อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 370 หยวนเป่า ผู้ชายอบอุ่นตัวน้อย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 370 หยวนเป่า ผู้ชายอบอุ่นตัวน้อย
จวนอ๋องหมิง
หยวนเป่าอ่านหนังสืออยู่ที่ใต้ทางเดิน
สองวันก่อนเข้าวังหลวง โม่จงหรานเห็นเขารักการอ่านหนังสือ ชอบใจยิ่งนัก ดังนั้นจึงไม่สนใจว่าจะเป็นตำราล้ำค่าหายากแค่ไหน ให้โม่เยว่ขนกลับมาให้หยวนเป่าที่จวนอ๋องหมิงหมด
นี่อย่างไร สองวันมานี้ เจ้าเด็กน้อยคนนี้จึงไม่มีอารมณ์เล่นสนุก เอาแต่ถือหนังสืออ่านทั้งวันจนลืมกินลืมนอน
วันนี้คือวันลี่ตง(*หนึ่งใน 24 สารทตามปฏิทินจีน เป็นวันเริ่มต้นของฤดูหนาว) ข้างนอกหนาวเหน็บ
การดื่มน้ำแกงเนื้อแพะอบอุ่นสักถ้วยในวันลี่ตง ช่างเหมาะสมเสียนี่กระไร!
นางสั่งให้แม่นมจางเตรียมเนื้อแพะ ก่อนจะยกเก้าอี้ตัวเล็กนั่งอยู่ด้านล่างทางเดินแล้วดับกลิ่นคาวของเนื้อแพะ
วางเตาผิงไฟอยู่ข้างๆ ถ่านในนั้นกำลังลุกไหม้ดี
หยวนเป่าขดอยู่กลางเก้าอี้แขวน ห่มผ้าหนาๆ อยู่ที่ตัก ใส่หมวกขนปุย ไม่มองหยุนหว่านหนิงสักสายตา
“หรูเยียน เจ้าดูนี่สิ ขอเพียงมีความรู้การศึกษา ”
หยุนหว่านหนิงบุ้ยปากไปทางหยวนเป่า กล่าวกับหรูเยียน “ในสายตาของเขา ข้าผู้เป็นแม่แก่ๆ ไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้น!”
ราวกับหยวนเป่าเติบโตอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เขาไม่ตามติดหยุนหว่านหนิงตลอดเวลาอีก ในทางกลับกัน เขามีความคิด งานอดิเรกและความสนใจเป็นของตัวเองแล้ว
“พระชายา บ่าวว่าคุณชายน้อยเป็นแบบนี้ก็ดีเจ้าค่ะ! เต๋อเฟยเหนียงเหนียงมักกล่าวว่านายท่านกับองค์หญิงเก้าไม่รักการเรียนแต่เล็ก แต่ตอนนี้คุณชายน้อยกลับตั้งใจศึกษา พระชายาน่าจะดีใจจึงจะถูก!”
หรูเยียนหัวเราะพลางพูด
“จะว่าไปก็ใช่ ข้าแค่น้อยใจเท่นั้น”
ความรู้สึกที่ไม่เป็นที่ต้องการบุตรชายอีก ช่างน่าคับอกคับใจจริงๆ!
การอ่านหนังสือในห้องด้วยอากาศอย่างนี้ จะทำให้ตาเสียง่าย ต่อให้จุดตะเกียงแล้วก็เถอะ
แม้ถ่านหยินซวงจะเป็นของชั้นดี แต่หากอยู่ในห้องนานก็จะทำให้หน้ามืดตาลายได้ง่าย
ดังนั้นนางจึงสั่งให้บ่าวรับใช้ย้ายเตาผิงไฟมาข้างล่างทางเดิน แล้วย้ายเก้าอี้แขวนที่ทำเองออกมา ให้หยวนเป่าอ่านหนังสืออยู่ในเก้าอี้แขวน ส่วนนางก็เตรียมวัตถุดิบอาหารอยู่ข้างๆ
สองแม่ลูกทำเรื่องของตนเอง ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน
เดิมนึกว่าหยวนเป่าตั้งใจอ่านหนังสือ คงไม่ได้ยินถ้อยคำของนางแน่
ใครจะรู้ พอหยุนหว่านหนิงพูดจบ ก็เห็นหยวนเป่าพลิกหน้ากระดาษ พูดกับตนเอง “ท่านแม่มีอะไรน่าน้อยใจหรือ”
“ที่ข้าตั้งใจร่ำเรียนวิชาก็มิใช่เพื่อท่านหรอกหรือ”
หยุนหว่านหนิง “เจ้าพูดอะไร”
“ข้าต้องตั้งใจเรียนวิชา จะได้เชิดหน้าชูตาให้ท่านแม่! ต่อไปท่านแม่อายุมากแล้วถึงจะมีที่พึ่งพิง!”
หยวนเป่าเงยหน้ามองนาง พูดอย่างจริงจัง
พอพูดจบก็ก้มหน้าก้มตา แทะ ‘อาหารแห่งจิตวิญญาณ’ ของเขาต่อ
หรูเยียนปลื้มปริ่มจนน้ำตาไหลพราก “พระชายา ท่านดูสิเจ้าคะ! คุณชายน้อยทำเพื่อท่านทั้งนั้น! ความมุ่งมั่นเช่นนี้ ใช่ว่าใครจะลอกเลียนแบบได้นะ…”
หยุนหว่านหนิงปากคว่ำ “ฮือๆๆๆ” ร้องไห้ขึ้นมา
นางมุดหน้าเข้าอ้อมกอดของหยวนเป่า ใบหน้าใหญ่ๆ ถูกับตำราในมือของเขา
“เจ้าลูกชาย ฮือๆๆ ข้าดีใจเหลือเกิน! ซาบซึ้งใจยิ่งนัก ฮือๆๆ…”
หยวนเป่า “…”
เขาวางหนังสือที่หล่นอยู่ข้างมือดีๆ แล้วจึงยื่นมือน้อยๆ ตบหลังหยุนหว่านหนิงเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “ท่านแม่ นี่ท่านเป็นเด็ก หรือว่าข้าเป็นเด็กกันแน่”
“อย่าร้องไห้สิ! ข้าก็ปลอบใจท่านอยู่นี่มิใช่หรือ”
แม้จะเป็นน้ำเสียงรังเกียจ แต่สายตาที่มองนางกลับเต็มไปด้วยความรัก
“พอแล้ว พอแล้ว อย่าร้องไห้เลย ข้ารักท่าน!”
เขาตบบ่าหยุนหว่านหนิงเบาๆ ใช้มือเล็กๆ เช็ดหยาดน้ำตาให้นาง “รีบไปตุ๋นแกงเร็วเถอะ ข้าเริ่มหิวแล้ว”
เมื่อนั้นหยุนหว่านหนิงจึงลุกขึ้นยืน ดวงตาทั้งคู่ร้องไห้จนแดงก่ำ
นางซาบซึ้งใจจริงๆ!
การมีบุตรชายที่เป็นผู้ชายอบอุ่นเช่นนี้ ช่างเป็นของขวัญจากสวรรค์โดยแท้!
หยวนเป่าอ่านหนังสือต่อแล้ว หยุนหว่านหนิงจึงเร่งความเร็ว เตรียมวัตถุดิบอาหารทั้งหมดให้เรียบร้อย แล้วทิ้งลงในหม้อ เริ่มตุ๋นน้ำแกงเนื้อแพะ
ที่จริงครัวเล็กมีติ่ง (*ภาชนะทำอาหารที่มีขาตั้งและหูจับทั้งสองข้าง) โถดินเคลือบและหม้อดินก้นตื้น
แต่หยุนหว่านหนิงไม่ใช้ถนัด จึงไหว้วานเฮียช่องว่างให้เอาหม้อดินยุคปัจจุบันมาให้หน่อย
จะอธิบายถึงหม้อใบนี้ก็ง่ายมาก เมื่อเผชิญกับสายตาประหลาดใจของพวกหรูเยียน นางก็แค่บอกว่าเป็นของที่ซ่งจื่ออวี๋มอบให้
ก็ซ่งจื่ออวี๋ไปมาทั่วสารทิศนี่นา การได้ของแปลกๆ มาจากต่างแดนคือเรื่องปกติ
ครั้นเห็นหม้อดิน หยุนหว่านหนิงก็นึกถึงซ่งจื่ออวี๋
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว…
“หรูเยียน”
คิดแล้วนางจึงสั่งหรูเยียน “เจ้าไปจวนซ่งเดี๋ยวนี้! บอกว่าวันนี้คือวันลี่ตง เชิญคุณชายซ่งมาร่วมมื้อเย็นกับพวกเรา”
“พระชายา ถ้านายท่านรู้เข้า…”
หรูเยียนอึกๆ อักๆ
เพราะเรื่องหยุนหว่านหนิงช่วยซ่งจื่ออวี๋เมื่อก่อนหน้านี้ โม่เยว่หึงโกรธแล้ว
“ไม่อย่างนั้นบ่าวไปรายงานนายท่านก่อน?”
หรูเยียนหวังดีกับนาง
บัดนี้ กว่าความรักระหว่างนายท่านกับพระชายาจะคืบหน้า จะให้ทั้งสองคนกลับไปเป็นศัตรูกันเหมือนเมื่อก่อนเพราะเรื่องนี้ไม่ได้กระมัง
“ได้ เจ้าไปบอกท่านอ๋องก่อน”
หยุนหว่านหนิงแง้มฝาหม้อ เขี่ยฟองชั้นบนออก “บอกว่าวันนี้ข้าจะเชิญคุณชายซ่งมา”
“เจ้าค่ะ พระชายา”
หรูเยียนรับคำสั่งไป
ไม่นาน นางไปแล้วก็กลับมาบอกว่าคุณชายซ่งไม่อยู่ที่จวน
“ไม่อยู่? หรือว่ากลับเขาหยุนอู้แล้ว?”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว
ครั้นคิดว่าซ่งจื่ออวี๋เป็นผู้เก่งกาจเพียงนี้ ทั้งยังรอบรู้ทุกเรื่อง คงไม่ถึงขั้นว่าถูกพ่อค้ามนุษย์อุ้มไปหรอกนะ
นางส่ายหน้า “ไม่อยู่ก็ไม่อยู่! ท่านอ๋องยังอยู่ในห้องหนังสือหรือ”
“เจ้าค่ะ พระชายา ท่านอ๋องกำลังหารือธุระกับขุนนางสองสามท่านอยู่”
“อื่ม”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าไม่พูด
นางมองอากาศครึ้มข้างนอก “วันนี้ดูท่าน่าจะมีหิมะตกตอนกลางคืนนะ ดื่มน้ำแกงเนื้อแพะแล้วก็รีบกลับห้องพักเถอะ”
หรูเยียนขานรับ
หยุนหว่านหนิงมองหยวนเป่าแวบหนึ่ง เห็นเขากำลังเคลิบเคลิ้มแล้วก็อดส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ ไม่ได้
เชิญซ่งจื่ออวี๋มาดื่มน้ำแกงกลับไม่เห็นเงาคน หากมีผู้หนึ่งมาโดยไม่ได้รับเชิญ
โจวหยิงหยิงพ่นลมออกจากปาก สีมือเดินมาจากมุมทางเดิน “หนิงเอ๋อร์ ด้านล่างทางเดินมีลมลอด นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่หรือ”
“ท่านมาทำอะไรหรือ”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วมองนาง
“หอมจังเลย!”
โจวหยิงหยิงได้กลิ่นหอมของน้ำแกงเนื้อแพะก่อน อดสูดลมหายใจลึกๆ ทีหนึ่งไม่ได้ ทำหน้าอิ่มเอม “มาเร็วมิสู้มาสบโอกาส! ข้ามาได้ถูกต้องแล้ว!”
“ทีแรกข้านอนอยู่ในจวน พอได้กลิ่นหอมก็รู้ว่าเจ้าเข้าครัว ก็เลยมาทันทีอย่างไรเล่า”
นางเอ่ยพลางนั่งอยู่ข้างเตาผิงไฟ “วันนี้หนาวจริงๆ มือเท้าแข็งไปหมดแล้ว!”
หยุนหว่านหนิง “…มาเกาะกินก็ว่ามาเกาะกิน ยังมาพูดเสียเลิศเลออย่างนี้อีก”
แม้จะบอกว่าจวนอ๋องหมิงก็ห่างจากจวนอ๋องฮั่นไม่มาก แต่โจวหยิงหยิงผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นสุนัขจำแลงมาแน่
จมูกจะดีเกินไปแล้ว ถึงกับได้กลิ่นจากจวนอ๋องฮั่น แล้วตามกลิ่นมาจนถึงจวนอ๋องหมิง…
“จริงสิ หนิงเอ๋อร์ อีกครึ่งเดือนก็เป็นวันเกิดของเสด็จแม่เต๋อเฟยแล้ว ปีนี้เจ้าเตรียมของขวัญอะไรให้นางหรือ”
นางจ้องน้ำแกงเนื้อแพะในหม้อดินตาไม่กะพริบ กลืนน้ำลายลงคออย่างกลั้นใจไม่อยู่
หยุนหว่านหนิงเหลือบมองหยวนเป่า “ข้าไม่ได้เตรียม”
“อะไรนะ”
โจวหยิงหยิงเด้งขึ้นมาจากเก้าอี้พรวด “เจ้าจะไม่เตรียมได้อย่างไร! เสด็จแม่ต้องโกรธแน่! เจ้ารีบเตรียมเสียตั้งแต่ยังพอมีเวลาเถอะ!”
เมื่อเห็นนางตะลึงอย่างนี้แล้ว หยุนหว่านหนิงก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้
หากถึงวันนั้น นางก็แค่พาหยวนเป่าออกมาปรากฏตัว น่ากลัวว่าเต๋อเฟยจะต้องตื่นเต้นจนเป็นลม
ยังต้องเตรียมของขวัญวันเกิดอะไรอีก!
เปลืองเงินแค่ไหน!
หยุนหว่านหนิงเม้มริมฝีปาก ยิ้มแต่ไม่พูด
เมื่อเห็นฟ้าเริ่มมืดแล้ว นางจึงเก็บหนังสือในมือของหยวนเป่า แล้วสั่งให้แม่นมจางจัดการห้องอาหารสักหน่อย เตรียมเตาผิงไฟให้เรียบร้อย
น้ำแกงเนื้อแพะจวนจะเสร็จแล้ว ต้องไปกินมื้อเย็นที่ห้องอาหาร
“หรูเยียน เจ้าไปดูสิว่าท่านอ๋อง…”
ยังไม่ทันพูดจบ หรูอวี้ก็มารายงาน “พระชายา นายท่านยังต้องสะสางธุระอีกนิดหน่อย ให้ท่านกับคุณชายน้อยทานมื้อเย็นก่อนเลย ไม่ต้องรอนายท่านขอรับ”
สองวันนี้โม่เยว่ยุ่งจนไม่ได้ลุกไปไหน ไม่เห็นแม้แต่เงา
วันนี้ยังยุ่งอยู่อีก?
หยุนหว่านหนิงอดขมวดคิ้วไม่ได้ “หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น”