อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 372 ยัดคนมาให้โม่เยว่ดื้อๆ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 372 ยัดคนมาให้โม่เยว่ดื้อๆ
มาเวลาเช่นนี้ เหลียงเสี่ยวกงกงไม่มีเรื่องดีแน่นอน
“เสี่ยวเหลียงจื่อ ทำไมถึงได้ออกจากวังเวลานี้ได้? มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิงตักซุปเนื้อแกะให้เขาหนึ่งถ้วย “ดื่มซุปเนื้อแกะอุ่นๆคำหนึ่งก่อนเถอะ อบอุ่นร่างกายก่อนค่อยว่ากัน”
เหลียงเสี่ยวกงกงรับมาด้วยความประหลาดใจที่ได้รับความเมตตา “อุ๊ยพระชายาหมิงท่านทำให้บ่าวรับไม่ไหวแล้ว!”
เขาดื่มไปหนึ่งคำ ถึงได้กล่าวขึ้นมาอย่างลึกลับ “ท่านอ๋องพระชายา ที่บ่าวมาในเวลานี้ เพราะอาจารย์สั่งให้บ่าวออกจากวังมาส่งข่าวให้พวกท่านทั้งสอง!”
“ข่าวลือที่แพร่สะบัดไปทั่วในช่วงสองสามวันนี้ เรื่องนี้ฝ่าบาททรงทราบเรื่องแล้ว!”
เหลียงเสี่ยวกงกงประคองถ้วยเอาไว้ “ได้ยินมาว่าฮองเฮากับอ๋องฉู่ฉวยโอกาสนี้ ยุแยงความสัมพันธ์ของท่านอ๋องกับพระชายา! บอกว่าจะรับมารดาผู้ให้กำเนิดของบุตรนอกสมรสของท่านอ๋องเข้าจวนอ๋องหมิง!”
เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าหยวนเป่าคือพระนัดดาองค์โตเตี้ยนเซี่ย
หลังจากความตกตะลึงแล้วคือความประหลาดใจ
หยุนหว่านหนิงช่วยเขาคลี่คลายสถานการณ์นับครั้งไม่ถ้วน แล้วเขากับอาจารย์ซูปิ่งซ่านก็ภักดีต่อโม่จงหรานอย่างแน่วแน่
สำหรับการดำรงอยู่ของพระนัดดาองค์โตเตี้ยนเซี่ย เขาเก็บความลับเอาไว้เป็นอย่างดี!
“งั้นหรือ?”
หยุนหว่านหนิงยิ้มร่าเริงแล้วกล่าวว่า “พวกเขาหาคนคนนั้นเจอแล้วหรือ?”
“ได้ยินว่าอย่างนั้น”
เหลียงเสี่ยวกงกงพยักหน้า
เขาเงยหน้าขึ้นดื่มซุปเนื้อแกะในถ้วยหมดในรวดเดียว เม้มริมฝีปากด้วยรสชาติอร่อยที่ยังคงติดลิ้นไม่รู้จบ ถึงได้ส่งถ้วยเปล่าให้กับหรูเยียน “รบกวนท่านพี่สาวแล้ว”
“เหลียงกงกงไม่ต้องเกรงใจ”
หรูเยียนรับถ้วยมาแล้ววางลงด้วยรอยยิ้ม
เหลียงเสี่ยวกงกงถึงได้กล่าวต่อหยุนหว่านหนิงต่อด้วยรอยยิ้ม “พูดขึ้นมาแล้วบ่าวก็รู้สึกว่ามันน่าขำ”
“มารดาผู้ให้กำเนิดของพระนัดดาองค์โตเตี้ยนเซี่ยก็คือพระชายา! ไม่รู้ว่าฮองเฮากับอ๋องฉู่ ไปหา ‘มารดาผู้ให้กำเนิด’ ของพระนัดดาองค์โตเตี้ยนเซี่ยมาจากไหน……”
โม่เยว่สีหน้าเคร่งขรึม มองไม่เห็นสายตาลึกซึ้งที่อยากจะนอนกับหยุนหว่านหนิงเมื่อครู่นี้อีก
“นอกจากพระชายาแล้ว มีใครกล้าแอบอ้างเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของพระนัดดาองค์โตเตี้ยนเซี่ยอีก?”
เหลียงเสี่ยวกงกงทำหน้าเหยียดหยาม “พระนัดดาองค์โตเตี้ยนเซี่ยฐานะสูงส่ง กลับถูกคนมองว่าเป็นบุตรนอกสมรสของท่านอ๋อง! ฝ่าบาทได้ยินเรื่องนี้ก็โกรธจนยับยั้งอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่แล้ว”
“แต่ไม่สามารถแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ อาจารย์เลยสั่งให้บ่าวมาส่งข่าวให้กับท่านอ๋องพระชายา คิดหามาตรการรับมือเอาไว้!”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
สายตาหยุนหว่านหนิงครุ่นคิดความหมายข้างในอย่างละเอียด
หลังจากที่ส่งเหลียงเสี่ยวกงกงไปแล้ว นางถึงได้กล่าวต่อโม่เยว่ว่า “ข้าว่าแล้วด้วยนิสัยของโม่หุยเหยียน ต้องไม่ได้จบลงแค่สร้างข่าวลือออกมาเท่านั้นแน่นอน”
“มีแผนร้ายตามมาจริงๆด้วย!”
โม่หุยเหยียนแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อหลอกให้ศัตรูตายใจ หลายปีมานี้หลอกลวงทุกคนไปได้จริงๆ!
“ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่”
โม่เยว่ยื่นมือไปโอบนางเข้าไปในอ้อมแขน
หยุนหว่านหนิงกลอกตามองบน “ข้าเคยพูดเมื่อไหร่กันว่าข้ากลัว? เพียงแค่รู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก คนคนหนึ่งถึงกับสามารถเสแสร้งหลายปีขนาดนี้ได้ แถมยังไม่มีใครผิดสังเกตอีก”
ทักษะการแสดงของโม่หุยเหยียน เฉียบขาดเหนือชั้นมาก!
“ในเมื่อฮองเฮากับพี่ใหญ่มีความคิดเช่นนี้ คิดว่าไม่ช้าต้องมีความเคลื่อนไหวแน่ เราต้องวางแผนรับมือล่วงหน้า”
โม่เยว่กล่าว
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ยหยัน “หากข้ากลัวพวกเขา ชื่อของข้าเขียนกลับหัวได้เลย!”
นางก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่า ใครที่มันกล้ามาแอบอ้างเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของลูกชายนาง!
……
โม่เยว่คาดเดาได้ถูกต้อง ไม่ช้าฮองเฮาจ้าวกับโม่หุยเหยียนก็มีความเคลื่อนไหว
ถึงแม้จะกลายเป็นใบ้ไปแล้ว แต่จิตใจที่ชั่วร้ายของฮองเฮาจ้าวกลับไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่สามารถพูดได้ก็ไม่ได้หยุดการทำสิ่งเลวร้ายของนางเลยสักนิดเดียว นางเกิดมาเพื่อเป็นคนเลวโดยเฉพาะ!
สองวันต่อมา “มารดาผู้ให้กำเนิด” ของหยวนเป่าก็ถูกส่งมาที่จวนอ๋องหมิง
โม่เยว่ไปทำธุระที่ค่ายเสินจีไม่อยู่ในจวนอ๋อง หยุนหว่านหนิงกอดอกมองดูผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
มองพิจารณาขึ้นลง มองกลับไปกลับมา
สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นเป็นปกติ สองมือประสานกันวางเอาไว้ท้องน้อย ลักษณะท่าทางที่ “ให้คนมองพิจารณาได้ตามใจ” อย่างสงบนิ่ง
มารยาทดีไม่เลว หน้าตาก็ไม่ได้ด้อย ลักษณะท่าทางทั่วทั้งร่างกายก็ดู……
เพียงแต่ว่าหยุนหว่านหนิงยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ
นางกอดอกเอาไว้ อดที่จะดึงหรูอวี้กับหรูเยียนมาช่วยกันมองพิจารณาด้วยกันไม่ได้ “พวกเจ้าสองคนมาดูสิ แม่นางท่านนี้หน้าตาเหมือนพระชายาสามใช่หรือไม่?”
นายบ่าวสามคนมองดูนางอย่างจริงจัง ราวกับกำลังมองรูปปั้นแกะสลัก
แม้แต่แม่นมจางเอง ก็ยืดคอเข้ามาดูใกล้ๆ เหมือนกับเต่าแก่ๆที่ยืดคอยาวตัวหนึ่ง
“ถูกต้อง! พระชายา แม่นางคนนี้เหมือนกับพระชายาสามจริงๆด้วย!”
แม่นมจางปรบมือ ทำให้หยุนหว่านหนิงสามคนตกใจจนถอยออกไปก้าวหนึ่งอย่างพร้อมเพรียงกัน
หยุนหว่านหนิง: “……”
ดูเหมือนนางจะไม่ได้ถามนางใช่ไหม?
แต่เป็นเพราะแม่นมจางเข้ามาก่อกวนเช่นนี้ ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะหน้าหนาแค่ไหนก็รับมือไม่ไหวเล็กน้อยแล้ว กระแอมไอเบาๆและโค้งคำนับให้กับหยุนหว่านหนิง “คำนับพระชายาหมิง”
“เจ้าเป็นใคร?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว
เวลานี้จางหมัวมัวผู้ซึ่งเป็นคนส่งนางมา ยืนตอบอยู่ด้านข้างอย่างระมัดระวัง “พระชายาหมิง”
“ท่านนี้ก็คือล่ายซื่อ……มารดาผู้ให้กำเนิดของคุณชายน้อยบุตรนอกสมรสของอ๋องหมิง”
“ล่ายซื่อ?”
ไม่รอให้หยุนหว่านหนิงเอ่ยปาก หรูอวี้ก็ทำหน้ามุ่ยแล้ว “ข้าว่าเหมือนหน้าด้านมากกว่า?”
ติดตามอยู่ข้างกายของนางนานแล้ว วิธีการพูดของหรูอวี้และคนอื่นๆก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็น “รูปแบบหยุนหว่านหนิง” แล้วเช่นกัน
นางชอบ!
หยุนหว่านหนิงมองดูสีหน้าท่าทางกระดากอายของล่ายซื่อ หัวเราะออกมาเบาๆ “หรูอวี้ พูดจาอย่างไรกัน? ถึงยังไงก็เป็นคนที่จางหมัวมัวส่งมา อย่างน้อยก็ไว้หน้ากันหน่อย”
“ลับหลังจะเรียกอย่างไรก็ไม่เป็นไร เรียกออกมาต่อหน้าได้อย่างไร? ทำให้คนอับอายขนาดไหนเนี่ย?”
สีหน้าของล่ายซื่ออับอายมากยิ่งขึ้น
หรูอวี้ตอบรับเสียงดัง “ขอรับ พระชายา!”
จางหมัวมัวก็เต็มไปด้วยความอับอายเช่นกัน “พระชายาหมิง……”
“จางหมัวมัวไม่จำเป็นต้องพูดมากแล้ว! ในเมื่อเจ้าเป็นคนส่งล่ายซื่อผู้นี้มา ก็คือเจตนาของเสด็จแม่ถูกไหม?”
หยุนหว่านหนิงหยุดคำพูดของนาง
จางหมัวมัวรีบร้อนพยักหน้า “ใช่แล้วเจ้าค่ะพระชายา ล่ายซื่อผู้นี้ไม่รู้อย่างไร ขอร้องมาถึงหน้าพระพักตร์ฮองเฮา บอกว่าในอดีตนางเคยมีความสัมพันธ์กับอ๋องหมิง”
ขณะที่พูดไป นางก็มองดูหยุนหว่านหนิงอย่างระมัดระวังครู่หนึ่ง
กลัวแต่ว่านางจะไม่พอใจ ใช้เท้าเตะนางออกไป!
เห็นหยุนหว่านหนิงไม่เปลี่ยนสีหน้า ยังคงกอดอกมองพิจารณาล่ายซื่อด้วยความสนอกสนใจ จึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า “พระชายาหมิงน่าจะรู้ว่า”
“ในอดีตอ๋องหมิงกับพระชายาสามเคยหมั้นหมายกันมาก่อน! ต่อมาก็ยกเลิกการแต่งงานกันไป อ๋องหมิงก็เลยตกหลุมรักล่ายซื่อเข้า”
เพียงเพราะว่าล่ายซื่อดูคล้ายกับฉินซื่อเสวียเล็กน้อย?
ต้องบอกว่า กลวิธีการวางหมากกระดานนี้ของฮองเฮาจ้าวเหนือชั้นกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อยจริงๆ
นางรู้อยู่แล้วว่าความขุ่นเคืองในใจระหว่างหยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ยังสะสางกันไม่ชัดเจน รู้อยู่แล้วว่าฉินซื่อเสวียเป็นหนามยอกอกระหว่างพวกเขาทั้งสอง เป็นหนามที่ไม่สามารถดึงออกไปได้ในชั่วครู่ชั่วยาม ก็เลย “ช่วย” พวกเขาแทงเข้าไปให้ลึกยิ่งกว่าซะเลย!
หาผู้หญิงที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับฉินซื่อเสวียมาคนหนึ่ง แอบอ้างเป็น “คนรู้ใจที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในใจ” ของโม่เยว่
แต่ว่า “คนรู้ใจที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในใจ” ท่านนี้มีภูมิหลังไม่น้อย ถึงกับมีวาสนาให้กำเนิดลูกชายให้กับโม่เยว่ได้!
เมื่อฟังเช่นนี้ เหตุผลข้อนี้ก็ดูสมเหตุสมผลดี หาข้อผิดพลาดออกมาไม่ได้
แต่ฮองเฮาจ้าวคำนวณผิดไปข้อหนึ่ง
ถึงแม้หยุนหว่านหนิงยังไม่ยกโทษให้โม่เยว่ แต่ในใจเชื่อในคำพูดของเขานานแล้ว
เชื่อว่าเขาไม่มีความรู้สึกใดๆต่อฉินซื่อเสวียแม้แต่น้อย!
เขาก็ใช้การกระทำแสดงเจตนาของเขาแล้วเช่นกัน ทำให้หยุนหว่านหนิงรู้ว่าในใจของเขามีนางเพียงคนเดียวเท่านั้น……ฉินซื่อเสวียอะไรนั่น นางก็แค่คิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียวเท่านั้น!
จางหมัวมัวมองดูหยุนหว่านหนิงอีกครู่หนึ่ง
เห็นนางมีท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ ไม่เหมือนว่ากำลังสงสัยฐานะของล่ายซื่อ
ตรงกันข้ามกลับกำลังพิจารณา เรื่องต่างๆของล่ายซื่อและโม่เยว่
จางหมัวมัวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเงียบๆ “พระชายาหมิง เจตนาของฮองเฮาคือให้บ่าวส่งคนมา ส่วนเรื่องที่ว่าท่านอ๋องพระชายาจะรับล่ายซื่อเอาไว้หรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพระชายา!”
ได้ยินคำพูดนี้ หยุนหว่านหนิงหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ
ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนาง? !
นางส่งคนมาถึงจวนอ๋องหมิงแล้ว แถมยังส่งมาอย่างเอิกเกริก เวลานี้ด้านนอกจวนอ๋องมีชาวบ้านล้อมรอบดูความครึกครื้นอยู่
ฮองเฮาจ้าวยังมีหน้ามาบอกว่าล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนางอีก? !
นี่คือจะยัดคนให้โม่เยว่ดื้อๆนี่นา!
หากว่ารับเอาไว้ ในใจของนางก็จะรู้สึกรำคาญอย่างมาก อีกทั้งล่ายซื่อผู้นี้ก็คือคนที่โผล่ขึ้นมากลางอากาศ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับโม่เยว่เลยแม้แต่น้อย
ทำไมต้องรับเอาไว้ด้วย?
หากไม่รับ ชาวบ้านทั่วทั้งเมืองล้วนมาชมความครึกครื้นกันทั้งนั้น แล้วก็เป็นคนที่ฮองเฮาจ้าวส่งมาอีก นางจะปฏิเสธได้อย่างไร? !
หยุนหว่านหนิงรับหรือไม่รับ ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว……