อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 4 โม่เยว่ ทำไมถึงเป็นท่าน
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 4 โม่เยว่ ทำไมถึงเป็นท่าน
แม่นมตัวสั่นอยู่ชั่วครู่ “ท่านอ๋อง เรื่องนี้ เรื่องนี้บ่าวไม่รู้ พระชายาเองก็ไม่เคยเอ่ยถึงมาก่อน”
ดูเหมือนนางไม่ได้พูดโกหก โม่เยว่เดินไปมาอย่างหงุดหงิด
“ข้าได้สั่งการไปตั้งแต่ต้นแล้วไม่ใช่หรือ ว่าอย่าให้เอาอาหารให้นาง ทำไมวันนี้สิ่งที่ข้าเห็น เหมือนนางจะมีชีวิตที่สุขกายสบายใจกว่าข้าเสียอีก”
บ่าวทั้งหลายสีหน้าลำบากใจ
พวกเขาทำตามคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัด ไม่มีใครปรนนิบัติรับใช้พระชายาเลย
“ท่านอ๋อง พวกบ่าวไม่เคยไปดูแลพระชายาเลย แต่ว่า บ่าวเองก็ไม่รู้ ทำไมพระชายาจึงใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายมาก ”
แม่นมตอบอย่างระมัดระวังอย่างยิ่ง
เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือ
โม่เยว่โมโหมาก “ข้าเลี้ยงพวกเจ้าไว้ทำไม เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ไสหัวออกไปรับการลงโทษโบยคนละยี่สิบไม้”
เขาโกรธในใจเขาไม่สามารถระบายออกมาได้ ได้แต่ระบายกับพวกบ่าวเท่านั้น
เห็นพวกเขารีบพากันวิ่งออกไป โม่เยว่ก็ใช้เท้าเตะกระถางดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้าจนคว่ำ “ข้าจะรอดู ผู้หญิงคนนี้ มีความลับอะไรกันแน่”
คืนนั้น โม่เยว่จ้องมองท้องฟ้าที่มืดมิด แอบลอบเข้าไปในเรือนชิงหยิ่ง
ตอนนี้ หยุนหว่านหนิงกำลังกินข้าวอยู่กับหยวนเป่า
มองดูอาหารหลากหลายที่วางอยู่บนโต๊ะ โม่เยว่ก็รู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง
เจ้าพวกบ่าวที่ทำตัวเกลือเป็นหนอน หน้าไหว้หลังหลอก
กินดีขนาดนี้ ถึงว่าทำไมจึงมีรูปร่างขาวอวบนัก
หยุนหว่านหนิงไม่รู้ว่าบนขื่อบ้านมีคนแอบดูอยู่ ฉีกน่องไก่ส่งให้กับหยุนเสี่ยวหยวน “หยวนเป่า ที่แม่อยากให้เจ้าตั้งใจเรียนหนังสือ เพราะภายหน้าไม่อยากให้เจ้าเป็นคนไร้การศึกษาและถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ”
“ถ้าหากเจ้าไม่ชอบเรียนหนังสือ แม่ก็จะไม่บังคับเจ้า”
นางเช็ดคราบน้ำมันที่ริมฝีปากของเขาอย่างใส่ใจ “แต่เจ้าต้องสัญญากับแม่ อย่าได้คิดค้นทำยาด้วยตนเองอีก”
“ยานอนหลับที่เจ้าใช้วันนี้ อย่าใช้กับแม่อีกเด็ดขาด”
“ข้ารู้แล้ว ท่านแม่”
หยวนเป่าก้มหน้าลง ตอบรับเสียงอ่อน
เสียงอ่อนๆนั้น ทำเอาหัวใจของโม่เยว่แทบจะละลาย
หยุนหว่านหนิงลูบผมของเขา “กินเถอะ คืนนี้มีซี่โครงเปรี้ยวหวานที่เจ้าชอบที่สุดด้วย แม่ตุ๋นจนเปื่อย เจ้ากินแล้วไม่ติดฟันแน่”
หยวนเป่าคีบขึ้นมากินอย่างดีใจ
อาหารที่หรูหราเต็มโต๊ะนี้ เป็นฝีมือของหยุนหว่านหนิงอย่างนั้นหรือ
โม่เยว่รู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง
เขาจำได้ คุณหนูหยุนในตอนนั้น เป็นคุณหนูผู้สูงส่งไม่เคยทำอะไรด้วยตนเองเลย
แม้แต่เวลาดื่มน้ำ ก็ยังต้องให้สาวใช้ยกมาถึงริมฝีปาก
แต่นาง กลับทำอาหารที่น่าอร่อยออกมาได้มากมายขนาดนี้
ต้องบอกว่า เมื่อเห็นอาหารที่น่ากินเต็มโต๊ะเช่นนี้แล้ว โม่เยว่ก็รู้สึกหิวขึ้นมา เขากลืนน้ำลายตนเอง รู้สึกว่าท้องของตนเองกำลังร้องอย่างหนัก
หลังจากกินอาหารค่ำแล้ว หยุนหว่านหนิงกับหยวนเป่าไปเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารอยู่ในลานบ้าน
จากนั้นสองแม่ลูกก็พูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็กลับเข้าไปพักผ่อน
ไฟของเรือนชิงหยิ่ง ถูกดับลงแล้ว
โม่เยว่นั่งอยู่บนหลังคา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า ……การเห็นเงาร่างเล็กใหญ่เดินเล่นกันอยู่ในลานบ้านเมื่อครู่นี้ แสงจันทร์สาดส่องอยู่บนร่างของพวกเขา ดูอ่อนโยนเลือนรางยิ่งนัก
ชั่วขณะนั้น ภาพของหยุนหว่านหนิงที่อยู่ในใจเขา เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไป
เขาส่ายหน้าไปมา สะบัดเอาความคิดวุ่นวายในหัวออกไป
ผู้หญิงคนนี้ น่าชังจริงๆ
เพื่อแต่งงานกับเขา นางถึงกับใช้การวางยาเขา หวังปลุกให้เขาเกิดอาการกำหนัด
หลังจากทำไม่สำเร็จ กลับทำให้เขาต้องยกเลิกงานแต่งกับคุณหนูฉิน ทำให้นางต้องเสียชื่อเสียง การแต่งงานจึงไม่ได้เกิดขึ้น
เรื่องนี้ ทำให้เขารู้สึกเสียหน้ามาก
การอยู่ในเมืองหลวง ในราชวงศ์ ถูกพี่ชายทั้งหลายหัวเราะเยาะจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น
ต่อจากนั้น ก็วางแผนทำร้ายเฟยเฟย จนนางเกือบจะต้องเสียตัว
สุดท้ายก็แต่งเข้าจวนอ๋องได้สำเร็จ แต่กลับลักลอบมีสัมพันธ์กับบ่าวรับใช้ในคืนวันแต่งงาน……และยังให้กำเนิดลูกของบ่าวรับใช้คนนั้นด้วย
เขามั่นใจว่า หยุนเสี่ยวหยวนต้องเป็นลูกชายของบ่าวคนนั้นแน่
แต่ไม่เคยคิดถึง เรื่องที่เขากับหยุนหว่านหนิงเข้าหอกันคืนนั้นเลย
หยุนหว่านหนิงเพิ่งจะเข้านอน ก็รับรู้ได้ว่าบนหลังคามีคนอยู่
หยวนเป่าอยู่ข้างกายตลอดเวลา ฉะนั้นนางจึงไม่รับรู้ถึงความผิดปกติอะไร จนกระทั่ง กำไลหยกที่ข้อมือร้อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ส่องประกายสีแดงอ่อนออกมาจากใต้ผ้าห่ม
นี่เป็นการเตือนนาง ว่ามีอันตรายกำลังเข้าใกล้
กำไลข้อมืออันนี้ ว่าแล้วก็น่าประหลาด
ก่อนจะทะลุมิติมา มันนอนนิ่งอยู่ในตู้ของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
คืนนั้น เหมือนหยุนหว่านหนิงถูกสะกดจิตด้วยอะไรบางอย่าง เปิดตู้กระจกออกอย่างไม่เคยคิดจะทำมาก่อน และนำมันออกมาเช็ดทำความสะอาด
ใครจะไปรู้ว่า กำไลหยกนี้จะมีเขี้ยว นางรู้สึกเจ็บที่ปลายนิ้ว และมีเลือดซิบออกมา
กำไลหยกดูดกลืนเลือดหยดนั้นทันที และดูดนางเข้าไปในนั้นด้วย
นางทะลุมิติมาถึงที่นี่ กำไลหยกก็ตามมาด้วย
กำไลหยกถูกสวมไว้ที่ข้อมือของนางตลอด และมีแค่นางเท่านั้นที่มองเห็นกำไลหยกนั่น
กำไลหยกนี้ มีจุดที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งกว่า ……มันเหมือนช่องว่างที่น่าประหลาดใจ เมื่อนางต้องการเงิน ก็จะปรากฏขึ้นในช่องว่างนั้นทันที
สี่ปีมานี้ ที่พวกนางสองแม่ลูกสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้เช่นนี้ ก็ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของกำไลหยก
มีเงินก็สามารถทำทุกอย่างได้
เมื่อมีค่าตอบแทนที่สูง พวกบ่าวรับใช้ก็ยอมช่วยทำงานอย่างเต็มใจ ต้องการอะไรก็รีบจัดหามาให้ ยังรู้จักปิดปากเงียบ รักษาความลับไม่เล่าให้ใครฟัง
กำไลหยกยิ่งอยู่ก็ยิ่งร้อนมากขึ้น
นางรู้ว่า อันตรายยิ่งอยู่ก็ยิ่งเข้าใกล้แล้ว
ในเวลานี้เอง เงาดำสายหนึ่งพุ่งลงมาจากบนหลังคา ค่อยๆแนบไปกับกำแพง และปรากฏตัวขึ้นที่นอกประตู
หยุนหว่านหนิงค่อยๆวางหยวนเป่าที่อุ้มอยู่ในอ้อมอกลง ดึงเอามีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากใต้เตียงอย่างเงียบๆโดยไม่ผิดสังเกต
กำไลหยกกำลังเตือนว่านางจะมีอันตราย ก็แสดงว่าคนที่มาย่อมไม่มีเจตนาดี
นางลงจากเตียง เดินอย่างเงียบเชียบไปที่หลังประตู
กำมีดสั้นไว้ในมือ มีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดออกมา
คนที่อยู่นอกประตู ได้ยื่นมือมาเปิดประตูแล้ว จากนั้นก็เคลื่อนตัวเข้ามาให้ห้องอย่างรวดเร็ว ……ไหนเลยจะคิดว่าเพิ่งเข้าประตูมา ที่ลำคอก็รับรู้ถึงความเย็นเฉียบ มีดสั้นที่เปล่งประกายจี้อยู่ที่ลำคอ
“อย่าส่งเสียง อย่าขยับ”
หยุนหว่านหนิงเตือนเสียงต่ำ
ร่างของคนที่มาเยือนชะงักไปชั่วครู่ แต่ก็ยอมให้ความร่วมมือด้วยการพยักหน้า
หยุนหว่านหนิงปิดประตู ในที่สุดก็ยอมลดมีดสั้นในมือลง นางทำเสียงต่ำเพื่อข่มขู่ “ที่ข้ากำลังจี้อยู่นั้น คือเส้นเลือดใหญ่ส่วนลำคอ ถ้าหากเจ้ากล้าเคลื่อนไหว ข้าจะส่งเจ้าไปพบกับยมบาลทันที”
ในความมืด มองเห็นสีหน้าท่าทางไม่ชัดเจน
ร่างของทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้น
ได้ยินนางขู่เสียงต่ำ ชายหนุ่มก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“วางมีดสั้นลง ข้าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้า”
ทันใดนั้น เสียงแหบของชายหนุ่ม ก็ดังขึ้นที่ข้างหู
สีหน้าของหยุนหว่านหนิงเปลี่ยนไปทันที
นางคิดไม่ถึงว่า ดึกดื่นเช่นนี้คนที่มาเรือนชิงหยิ่ง จะเป็นโม่เยว่
ร่างของทั้งสองคนแนบชิดกันมากขึ้น ใบหน้าของหยุนหว่านหนิงร้อนวูบวาบขึ้น รีบถอยหลังไปสองก้าว “โม่เยว่ ทำไมจึงเป็นท่าน ท่านมาทำอะไร”
แต่ว่า โม่เยว่กลับไม่ตอบคำถามนาง
แต่ยื่นนิ้วไปที่ริมฝีปาก “ชู่”
“อย่าพูด ในจวนนี้ ยังมีคนอื่นอีก”
เขาพูดเสียงต่ำ
ตอนนี้เอง หยุนหว่านหนิงเพิ่งจะรู้สึกว่า กำไลหยกที่ข้อมือค่อยๆร้อนขึ้นเรื่อยๆ
ใช่แล้ว ถ้าหากโม่เยว่มีอันตราย กำไลหยกนั่นไม่น่าจะส่งสัญญาณเตือนขึ้นมาอีก
แต่ตอนนี้ กำไลหยกร้อนมากขึ้น
ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปากพูดอะไร ก็เห็นกระดาษบุหน้าต่างถูกบางอย่างกรีดออก ……แสงจันทร์สาดส่องเข้ามา หยุนหว่านหนิงมองเห็นอย่างชัดเจน สิ่งที่กำลังสาดแสงเย็นออกมานั้น คือมีดเล่มหนึ่ง