อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 38 เข้าวังขอขมา
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 38 เข้าวังขอขมา
คำพูดของโหยวเอ้อ ก็คือความจริง
สี่ปีก่อน เพื่อนเลวๆที่ตามเขาไปข่มขู่โม่เฟยเฟยพวกนั้น โม่เยว่ออกคำสั่งให้ตีตายนานแล้ว
และโหยวเอ้อ ไม่รู้ว่าหนีออกไปได้อย่างไร
หลายปีมานี้หลบๆซ่อนๆไปทั่ว แม้แต่ฉินซื่อเสวียก็ยังถูกปิดบังเอาไว้
จนกระทั่งช่วงก่อนหน้านี้ ตอนที่หยุนหว่านหนิงไปหาโหยวเอ้อที่วัดร้าง นางถึงได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่……ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป!
ดังนั้น ฉินซื่อเสวียก็กำลังตามฆ่าโหยวเอ้อเช่นกัน
ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะหรูยี่จับเขาได้ทันเวลา เกรงว่าเขาคงจะตกไปอยู่ในมือของฉินซื่อเสวียอีกครั้งแล้ว
หยุนหว่านหนิงเก็บมีดสั้น กวาดตามองเขาอย่างมืดมนครู่หนึ่ง “เรื่องนี้ ข้าจะพาเจ้าเข้าวัง บอกองค์หญิงเก้าด้วยตัวเอง”
“ถึงเวลานั้นหากเจ้ากล้าโกหกแม้แต่ครึ่งคำ ข้าจะให้เจ้าได้ตายทั้งเป็น!”
โหยวเอ้อย่อมรับปากด้วยความหวาดหวั่นอยู่แล้ว
หยุนหว่านหนิงถึงได้ขังเขาเอาไว้ที่ห้องเก็บฟืนในลานหลัง
วันต่อมา นางยื่นป้ายเพื่อจะเข้าวัง
เมื่อรู้ว่านางถูกยกเลิกการกักบริเวณแล้ว จักรพรรดินีก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ฮองเฮาจ้าวก็อนุญาตให้นางเข้าไปในวัง
เพียงแต่ว่า หยุนหว่านหนิงไม่ได้เข้าวังเพื่อพบฮองเฮาจ้าว หรือว่าพบเต๋อเฟย
คนที่นางต้องการพบ คือโม่เฟยเฟย
ท่าทีที่โม่เยว่มีต่อหยวนเป่า ทำให้นางวางใจทิ้งหยวนเป่าเอาไว้ในจวน
นอกจากนี้ท่านตาก็อยู่ด้วย นางก็ไม่มีอะไรให้ต้องคอยพะวงหลัง
หลังจากเข้าวัง นางไปน้อมทักทายฮองเฮาจ้าวในนาทีแรก
ฮองเฮาจ้าวมีบุตรชายสองคน
ลูกชายคนโตก็คือองค์ชายใหญ่ ท่านอ๋องฉู่โม่หุยเหยียน ลูกชายคนที่สองคือองค์ชายสาม ท่านอ๋องหยิงโม่หุยเฟิง
ในอดีตหยุนหว่านหนิงพบฮองเฮาจ้าวไปหลายครั้ง รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึกคนนั้นเช่นกัน มิเช่นนั้น จะสามารถนั่งอยู่บนบัลลังก์ฮองเฮาอย่างมั่นคงมาหลายปีได้อย่างไร?
แม่สามีที่แท้จริงของนางคือเต๋อเฟย ดังนั้นกับฮองเฮาจ้าวก็ไม่มีอะไรให้พูด
หลังจากน้อมทักทายแล้ว นางก็ถอยออกไป
โม่เฟยเฟยยังไม่ได้ออกเรือน พำนักอยู่ในตำหนักเว่ยหยาง
ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน นางก็อยู่แต่ในตำหนักไม่ออกไปไหนมาโดยตลอด
ตอนนี้อายุเกินสิบเก้าแล้ว แต่กลับยังไม่ได้พูดถึงเรื่องการแต่งงาน
หยุนหว่านหนิงมาถึงตำหนักเว่ยหยาง ให้คนรับใช้ในวังเข้าไปรายงาน นางยืนรออยู่หน้าประตูอย่างอดทน
คนรับใช้ในวังที่เดินผ่านไปมา เห็นนางที่เป็นพระชายาหมิง พี่สะใภ้ที่แท้จริงขององค์หญิงเก้าท่านนี้ ถึงขนาดถูกกันไว้ให้รออยู่หน้าประตู ชั่วขณะหนึ่งก็อดที่จะมองมาไม่ได้
หยุนหว่านหนิงก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคือง
เรื่องของโม่เฟยเฟย เป็นเพราะนางทำความผิดก่อน
หนี้ที่ติดค้างในตอนนั้น ตอนนี้ต้องชดใช้คืนทีละอย่าง
ใช้เวลานานมากกว่าคนรับใช้ในวังจะกลับมาให้คำตอบ
เห็นแก่หน้าโม่เยว่ ถึงแม้สีหน้าของคนรับใช้ในวังจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่น้ำเสียงก็ยังถือว่าเคารพนบนอบอยู่ “พระชายาหมิงเชิญกลับไปเถอะ! องค์หญิงไม่อยากพบท่าน”
คำพูดดั้งเดิมของโม่เฟยเฟย ไม่ได้สุภาพเช่นนี้
ได้ยินว่าหยุนหว่านหนิงมา นางยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
จากนั้น ก็ให้นางไสหัวไป!
“เจ้าเข้าไปบอกองค์หญิงเก้า วันนี้ข้าไม่ได้พบนาง ก็จะไม่จากไป”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเล็กน้อย หยิบเงินออกมาหนึ่งชั่งแล้วยื่นออกไปให้ “ข้าหาองค์หญิงเก้า เพราะมีเรื่องสำคัญจะหารือจริงๆ”
มีเงินสามารถบันดาลได้ทุกสิ่ง
คนรับใช้ในวังก็เกรงใจที่จะปฏิเสธ ก็เลยต้องเข้าไปอีกครั้ง
ครั้งนี้ ออกมาอย่างหน้าตาหดหู่
ไม่เพียงเท่านั้น บนหน้าผากมีรูเลือดที่ถูกถ้วยชาทุบ น้ำชาผสมกับเลือดไหลลงมาบนใบหน้า ดูแล้วทุลักทุเลและก็น่ากลัว
“พระชายา ท่านกลับไปเถอะ!”
คนรับใช้ในวังสีหน้ากลัดกลุ้ม “ถึงแม้จะมีเรื่องใหญ่หลวง ก็ขอให้ท่านมาพรุ่งนี้เถอะ”
คราวนี้หากเขาเข้าไปรายงานอีก ไม่แน่ว่าต้องชดใช้ด้วยชีวิตแล้ว!
มองดูท่าทางน่าเวทนาของคนรับใช้ในวัง หยุนหว่านหนิงรู้สึกผิดเล็กน้อย ได้แต่ยื่นเงินให้อีกหนึ่งชั่ง “ได้ เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่! เจ้ารีบไปทำแผลก่อนเถอะ”
การมาพบโม่เฟยเฟยครั้งแรก ผิดหวังกลับไป
ในคืนนี้ หยุนหว่านหนิงนอนพลิกตัวไปมาไม่สามารถนอนหลับได้
หยวนเป่านอนหลับไปแล้ว ก็ถูกการพลิกตัวไปมาของนางทำให้ตื่น “ท่านแม่ ท่านพลิกไปพลิกมาราวกับขนมเล่าปิ่ง มีอะไรหรือเปล่า?”
“หรือว่า ถูกพี่ชายรังแกอีกแล้ว?”
คนที่เขากำลังพูดถึง คือโม่เยว่
“หากว่าเขารังแกท่าน ข้าจะต้องระบายความโกรธให้ท่านอย่างแน่นอน!”
ในความมืดมิด เจ้าก้อนแป้งน้อยยกกำปั้นเล็กๆที่อวบอ้วนขึ้นมา กล่าวออกมาอย่าง “ดุดัน”
“เสื้อคลุมทหาร” ตัวนี้ สนิทสนมและอบอุ่นใจจริงๆ
หยุนหว่านหนิงรู้สึกอบอุ่นในใจ กอดเขาเข้ามาในอ้อมแขน “หยวนเป่า แม่เจอกับปัญหาข้อหนึ่ง”
นางก็ไม่มีใครที่จะสามารถพูดความในใจด้วยได้ เรื่องนี้อัดอั้นอยู่ในใจนานๆ ก็กลัวจะอัดอั้นจนป่วย ตอนนี้ ก็ได้แต่คุยกับลูกชายแล้ว
“ปัญหาอะไร?”
หยวนเป่ากะพริบตา กล่าวออกมาด้วยความจริงใจ “ตาทวดชมว่าข้าฉลาด”
“บอกว่าข้าคือเด็กมหัศจรรย์ที่หาได้ยาก! ไม่ว่าท่านแม่พบเจอกับปัญหาอะไร ข้าก็สามารถคลี่คลายให้ท่านอย่างแน่นอน!”
น้ำเสียงของเขา เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
หยุนหว่านหนิงก็ภาคภูมิใจในตัวเจ้าก้อนแป้ง
นางลูบไปที่หัวกลมๆของเขา กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ใช่ หยวนเป่าของเราฉลาดที่สุดแล้ว! เป็นเด็กมหัสจรรย์ที่หาได้ยากในยุคโบราณและยุคปัจจุบัน!”
นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริง
นางสังเกตเห็นจริงๆ ถึงแม้หยวนเป่าจะอายุเพียงสามขวบ ไม่ว่าจะเป็นความฉลาดทางอารมณ์หรือทางปัญญา……
ล้วนมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
ถึงขั้น สามารถพูดได้ว่าอยู่เหนือเด็กในวัยเดียวกันด้วยซ้ำ!
“เช่นนั้นท่านแม่มีเรื่องไม่สบายใจอะไรล่ะ?”
หยวนเป่านอนคว่ำอยู่บนหน้าอกของนาง กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา
“เจ้าว่า ถ้าหากในอดีตแม่เคยทำความผิดไป ตอนนี้รู้ตัวว่าทำความผิดแล้ว และอยากจะแสดงความขอโทษ แต่คนคนนั้นอย่างไรก็ไม่อยากพบแม่ แม่ควรจะทำอย่างไรดี?”
หยุนหว่านหนิงกล่าวออกมาอย่างลังเล
ในความมืดมิด มองไม่เห็นสีหน้าท่าทางของหยวนเป่า
หยุนหว่านหนิงพยุงตัวเอาไว้ จุดไฟเทียนไขที่อยู่ตรงหัวเตียง
เห็นเพียงหยวนเป่าเอียงศีรษะเอาไว้ กำลังครุ่นคิดอย่างจริงจัง
ชั่วครู่ต่อมา เขากล่าวขึ้นมาอย่างจริงจัง “รู้ผิดแล้วแก้ไขนับว่าเยี่ยมมาก! ในเมื่อท่านแม่ผิดไปแล้ว ยังต้องการไปแสดงความขอโทษ ความตั้งใจนี้หาได้ยากมาก!”
เขาออกอุบายและวางแผนการให้หยุนหว่านหนิง ราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ
“เอาอย่างนี้ ในเมื่อคนคนนั้นไม่พบท่านแม่ ท่านแม่ก็ไปขอโทษอย่างอดทนไม่ย่อท้อ”
สายตาของเด็ก มักจะใสสะอาดไร้ที่เปรียบ
มองผ่านสายตาของเขา ดูเหมือนจะสามารถมองเห็นภายในจิตใจของเขา ราวกับความใสสะอาดในดวงตา บริสุทธิ์และโปร่งใส
หยวนเป่าพึมพำ กล่าวต่อไปกว่า “คนคนนั้นไม่พบวันหนึ่ง ท่านแม่ก็ไม่ยอมแพ้วันหนึ่ง! เชื่อว่าคนคนนั้นเห็นแก่ความจริงใจเช่นนี้ของแม่ ก็จะรู้สึกประทับใจ”
“มีคำกล่าวที่ว่า ‘หากมีความจริงใจ แม้ว่าหินศิลาที่แข็งแกร่งก็ยังแยกออกได้’ ไม่ใช่หรือ?”
ได้ยินคำพูดนี้ของลูกชาย หยุนหว่านหนิงรู้แจ้งในทันใด
ใช่แล้ว!
โม่เฟยเฟยไม่ยอมพบวันหนึ่ง นางก็ไม่ยอมแพ้วันหนึ่งเช่นกัน
ใครใช้ให้ร่างเดิมที่โง่เขลา ทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้กันล่ะ?
ตอนนี้ในเมื่อนางครอบครองร่างกายนี้แล้ว ความเข้าใจผิดที่มีอยู่ ก็ต้องคลี่คลายไปถึงจะถูก
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เดิมก็ไม่ใช่สิ่งที่นางทำอยู่แล้ว
ทำไมนางต้องแบกรับชื่อเสียงแย่ๆที่ไม่เป็นจริง ถูกเต๋อเฟยเหนียงเหนียง โม่เฟยเฟยกับโม่เยว่เกลียดชังด้วย?
ถือสิทธิอะไร ที่ฉินซื่อเสวียผู้บงการอยู่เบื้องหลังที่แท้จริง ยังสามารถเผชิญหน้ากับพวกนางด้วยรอยยิ้มได้? !
นางหยุนหว่านหนิง ไม่ยอมเป็นแพะรับบาปหรอก!
มิเช่นนั้น หากต้องการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต จะสร้างศัตรูรอบด้านไม่ได้หรอกใช่ไหม……โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนคนนี้ยังเป็นน้องสาวสามี รวมไปถึงแม่สามีของนางอีกด้วย
ทำความผิดก็ต้องยอมรับ ถึงแม้จะถูกเฆี่ยนตี ก็ต้องยืนให้ตรง!
ถึงแม้จะเป็นการขอโทษ นางก็ต้องมีความจริงใจถึงจะถูก
ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว หยุนหว่านหนิงเหมือนยกภูเขาออกจากอก ดับไฟแล้วก็พักผ่อนไปพร้อมกับหยวนเป่า
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นางก็เข้าวังไปอย่างสง่าผ่าเผยอีกครั้ง
ไหนเลยจะรู้ว่าครั้งนี้ เพิ่งจะถึงตำหนักเว่ยหยาง ก็ถูกตีแสกหน้า……