อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 368 ฮองเฮาใบ้สนุกกับความทุกข์ผู้อื่น
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 368 ฮองเฮาใบ้สนุกกับความทุกข์ผู้อื่น
ตำหนักคุนหนิง
ฮองเฮาจ้าวยังไม่รู้ว่าหลอดเสียงของตัวเองถูกยาพิษทำให้ไม่มีเสียง ยังคงดื่มยาที่หยุนหว่านหนิงจัดให้อย่างว่านอนสอนง่าย
นางให้หมอหลวงหยางตรวจดูแล้ว ยาขนานนั้นคือยารักษาหลอดเสียงจริงๆ
เนื่องจากรู้ว่าวิชาแพทย์ของหยุนหว่านหนิงล้ำเลิศ ดังนั้นจึงไม่สงสัย ดื่มยาหนึ่งวันมื้อสามไม่เคยขาด วันแล้ววันเล่า
และผ่านไปอย่างนี้วันแล้ววันเล่า หลอดเสียงของตัวเองจึงใบ้สนิท
ยานี่ขมยิ่งนัก
แต่หมอหลวงหยางเคยบอกว่า ‘ยาดีขมปาก’
ฮองเฮาจ้าวขมวดคิ้วดื่มยาลงไป หยิบผลไม้เชื่อมบนโต๊ะกินลูกหนึ่ง แล้วจึงจะรู้สึกดีขึ้นหน่อย
โม่หุยเหยียนเข้ามา “เสด็จแม่”
เขาคำนับด้วยความเคารพนบนอบ “ไม่ทราบช่วงนี้เสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ พระสุรเสียงดีขึ้นแล้วหรือไม่”
ฮองเฮาจ้าวเผยอปาก ชี้ลำคอ บอกโม่หุยเหยียนแบบไร้สุ้มเสียง ดีขึ้นหรือ ดีขึ้นบ้านเจ้าสิ! ตอนนี้นางเป็นใบ้ไปแล้ว!
ภาษามือราวกับเป็นโดยไม่ต้องมีอาจารย์
นับจากฮองเฮาจ้าวกลายเป็น ‘ฮองเฮาใบ้’ แล้ว จู่ๆ นางก็เป็นภาษามือท่าง่ายๆ ประมาณหนึ่ง
โม่หุยเหยียนพยักหน้า “ดีขึ้นก็ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาจ้าว “…”
(ใบ้) คุยกัน (โง่) คนละภาษา!
ช่างเถอะ!
นางไม่อยากอธิบาย ยื่นมือชี้โม่หุยเหยียน สอบถามเงียบๆ ว่ามาทำอะไร
โม่หุยเหยียนไม่เป็นภาษามือ จึงหันไปมองจางหมัวมัว เขาเลียนแบบท่ามือของฮองเฮาจ้าวมาระยะหนึ่ง ถามอย่างไม่เปล่งเสียงโดยไม่รู้ตัว เสด็จแม่ทรงหมายความว่าอย่างไรหรือ
จางหมัวมัวหน้าซีด
นางนวดใบหูแรงๆ ทำหน้าเศร้า “จบกันๆ หูของบ่าวก็ไม่ดีแล้วจริงหรือเจ้าคะ!”
“ท่านอ๋องพูดว่าอะไรหรือเจ้าคะ บ่าวไม่ได้ยินเจ้าค่ะ!”
โม่หุยเหยียน “…”
“ข้ากำลังถามเจ้า เสด็จแม่ทรงหมายความว่าอย่างไร”
เมื่อนั้นจางหมัวมัวจึงพรูลมยาวโล่งอก “อ้อๆๆ! บ่าวนึกว่าตัวเองแก่แล้ว หูก็เลยหนวก!”
ก่อนหน้านี้ตอนที่ฮองเฮาจ้าวเพิ่งจะไม่มีเสียง นางก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเหมือนกัน
นึกว่าตัวเองหูหนวกแล้ว!
สีหน้าฮองเฮาจ้าวดูแย่มาก
ตอนนี้นางกลายเป็นคนไม่ได้เรื่องไปแล้วจริงๆ หรือ!
พูดไม่ได้ก็ช่างเถอะ แต่ท่ามือนี่ แม้แต่บุตรชายตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ…
นึกถึงที่เมื่อวานเต๋อเฟยมาเยี่ยมนางตอนบ่าย ทีแรกนางไม่อยากสนใจ แต่เมื่อวานเต๋อเฟยพูดพล่ามมากมาย อย่างไรก็ไม่ยอมไปจากตำหนักคุนหนิงของนางสักที
ด้วยความจนใจ นางจึงได้แต่ตอบรับ แต่เต๋อเฟยกลับไม่เข้าใจท่ามือของนาง
ทั้งสองจึงต่างคนต่างพูด ต่างคนต่างสื่อสารตลอดทั้งบ่าย
ตอนนี้พอนึกขึ้นมา นังมารเต๋อเฟยนั่น อย่างกับจงใจมายั่วโมโหนางแน่ะ!
เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของโม่หุยเหยียน ฮองเฮาจ้าวก็โมโหจนถลึงตาโต ทำท่ามือให้จางหมัวมัวถามว่าเขามาทำอะไรแต่เช้า
จางหมัวมัวทำหน้าที่เป็นกระบอกส่งสาร
“หม่อมฉันอยากถามเสด็จแม่ ว่าทรงทราบเรื่องที่เจ้าเจ็ดทะเลาะกับหยุนหว่านหนิงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ทะเลาะ?
สดใหม่จริงแท้!
ฮองเฮาจ้าวนึกสนุก รีบโบกมือแสดงออกว่าไม่รู้
แม้จะไม่เข้าใจท่ามือของนาง แต่ก็ดูความสนใจและความคึกคักในดวงตานางออก เมื่อนั้นโม่หุยเหยียนจึงบอกเล่าเรื่องในห้องทรงพระอักษรเมื่อครู่กับฮองเฮาจ้าว
น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ!
ฮองเฮาจ้าวตบมือพยักหน้าด้วยความพอใจ
นางรีบทำท่ามือด้วยความรวดเร็ว
สุดท้ายก็มองจางหมัวมัวด้วยความหวัง แล้วมองทางโม่หุยเหยียน
จางหมัวมัวอึ้ง
เมื่อครู่การทำท่าเต้นแร้งเต้นกาของเหนียงเหนียงบ้านตนมันคืออะไร
อย่างกับเต้นผีตาโขนน่ะ นางเข้าใจเสียที่ไหน!
“เหนียงเหนียง บ่าว บ่าวแก่แล้ว ดวงตาฟากฟาง! มิเช่นนั้นเหนียงเหนียงทรงใช้กระดาษกับพู่กันเขียนให้ท่านอ๋องเถอะเพคะ?”
นางกล้าพูดที่ไหนว่าตนไม่เข้าใจ
กลัวแต่ฮองเฮาจ้าวจะฟาดฝ่ามือมาทีหนึ่ง ตบนางลอยละลิ่วนะสิ!
ต้องพูดเลยเหตุผลที่ว่า ‘แก่แล้ว’ ใช้ได้ดีโดยแท้!
ดูไม่เข้าใจ ก็พูดได้ว่าตาฟากฟาง
ฟังไม่เข้าใจ ก็พูดได้ว่าหูหนวก
พูดไม่ดี ก็พูดได้ว่าปากเงอะงะ…
ฮองเฮาจ้าวเริ่มโกรธอีกแล้ว จางหมัวมัวรีบหยิบกระดาษและพู่กันวางข้างมือนางทันที ยิ้มเลิ่กลั่ก “เหนียงเหนียง บ่าวยังต้องไปโรงหมอหลวงเอาพระโอสถให้พระองค์เพคะ!”
นางเผ่นหนีไปแล้ว
ตอนนี้ฮองเฮาจ้าวจึงได้แต่ใช้พู่กันเขียนสื่อสารกับโม่หุยเหยียน
รออยู่ครู่หนึ่ง นางจึงเขียนที่มาที่ไปชัดเจน
“อ้อ”
โม่หุยเหยียนกวาดอ่านทีละสิบบรรทัด พยักหน้าเข้าใจ “หม่อมฉันก็ว่าอยู่แล้วเชียว อยู่ดีๆ ทำไมหยุนหว่านหนิงถึงบอกว่าจะมาถามเสด็จแม่…”
ที่แท้เพราะก่อนหน้านี้ฮองเฮาจ้าวไปสืบข่าวมาจากโม่จงหรานมา
บอกว่าจะแต่งตั้งฐานะให้แม่ของเด็กคนนั้น ตั้งให้เป็นชายารองปลอบใจนาง
แต่ไม่รู้อย่างไร เรื่องนี้กลับถูกหยุนหว่านหนิงรู้เข้า ตอนนี้มิใช่ทะเลาะกับโม่เยว่ใหญ่โต ไปฟ้องร้องกับโม่จงหรานแต่เช้าอยู่หรือ
“เรื่องที่เจ้าเจ็ดทำสมควรให้คนโกรธจริงๆ”
โม่หุยเหยียนราวกับมีความคิด “หยุนหว่านหนิงทำเพื่อเขามาตลอด”
“แม้แต่กับเด็กคนนั้น ข้าก็เห็นว่ารักและเอ็นดูหนักหนา! ใครจะรู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกบุญธรรมของเจ้าเจ็ด แต่กลับเป็นลูกนอกสมรสของเขาที่อยู่ข้างนอก!”
ฮองเฮาจ้าวพยักหน้า สีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
โม่หุยเหยียนขมวดคิ้ว “แต่เสด็จแม่ ต่อให้เด็กคนนั้นเป็นลูกนอกสมรสของเจ้าเจ็ดจริง พวกเราก็ควรระวังตัวนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้เสด็จพ่อยังไม่มีพระนัดดา ถ้ารับลูกนอกสมรสคนนั้นเข้าวังจริง…ถึงจะเป็นลูกนอกสมรสก็เถอะ นั่นก็นับว่าเป็นพระนัดดาองค์โตแล้ว!”
“กลัวอะไร”
ฮองเฮาจ้าวเขียนสามคำ
นางมองโม่หุยเหยียนอย่างกระหยิ่มใจทีหนึ่ง แล้วเขียน “เยว่เอ๋อร์กำลังตั้งครรภ์ลูกชายไม่ใช่หรือ”
ก่อนหน้านี้นางก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
ไหนเลยจะรู้ จู่ๆ หนานกงเยว่ก็ตั้งครรภ์!
หมอหลวงหยางบอก จากชีพจร รู้ได้ว่าที่หนานกงเยว่ตั้งครรภ์อยู่คือลูกชาย
ความเคียดแค้นและความอัดอั้นในใจของฮองเฮาจ้าวเพิ่งจะได้ระบายออกมาในเวลานี้ กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับโม่หุยเหยียนอยู่ นางเขียนด้วยความรวดเร็ว “ก็แค่ลูกนอกสมรสเท่านั้น!”
“เอาไว้เด็กในท้องเยว่เอ๋อร์ออกมา นั่นสิถึงจะเป็นพระนัดดาองค์โตจากชายาเอกที่แท้จริง!”
โม่หุยเหยียนคือบุตรที่นางให้กำเนิด คือองค์ชายใหญ่ในฮองเฮา
บุตรของเขากับหนานกงเยว่ ก็คือพระนัดดาองค์โตที่เกิดจากภรรยาเอกอันถูกต้องตามหลักประเพณี!
ความสูงส่งเช่นนี้ หาใช่ลูกนอกสมรสเล็กๆ คนหนึ่งจะเทียบเคียงได้!
ฮองเฮาจ้าวหัวเราะเย็นไร้เสียง
ไม่รอให้โม่หุยเหยียนเอ่ย นางเขียนอีกท่อนหนึ่ง “หยุนหว่านหนิงมิใช่ต่อกรได้ง่าย! เต๋อเฟยก็ขี้อิจฉา นังเด็กนี่ก็ขี้อิจฉาเหมือนกัน!”
“ทีแรกนางยังไม่รู้ฐานะของเด็กนั่น ก็เลยรับเป็นลูกบุญธรรม”
“แต่ในเมื่อตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นลูกนอกสมรสของโม่เยว่ นางยังจะเก็บเด็กนั่นไว้หรือ”
เรื่องนี้เขาไม่ต้องลงมือ หยุนหว่านหนิงต้อง ‘ช่วย’ พวกเขาจัดการเรียบร้อยแน่!
ถ้อยคำนี้ทำให้โม่หุยเหยียนพลันตาสว่าง “หม่อมฉันเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ยังเป็นเสด็จแม่ที่สายพระเนตรยาวไกล หม่อมฉันคิดแคบเกินไป!”
สองแม่ลูกสบตา ยิ้มให้กัน
…
ห้องทรงพระอักษร
โม่หุยเหยียนเพิ่งจากไป หยุนหว่านหนิงก็เงยหน้าเอามือลง ถอนหายใจ “มารดาข้า ที่แท้การเล่นละครก็เหนื่อยมากเหมือนกันนะเนี่ย”
“ถ้าเมื่อกี้อ๋องฉู่ไปช้าอีกนิดเดียว ข้าจะหลุดหัวเราะแล้ว!”
ถ้าไม่ใช่เพราะใช้มือทั้งสองปิดหน้า โม่หุยเหยียนต้องได้เห็นท่าทางยิ้มไม่หุบของนางแน่
เช่นนั้นจะอีหลักอีเหลื่อขนาดไหน!
โม่เยว่ยิ้มพลางมองนางแวบหนึ่ง
สายตาไปยังโม่จงหรานที่อยู่ด้านหลัง เก็บรอยยิ้มพลัน “เสด็จพ่อ จุดประสงค์ที่พี่ใหญ่มาเมื่อครู่ก็ปรากฏชัดเจนแล้ว”
“ดูท่าพี่ใหญ่ก็ไม่ได้ไร้พิษภัยเหมือนกับภายนอกนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาเอ่ยด้วยความหมายลึกซึ้ง
แววตาโม่จงหรานพลันเปลี่ยน
พวกเขามองตากัน รู้อยู่แก่ใจ
บรรยากาศในห้องทรงพระอักษรอึดอัดมากขึ้นบางส่วน
หยวนเป่านั่งอยู่ในอ้อมแขนของโม่จงหราน เอามือหยิกหน้าของเขา “เสด็จปู่ สายแล้วนะ ท่านยังไม่ไปประชุมเช้าหรือ”
โม่จงหรานลังเล “ข้า…”