดท้ายก็ให้การโจมตีกลับที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตต่อทุกคน……
นางยื่นมือออกไปเปิดผ้าม่านออกเบาๆ เห็นใบหน้าที่กังวลอย่างมากของโม่หุยเหยียนเข้าพอดี
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ยหยันเงียบๆ และลดผ้าม่านลง
ไม่ช้า รถม้าก็เข้ามาในจวนอ๋องฉู่
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้ามาในจวนอ๋องฉู่
เมื่อเทียบความหรูหราของจวนอ๋องหยิงในอดีต ความโอ่อ่าของจวนอ๋องหมิง ความเป็นกันเองของจวนอ๋องฮั่น ความเรียบง่ายและมีรูปแบบโบราณของจวนอ๋องโจว จวนอ๋องฉู่ดูเรียบง่ายทั้งภายนอกและภายใน
ดูเหมือนไม่มีอะไรหายากและแปลกประหลาด แต่ความจริงแล้ววัตถุเหล่านี้มีราคาแพงมาก!
ตัวอย่างเช่นแจกันที่วางอยู่บนโต๊ะแปดเซียน
ดูเหมือนแจกันธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ ก็แค่แจกันมรกตใบเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงมันคือแจกันมรกตสีเขียวจักรพรรดิที่มีมูลค่ามหาศาล ถึงขั้นมีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยซ้ำ!
มรกตสีเขียวจักรพรรดิ คือราชาที่อยู่เหนือมรกตทั้งหมดทั้งมวล!
ของล้ำค่าเช่นนี้ โดยทั่วไปล้วนจะวางบนหิ้งสูง เก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี
แต่ตอนนี้แจกันใบนี้ถูกวางไปเรื่อยบนโต๊ะภายในห้องนอนของหนานกงเยว่เช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่รู้ความล้ำค่าของแจกันใบนี้
ก็เป็นเพราะว่าจวนอ๋องฉู่มีของแบบนี้มากมายเกินไป พวกเขาไม่สนใจมันเลย!
แสดงให้เห็นว่าสองสามีภรรยาโม่หุยเหยียน ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนภายนอกจริงๆ!