อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 396 หนิงเอ๋อร์ เชื่อฟังข้าแต่โดยดีเถอะ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 396 หนิงเอ๋อร์ เชื่อฟังข้าแต่โดยดีเถอะ
หยุนหว่านหนิงหันหน้ากลับมาดู เห็นหมอหลวงหยางวิ่งตามมาด้วยอาการกระหืดกระหอบ “พระชายาหมิง ท่านจะวิ่งเร็วขนาดนี้ไปทำไมกัน! กระหม่อมแก่แล้ว แข้งขามือเท้าไม่คล่องแคล่ว วิ่งตามไม่ทันนะขอรับ! ”
“เจ้าจะตามข้ามาทำไมล่ะ?”
หยุนหว่านยังมีน้ำใจช่วยถือกล่องยาให้เขา
หมอหลวงหยางหยิบผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมออกมาเช็ดเหงื่อ จากนั้นก็พูดปนหอบว่า “กระหม่อมมีเรื่องที่อยากจะถามพระชายาหมิง”
“ท่านทำอย่างไรถึงสามารถปิดบังเรื่องของพระนัดดาองค์โต จนเขาอายุครบสี่ขวบแล้วก็ยังไม่มีใครค้นพบได้! แล้วจู่ ๆ ค่อยลุกขึ้นมาเปิดตัวจนทำให้ทุกคนต้องอ้าปากค้างไปเลย?”
หยุนหว่านหนิง: “…..”
นางยังคิดอยู่ว่า ตาแก่นี่มีเรื่องอะไรเร่งรีบซะอีก!
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องนี้?
“หมอหลวงหยาง ข้าคิดว่าเจ้ามาเป็นหัวหน้าโรงหมอหลวงนี่ ออกจะน่าเสียดายไปหน่อยนะ!”
นางหรี่ตามองเขา “เจ้าควรไปเป็นนักประวัติศาสตร์มากกว่า!”
หมอหลวงหยางหัวเราะฮา ๆ อย่างร่าเริง “พระชายาหมิง ถ้าข้าเป็นนักประวัติศาสตร์จริง คงจะเขียน “ตำนานพระชายาหมิง” ให้ท่านคนเดียวอย่างแน่นอน! ให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่าพระชายาหมิงเช่นท่านน่าสนใจขนาดไหน!”
“เจ้าอยากให้โลกรู้ว่า ข้าเป็นคนน่ารังเกียจขนาดไหนมากกว่าล่ะสิ?”
หยุนหว่านหนิงแค่นเสียงเบาๆ
“พระชายาหมิงช่างเข้าใจข้าดีจริง ๆ ”
หมอหลวงหยางลูบเคราที่คาง
ทั้งสองเดินตามกันออกจากจวนอ๋องฉู่ไป
……………………..
ที่จวนอ๋องหมิง วันนี้หยวนเป่ายังคงกลับจวนไม่ได้เหมือนเดิม
โม่เยว่กลับมาก่อนนานแล้ว ตอนนี้กำลังสั่งงานบางอย่างกับหรูโม่อยู่
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หรูโม่ก็ถอยออกไป ส่วนโม่เยว่ก็ลุกขึ้นยืน “หนิงเอ๋อร์ เจ้าไปที่จวนอ๋องฉู่สินะ? ข้าได้ยินมาว่าพี่สะใภ้ใหญ่แท้งรึ? รักษาชีวิตเด็กไว้ได้ไหม?”
“จนแท้งไปแล้ว เจ้าคิดว่ายังจะรักษาเอาไว้ได้ไหมล่ะ?”
น้ำเสียงของหยุนหว่านหนิงไม่ค่อยดีนัก
คนเขามารังแกพวกนางสองคนแม่ลูกถึงหน้าประตูบ้านแล้วแท้ ๆ !
แต่โม่เยว่ ไอ้ผู้ชายนิสัยหมาสารเลวคนนี้ยังเอาแต่พูดว่า “พี่สะใภ้ใหญ่”อยู่ได้ แค่นางได้ยินก็นึกโกรธแทบตายแล้ว!
เมื่อได้ยินว่านางไม่ค่อยจะพอใจนัก โม่เยว่ก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี “คงเหนื่อยแล้วสินะ?”
“เหนื่อยใจ!”
หยุนหว่านหนิงจิกกัดเขา “ข้าเห็นคนของจวนอ๋องฉู่ก็แทบจะกินอะไรไม่ลง ไม่เหมือนคนบางคน เมื่อคืนนี้ยังทะเลาะแทบจะฆ่ากันตาย พอมาวันนี้กลับเอาแต่เรียก ‘พี่สะใภ้ใหญ่’ อยู่ได้! ไม่รู้สึกกระดากปากเลยสักนิด”
ตอนนี้เอง โม่เยว่ค่อยรู้แล้วว่าทำไมนางถึงได้โกรธ
เขาประคองนางมานั่งลง แล้วนวดไหล่ให้อย่างมีชั้นเชิง “ข้าผิดไปแล้ว”
“เจ้าไปดูอาการของหนานกงเยว่มาแล้วสินะ?”
“อื้ม”
หยุนหว่านหนิงพ่นลมหายใจโกรธกรุ่นออกมาจากทางจมูก “คืนนี้ลูกชายก็จะอยู่ค้างที่ตำหนักหย่งโซ่วอีกหรือ?”
โม่เยว่ยื่นถ้วยชาร้อนให้นาง “เสด็จแม่ไม่ยอมปล่อยคน”
หยุนหว่านหนิงจิบชาไปคำเดียว จากนั้นก็วางถ้วยชาลงอย่างบึ้งตึง “ข้าเริ่มจะคิดถึงลูกชายแล้วนะ! ไม่รู้ว่าเสด็จแม่จะยอมปล่อยให้เขากลับมาเมื่อไหร่”
เต๋อเฟยอยากอุ้มหลานชายมานานมากแล้ว
มากจนถึงขั้นที่ว่า ต่อให้เป็นลูกที่หยุนหว่านหนิงมีกับ”คนรับใช้” แล้วคลอดออกมาในฐานะ “ลูกคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า” ก็ยังยินดีที่จะยอมรับด้วยซ้ำ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า นั่นคือหลานชายแท้ ๆ ของนางเอง!
หลานชายแท้ ๆ ที่เฝ้าตั้งตารอคอย ถูกปิดบังตัวตนมานานหลายปี แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งก็มาเปิดตัวให้นางตื่นเต้นประหลาดใจ? !
ก็พอจะเข้าใจได้อยู่หรอกว่า เพราะอะไรเต๋อเฟยถึงไม่ยอมปล่อยให้หยวนเป่ากลับมา
“เกรงว่าคงจะต้องรอกันอีกสักพัก! แม้แต่เสด็จพ่ออยากจะพาหยวนเป่าไปประชุมราชการเช้าด้วย ยังถึงกับโดนเสด็จแม่ไล่ตะเพิดออกไปจากตำหนักหย่งโซ่วเลยด้วยซ้ำ พวกเขาสองคนน่ะ ถึงขั้นทะเลาะกันแล้วว่าใครควรได้อยู่กับหยวนเป่า”
โม่เยว่พูดพลางหัวเราะ
หยุนหว่านหนิงถึงกับพูดไม่ออก
เมื่อเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไม่มีหุบเลย นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “วันนี้เจ้าเป็นอะไรไปอีกแล้วล่ะ?”
“โลกนี้ไม่มีผลประโยชน์อะไรที่ให้กันเปล่า ๆ คิดจะทำดีเพื่อหวังผลตอบแทนอะไรล่ะสิ!”
“ข้าถูกใส่ร้าย! ข้ารู้ดีว่าเจ้าทำงานเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน จึงตั้งใจจะให้เจ้าได้ผ่อนคลายบ้าง! ข้าก็แค่รักใคร่ห่วงใยภรรยา มีอะไรต้องสงสัยด้วยรึ?”
โม่เยว่มองนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วย “ความจริงใจ”
หยุนหว่านหนิงพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยามว่า “ข้าดูยังไงเจ้าก็เหมือนพังพอนที่มาอวยพรปีใหม่ให้ไก่* ไม่ได้มีเจตนาดีอะไรหรอก!” (*เป็นคำเปรียบเทียบ หมายถึงต่อหน้าทำเป็นรักใคร่ห่วงใย แต่ในใจไม่ได้หวังดีจริง ๆ)
แถมยังทำมาเป็นพูดว่าห่วงใยภรรยา……
ถุย!
“สรุปว่าเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? สารภาพมาตามตรง!”
หยุนหว่านหนิงปัดมือของเขาออกไป
โม่เยว่กลับไม่รู้สึกโกรธเคือง นั่งลงข้าง ๆ นางอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “หนิงเอ๋อร์ ท่าทีของข้าในระยะนี้ทำให้เจ้าพอใจดีหรือไม่?”
เขากระพริบตาพลางจ้องมองนางอย่างจริงจัง สีหน้าคาดหวังรอคอยคำตอบจากนาง
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
วันนี้สรุปว่าเจ้าหมอนี่ดื่มเหล้าปลอมเข้าไปเกินขนาด? หรือว่าไข้ขึ้นกันแน่?
นางยื่นมือออกไปแตะ ๆ หน้าผากของโม่เยว่ “ก็ไม่มีไข้นี่นา…..”
นี่ยังเป็นอ๋องหมิงที่ใครต่อใครต่างก็เล่าลือว่า ทั้งเย็นชาไม่น่าเข้าใกล้ ทั้งใจร้อนเจ้าอารมณ์เข้ากับคนได้ยาก เย่อหยิ่งวางตนสูงส่งเหนือใครคนนั้นอยู่ไหม? !
“หนิงเอ๋อร์ ตอบข้ามาเถอะ”
โม่เยว่คว้ามือเล็ก ๆ ของนางไว้ แล้วประทับริมฝีปากลงไปอย่างผิดจากเวลาปกติไปมาก
ขนทั่วร่างของหยุนหว่านหนิงลุกชัน จนแทบจะร่วงลงไปกับพื้นให้ได้แล้ว
“หนิงเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยพูดว่าถ้าข้าประพฤติตัวดี…..เจ้าจะยอมมีลูกคนที่สองกับข้า! ช่วงนี้ไม่มีเวลาไหนเลยที่ข้าไม่มองว่าเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เจ้า…..”
ยังพูดไม่ทันจบ หยุนหว่านหนิงก็เข้าใจแล้วว่าไอ้ผู้ชายนิสัยหมาคนนี้กำลังวางแผนอะไร!
มิน่าล่ะ เขาถึงได้รบเร้าให้นางตอบคำถาม ที่แท้ก็มารอนางอยู่ที่นี่เอง!
หยุนหว่านหนิงผลักเขาออกไปด้วยความโกรธ เจ้ามันร่านจนออกนอกหน้าแล้วนะ!”
ยังมีหน้ามาพูดว่าลูกคนที่สองอีก?
แค่มีหยวนเป่าลูกชายคนนี้คนเดียว นางก็ต้องอกสั่นขวัญหาย ต้องคอยเป็นห่วงเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกชายไม่หยุดแล้ว!
“หนิงเอ๋อร์ ร่านจนออกนอกหน้าคืออะไร?”
โม่เยว่ทำตัวเหมือนเด็กเรียนที่แสนตั้งอกตั้งใจ ถามคำถามอย่างใฝ่รู้
หยุนหว่านหนิง: “…..ไปค้นความหมายดูเอาเอง!”
โม่เยว่ผู้ที่แต่เล็กจนโตมาก็ไม่เคยชอบเรียนหนังสือ พูดโพล่งขึ้นอย่างหน้าด้าน ๆ ว่า “ข้านั้นรอบรู้ทั้งเรื่องราวอดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่เคยได้ยินคำศัพท์ใหม่ ๆ แบบนี้มาก่อนเลย! เจ้ากำลังชมข้าอยู่ใช่หรือไม่?”
หยุนหว่านหนิง: “…..”
ที่แท้พอผู้ชายร่านขึ้นมา ก็ทำให้คนปวดเศียรเวียนเกล้าได้จริง ๆ!
นางคิดว่าตัวเองก็ไร้ยางอายน่าดูแล้วนะ แต่คิดไม่ถึงว่าโม่เยว่จะหน้าด้านไร้ยางอายกว่านางซะอีก!
“หนังหน้าของท่านอ๋องหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก ข้าน้อยขอคารวะ”
เมื่อนึกถึงท่าทางอันนุ่มนวลอ่อนช้อยของวังอี๋เหนียง ที่พอลมพัดมาก็แทบจะปลิวได้ซึ่งได้เห็นวันนี้ หยุนหว่านหนิงก็ลุกขึ้นยืนโดยเลียนแบบท่าทางนั้น แล้วค้อมกายคารวะให้โม่เยว่อย่างอ่อนช้อย
แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับความนุ่มนวลของวังอี๋เหนียง แต่ก็ยังทำให้ดวงตาของโม่เยว่เป็นประกาย!
หลายปีก่อน เขามองหยุนหว่านหนิงเหมือนเป็นอากาศธาตุ เป็นเหมือนขี้หนู
หลายปีต่อมา เขากับหยุนหว่านหนิงกลายเป็นดั่งสหาย กลายเป็นหุ้นส่วน
แต่เวลาต่อมา เขากลับเกิดความรู้สึกเกินเลยต่อ “สหาย” คนนี้
พอวันนี้ได้มาเห็นหยุนหว่านหนิงแสดงใบหน้าในด้านที่เป็นสาวน้อยออกมาต่อหน้าเขา….. ผู้ชายคนไหนจะไปทนได้ล่ะ? !
เมื่อเห็นว่าดวงตาของเขาเป็นประกายราวกับหมาป่าผู้หิวโหยที่มองเห็นเนื้อสด ๆ หัวใจของหยุนหว่านหนิงก็เต้น “ตึกตัก ๆ” ดังระรัว แอบสบถในใจว่า “ไม่ดีแล้ว!” จากนั้นก็หันหลังแล้ววิ่งออกนอกประตูไป…..
สองพี่น้องหรูอวี้กับหรูโม่ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูหันมองหน้ากัน ในแววตาปรากฏความเข้าใจกันดีโดยปริยาย ยื่นมือออกไปปิดประตูดัง “ปัง” พร้อมกันอย่างไม่ต้องนัดหมาย!
ประตูปิดลงกะทันหัน แทบจะหนีบจมูกของหยุนหว่านหนิงแบบฉิวเฉียด!
“แม่งเอ๊ย!”
นางอ้าปากสบถด่าไปคำหนึ่ง ทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง “หรูอวี้! หรูโม่!”
“ไอ้สองพี่น้องสารเลว! ไอ้คนต่ำช้า! ยังไม่รีบเปิดประตูให้ข้าอีก! เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะถลกหนังพวกเจ้าออกมาดูเล่น!”
หรูอวี้กับหรูโม่มองหน้าประสานสายตากัน แล้วเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
จากผลงานอันงดงามที่พวกเขาทำในวันนี้ เชื่อว่าวันพรุ่งนี้นายท่านจะต้องมีรางวัลตอบแทนให้พวกเขาอย่างงามแน่ ๆ เลยสินะ?
หยุนหว่านหนิงยังคงเคาะประตูไม่เลิก “หรูอวี้ ข้าจะให้เงินเจ้า! เปิดประตูให้ข้าเร็ว!”
ตำแหน่งที่หรูอวี้ยืนเริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย
หรูโม่เงื้อเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วเตะโครมออกไป “ท่ายืนของเจ้าไม่มั่นคงแล้วนะ! พวกเราคือคนที่นายท่านไว้วางใจที่สุด! เจ้าจะมาทำใจเสาะเพราะเงินเหม็น ๆ ไม่กี่ตำลึงอย่างนั้นรึ?!”
หรูอวี้กลืนน้ำลาย “พระชายา ข้าน้อยไม่ใช่คนแบบนั้น…..”
หยุนหว่านหนิง: “…..ข้าจะให้เจ้าหนึ่งแสนตำลึง! บวกกับแนะนำเมียให้เจ้าอีกหนึ่งคน!”
ดวงตาของหรูอวี้เป็นประกาย ทำท่าจะเปิดประตูเดี๋ยวนั้น “พระชายา ท่านพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้นนะ! ห้ามผิดสัญญาด้วย!”
หรูโม่ไม่ยอม ทั้งสองคนจึงต่อยตีกันเป็นพัลวันอยู่นอกประตู
เมื่อได้ยินเสียงต่อยตีกันที่นอกประตู หยุนหว่านหนิงก็กลอกตามองขึ้นฟ้าในสภาพอับจนคำพูด
เวร! ไอ้สารเลวหรูอวี้คนนี้ใช้การอะไรไม่ได้เลย ไม่เคยไว้ใจได้เลยสักครั้ง!
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ด้านหลัง หยุนหว่านหนิงก็หันกลับไปในสภาพจนใจ เห็นโม่เยว่ค่อย ๆ ยืนขึ้น แล้วเดินเข้ามาใกล้นางทีละก้าว ๆ “หนิงเอ๋อร์ เจ้าหนีไม่รอดหรอก เจ้าควรยอมเชื่อฟังข้าแต่โดยดีเถอะ!”