อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 363 เขาคือพระนัดดาองค์โต
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 363 เขาคือพระนัดดาองค์โต
หยวนเป่าเป็นหนุ่มน้อยสี่ขวบแล้ว เรื่องนี้หยุนหว่านหนิงวางแผนว่าจะกลับไปถามเขา ให้เขาตัดสินใจเอง
นางพาหรูเยียนไปตระกูลกู้
กู้ป๋อจ้งมีธุระออกไปแล้ว กู้หมิงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องโถง หยวนเป่าเบียดอยู่ข้างตัวเขา กำลังพูดเจื้อยแจ้วอะไร…ได้ยินแว่วๆ เหมือนว่าเขากำลังเกลี้ยกล่อมกู้หมิงเรื่องอะไรอยู่
พอตั้งใจฟัง เขากำลังเตือนด้วยความหวังดี “ท่านลุงทวด นี่ก็คือท่านไม่ถูกต้องแล้ว!”
“ท่านตาทวดอยากอุ้มหลาน ท่านสมควรทำให้เขาสมปรารถนาสิ!”
เห็นท่าทางพูดด้วยความหมายลึกซึ้ง อย่างกับตาเฒ่าน้อยที่กลัดกลุ้มเต็มประดา
หยุนหว่านหนิง “…”
นางรู้ว่าบุตรชายตนไม่ธรรมดา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กน้อยจะเกลี้ยกล่อมกู้หมิงอย่างนี้ได้
ใครสอนหลักการยิ่งใหญ่อย่างนี้ให้เขาเนี่ย!
นางเดินเข้าไปใกล้ “ท่านลุง หยวนเป่า พวกท่านกำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ”
คิ้วกู้หมิงเจือความจนใจบางส่วน ทว่าน้ำเสียงยังคงอ่อนโยนและอดทน “หนิงเอ๋อร์ รีบเอาตัวยุ่งบ้านเจ้าไปเร็ว ขี้หูข้าจะเต้นระบำอยู่แล้ว”
“อุ๊บ”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเบาๆ “ลำบากท่านแล้ว ท่านลุง”
นางเปลี่ยนท่าทีพลัน “แต่ที่หยวนเป่าพูดก็ถูกต้อง! เมื่อก่อนท่านสุขภาพไม่ดี ไม่อยากแต่งงานมีลูกก็ไม่เป็นไร”
“แต่ตอนนี้ท่านแข็งแรงมากขึ้นทุกวัน ต่อให้แต่งงาน ไม่นานก็ได้อุ้มเจ้าตัวน้อยแล้ว มีอะไรให้ห่วงอีกหรือ”
กู้หมิง “…”
นี่เขาระบายทุกข์ให้หยุนหว่านหนิงเอาตัว ‘ตาเฒ่าน้อย’ พูดจ้อกลับไป
มิใช่ให้หยุนหว่านหนิงผสมโรงเข้าพวกมาเกลี้ยกล่อมบ่นเขา!
“คืนนี้พวกเจ้าสองแม่ลูก คงไม่อยู่กินข้าวเย็นที่ตระกูลกู้กระมัง”
เขาไล่คนทางอ้อม
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเสียงดัง “เจ้าลูกชาย ท่านลุงทวดของเจ้าไล่พวกเราสองแม่ลูกแน่ะ!”
“พวกเราไปก็ได้ แต่ท่านลุงทวดต้องรับปากท่านตาทวดนะ ถ้าพวกท่านยังจะทะเลาะกันต่ออีก ข้าจะไม่มีบ้านให้กลับแล้ว!”
หยวนเป่ากะพริบตา ทำหน้า ‘จริงจัง’
เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ หยุนหว่านหนิงก็ทำหน้าอึ้ง!
เดิมนางนึกว่าการให้หยวนเป่าอยู่ที่ตระกูลกู้ชั่วคราว คือการปกป้องเขาที่ดีที่สุด
ไหนเลยจะรู้ว่าวันนี้จะได้ยินเขาพูดอย่างนี้
เขาเป็นแค่เด็กสี่ขวบ เป็นช่วงที่กำลังต้องการการอยู่เป็นเพื่อนละความรักจากบุพการี
เขาคือพระนัดดาองค์โต
เดิมควรเป็นที่สนใจและรักใคร่จากปวงชน
แต่เพราะแผนร้าย หยุนหว่านหนิงจำต้องซ่อนเขาเอาไว้ แต่การซ่อนตัวเขาอย่างนี้ กลับทำให้เขากลายเป็นพระนัดดาองค์โตที่มิอาจพบเจอผู้คน
มีบ้านไม่อาจกลับ มีบิดามารดาไม่อาจอยู่ด้วย
แม้หยวนเป่าไม่เคยบ่นต่อหน้านาง…
แต่พอเห็นท่าทางจริงจังของเขาและคำพูดที่โพล่งออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจในตอนนี้แล้ว นางก็ตระหนักความเปราะบางของบุตรชายทันที
ปลายจมูกหยุนหว่านหนิงเปรี้ยว เจ็บหัวใจเป็นระยะ ราวกับถูกคนใช้เหล็กหมาดทิ่มแทง
ความเจ็บปวดแผ่ซ่าน เจ็บจนนางหายใจไม่ออก
“หยวนเป่า กลับไปกับข้า”
นางจูงมือเขา
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร มือของหยวนเป่าใหญ่ขึ้นทุกที เมื่อก่อนทั้งขาว ทั้งนิ่ม ทั้งนุ่ม ทั้งหอม ทั้งเล็ก ตอนนี้แข็งๆ และใหญ่ขึ้นไม่น้อย
ไขมันหน้าลดน้อยลง สลัดคราบความเป็นเด็ก
“ทำไมหรือ”
หยวนเป่าไม่เข้าใจ “ท่านแม่พวกท่านลุงใหญ่สงสัยฐานะของข้าแล้ว ข้าอยู่บ้านท่านตาทวดจะดีกว่า! ท่านกับท่านพ่อจะได้ไม่ลำบาก”
‘ท่านพ่อ’ คำนี้…
น่าเสียดายที่โม่เยว่ไม่ได้ยิน
หยุนหว่านหนิงสูดจมูก กดประกายน้ำตาลงไป “ไม่เป็นไร”
“เจ้าคือสมบัติที่ข้ากับพ่อของเจ้าต้องรักษา! ข้ากับพ่อของเจ้าจะคิดวิธีเอง จะให้เจ้ากลับมาใช้ชีวิตตามปกติให้เร็วที่สุด”
ไม่ต้องให้เขาหลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้ ไม่ให้เขาต้องเจอกับคนอื่นในนาม ‘ลูกบุญธรรม’ อีก
เขาคือพระนัดดาองค์โต!
นางจะให้บุตรชายปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าทุกคนอย่างสมศักดิ์ศรี!
หยวนเป่ามองนางด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับทั้งสองข้าง “จริงหรือท่านแม่! แต่ แต่ข้าได้ยินว่าพวกท่านลุงร้ายกาจมาก ถ้าท่านพ่อสู้ไม่ได้จะทำอย่างไร”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะทั้งน้ำตา “จะเป็นไปได้อย่างไร”
“เจ้ายังไม่รู้ พ่อของเจ้าเก่งที่สุดในโลก! ใครก็สู้เขาไม่ได้!”
ครั้นกู้หมิงได้ยินการสนทนาของพวกเขาสองแม่ลูกก็หวั่นไหว
“ถูกต้อง”
เขารับไม้ต่อ “พ่อของเจ้าต้องปกป้องพวกเจ้าสองแม่ลูกได้อย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินดังนั้น หยวนเป่าจึงวางใจยิ้ม “อื้ม!”
เขาผงกศีรษะแรง ความวับวาวในดวงตาเจิดจรัสมากขึ้น
แต่หยุนหว่านหนิงทรมานใจหนักกว่าเดิม
ถึงหยวนเป่าจะเป็นพระนัดดาองค์โต เป็นเด็กผู้สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้า…ทว่าแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยได้ดื่มด่ำกับความรักของบิดา ถูกนางซ่อนอยู่ในเรือนชิงหยิ่ง
สีปีเต็มๆ
แต่อย่างน้อยก็ยังได้อยู่กับนาง
ทว่าตอนนี้ต้องซ่อนเขาอยู่ที่ตระกูลกู้บ่อยๆ แยกจากนาง…
หยุนหว่านหนิงกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตาร่วงพรู “ติ๋งๆ”
หยวนเป่ารีบเช็ดน้ำตาให้นางด้วยความปวดใจ “ท่านแม่เป็นอะไรไป พูดอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้! ท่านตาทวดพูดไว้ไม่มีผิด ผู้หญิงทำจากน้ำ! บทจะร้องไห้ก็ร้องไห้…”
น้ำตาของหยุนหว่านหนิงหยุดกึก “ท่านตาทวดของเจ้าพูดอย่างนี้ต่อหน้าเจ้าจริงหรือ”
“เปล่า หลายวันก่อนมีท่านยายคนหนึ่งมาหาท่านตาทวดที่จวน”
หยวนเป่าตอบเสียงดังฟังชัด “พอข้าหลบอยู่หลังเสาแล้ว ก็ได้ยินท่านตาทวดพูดกับท่านยายคนนั้น ไม่รู้ว่าพูดกันอย่างไร อยู่ๆ ท่านยายก็ร้องไห้โฮขึ้นมา แล้วท่านตาทวดก็หงุดหงิดพูดอย่างนี้”
หยุนหว่านหนิง “…”
บุตรชายบ้านตนช่างเป็นเด็กซื่อจริงๆ!
แต่พอได้ยินเขาพูดอย่างนี้แล้ว เหมือนว่าทางท่านตาจะมีเรื่องอะไร?
นางมองกู้หมิงด้วยความประหลาดใจ
กู้หมิงรีบปัดมือ “อย่ามองข้า ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
“ท่านลุง ความหมายของข้าคือ ท่านตาก็อายุปูนนี้แล้ว ยังมีรักรอบสองได้เลย ท่านต้องพยายามเข้าล่ะ! จะแพ้ท่านตาไม่ได้กระมัง”
หน้ากู้หมิงแดงซ่าน “หนิงเอ๋อร์ เจ้าจะไม่มีระเบียบใหญ่แล้วนะ!”
แม้แต่เขาที่เป็นน้าก็กล้าหยอก!
ตอนนี้เอง ถ่านหยินซวง (*ถ่านชนิดหนึ่งซึ่งดีเป็นพิเศษ) ในเตาผิงก็ “เปรี๊ยะ” ขึ้นมาเบาๆ คล้ายแตกเป็นลูกไฟดวงหนึ่ง
หยุนหว่านหนิงหัวร่อ “ลูกไฟระเบิด บังเกิดเรื่องดี!”
“แต่งไปเรื่อย! ต้องเป็นเทียนระเบิดต่างหาก”
กู้หมิงส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“ยังไม่เหมือนกันอีกหรือ”
หยุนหว่านหนิงไม่ยอมรับว่าตัวเองแต่งไปเรื่อยหรอก “ไม่เชื่อท่านก็คอยดูแล้วกัน ภายในวันนี้ ท่านต้องเจอกับเรื่องดี หรือไม่ก็ต้องได้เจอกับใครแน่…”
ครั้นสิ้นเสียงก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก
ฝีเท้าหนักมีกำลังไม่เหมือนเป็นฝีเท้าของกู้ป๋อจ้ง
หยุนหว่านหนิงกับกู้หมิงหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง เห็นผู้ที่มาก่อนคือโม่เยว่
หยวนเป่าเปลี่ยนท่าทางเป็น ‘ศัตรู’ กับเขาตามเดิม ยิ้มแย้มกระโจนเข้าหา “พ่อเก๊ ท่านมาแล้ว!”
‘ท่านพ่อ’ ที่พูดสองสามหนเมื่อกี้ ราวกับไม่ใช่เขาที่เรียก
หยุนหว่านหนิงมั่นใจแล้ว เจ้าเด็กน้อยนี่จงใจ!
จงใจทำให้โม่เยว่โมโหตาย!
พอเห็นหยวนเป่ายิ้มแย้มกระโจนเข้าหา โม่เยว่ก็ยินดียิ่งนัก ขวางคนที่อยู่ข้างหลังตรงปากประตูทันที อุ้มหยวนเป่า
แต่ยังไม่ทันพูดก็ถูกคำว่า ‘พ่อเก๊’ ของหยวนเป่าปักเข้าที่กลางดวงใจ
“เดิมข้าอยากบอกว่าอยู่ไกลคิดถึงคะนึงหา อยู่ใกล้ชิงชังเหม็นขี้หน้า เจ้าเด็กนี่ไม่ชอบข้า ตอนนี้รู้แล้วสิว่าท่านพ่อคนนี้ดี”
เขาบีบจมูกหยวนเป่าเบาๆ เสียงงอนเล็กน้อย “ที่แท้ข้าก็ละเมอเพ้อพกไปเองนี่เอง!”
อยากให้หยวนเป่าเปลี่ยนการพูดเร็วๆ สุดท้ายยังเป็นเขาที่ไม่คู่ควร!
คนที่เหลือถูกคำพูดของเขาทำให้ขำขัน
เขาอุ้มหยวนเป่าเดินเข้ามา คนที่อยู่ข้างหลังจึงเดินตามมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาใกล้ ดวงตาหยุนหว่านหนิงก็วับวาวเล็กน้อย “นี่…”
ลูกไฟเมื่อกี้เป็นลางหรืออย่างไร หรือว่าเป็นแค่ความบังเอิญ
ทำไมนางถึงมาได้!