อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 408 หยวนเป่าผู้เป็นที่รัก
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ ตอนที่ 408 หยวนเป่าผู้เป็นที่รัก
เดิมทีนางคิดว่าพ่อโม่เยว่กลัวนาง ดังนั้นจึงได้รีบให้คนนำสินเดิมทั้ง 40 หาบมาคืน
“เป็นของจากจวนอ๋องโจวเพคะ”
หรูเยียนรีบตอบขึ้นว่า “พระชายาเพคะ อ๋องโจวได้สั่งให้บ่าวรับใช้นำของเหล่านี้มามอบให้ กำชับว่าสิ่งของเหล่านี้มอบให้พระนัดดาองค์โต ขอพระชายารับไว้ด้วย”
หยุนหว่านหนิงตกตะลึง “จวนอ๋องโจวงั้นหรือ?”
เป็นของโม่เหว่ยหรือ?
“ทั้งหมดนี้มอบให้หยวนเป่าหมดเลยหรือ?”
คิ้วของนางขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้น “ด้านในนี้คือสิ่งใดบ้าง?”
บ่าวรับใช้เปิดของด้านในออกดูต่อหน้านาง พบว่าข้างในนั้นเป็นของเล่นแปลกๆ มากมาย แต่หยุนหว่านหนิงก็พอจะดูได้ว่าเป็นของเล่นของเด็ก
“ของเหล่านี้มาจากที่ใดกัน?”
หยุนหว่านหนิงหยิบตัวต่อไม้ตัวเล็กขึ้นมาตัวหนึ่ง
บ่าวรับใช้จวนอ๋องโจวจึงรีบตอบว่า “ทูลพระชายาอ๋องหมิง นายท่านตระกูลเฉินอยู่บ้านเปล่าๆ มิได้ทำสิ่งใด จึงได้คิดค้นของเล่นเหล่านี้ออกมาเพคะ”
“ท่านอ๋องของพวกเราเห็นแล้วคิดว่าพระนัดดาองค์โตคงจะชื่นชอบ ดังนั้นจึงให้พวกบ่าวนำมาให้”
เจ้าหมอนี่ ของของเขามากมายหลายลังทีเดียว
นายท่านตระกูลเฉินก็คือบิดาของเฉินกุ้ยเฟย และเป็นท่านตาของโม่เหว่ย
ตามที่กล่าวมานี้ สองสามวันที่ผ่านมา โม่เหว่ยคงจะกลับไปที่ตระกูลเฉิน……
“สิ่งของเหล่านี้มองดูก็รู้ว่ามีค่านัก เหตุใดจึงมิเก็บเอาไว้เล่า ได้ยินว่า เฉินฮูหยินน้อยกำลังจะให้กำเนิดบุตร ของเล่นเหล่านี้สามารถนำเอาไว้ให้กับคุณชายน้อยได้”
หยุนหว่านหนิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “อีกอย่าง ท่านอ๋องของพวกเจ้า สักวันในอนาคตเขาก็ต้องมีบุตรของตนเอง”
“พระชายาอ๋องหมิงเพคะ ท่านอ๋องของพวกเรากล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ”
บ่าวรับใช้กล่าวออกมาตามคำสั่ง
หยุนหว่านหนิงหันไปสบตากับโจวหยิงหยิง
“เจ้าอย่าได้มองข้า บัดนี้ข้าอับอายยิ่งนัก!”
โจวหยิงหยิงเอามือกุมหน้าของตนเอง “เดิมทีข้าคิดว่าของที่ข้าเตรียมมาให้หยวนเป่านั้นมากพอแล้ว คาดมิถึงว่าน้องสี่จะใจกว้างถึงเพียงนี้ ทำเอาเสียข้าตกตะลึง”
“จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าสิ่งของที่คาดเตรียมมานั้น เขารู้และกำลังแข่งขันกับข้า……”
หยุนหว่านหนิงก้มหน้าหัวเราะขึ้นเสียงดัง “เจ้าจะให้ข้าขำตายเลยงั้นหรือ?”
โจวหยิงหยิงมิเคยเกรงกลัวฟ้าดินหรือสิ่งใด เรียกได้ว่านางหน้าด้านหน้าทนเป็นที่สุด บัดนี้นางกลับรู้จักคำว่าอับอาย
นางส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อท่านอ๋องของพวกเจ้าเป็นคนกำชับให้นำมา ข้าก็จะขอรับไว้โดยมิเกรงใจ ขอบใจพวกเจ้ามาก และช่วยกลับไปบอกท่านอ๋องของพวกเจ้าด้วยว่าข้าขอบน้ำใจในความหวังดีของเขา ไว้วันหลังข้าจะพาพระนัดดาองค์โตเดินทางไปขอบคุณเขาที่จวน”
เมื่อกล่าวจบ นางก็เอ่ยถามถึงเรื่องอาการเจ็บป่วยของโม่เหว่ย จากนั้นบ่าวรับใช้จึงเดินทางจากไป
“วันนี้คือวันอะไรกัน?”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย “เหตุใดพวกเจ้าจึงพากันเดินทางมามอบของขวัญให้แก่หยวนเป่ากันมากมาย? วันเกิดของหยวนเป่าคือเดือนห้า บัดนี้ยังเหลือเวลาอีกมากโข”
โจวหยิงหยิงเองก็ตอบมิได้
“เอาเถอะ ข้าสนทนากับเจ้าเรื่องของฉินซื่อเสวียก็แล้วกัน”
นางเอามือทั้งสองข้างขึ้นเท้าคาง “ได้ยินมาว่าหยุนกั๋วกงเดินทางไปเชิญฉินซื่อเสวีย แต่กลับถูกนางขับไล่ออกมาอย่างบ้าบอ”
“ทำได้ดียิ่งนัก”
หยุนหว่านหนิงจิบน้ำชาเข้าไปอึกหนึ่ง แล้วพยักหน้ารับอย่างสมเหตุสมผล
“เขาคือพ่อของเจ้านะ!”
โจวหยิงหยิงส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ “แม้ว่าเจ้ากับหยุนกั๋วกงจะมีความสัมพันธ์ที่มิดีต่อกันนัก แต่ถึงอย่างน้อยบิดาของเจ้าก็อยู่ในเมืองหลวง เจ้าดูข้าสิ บิดาของข้าไปที่ชายแดนเกือบจะปีหนึ่งแล้ว”
“จวบจนบัดนี้เขาก็ยังมิกลับมา……”
การที่ได้แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ เป็นเรื่องที่ผู้คนมากมายล้วนใฝ่ฝัน
แต่สำหรับโจวหยิงหยิงแล้ว ดูเหมือนมิใช่เรื่องที่ดีนัก
“บิดาของข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ เขามิค่อยอยู่ในเมืองหลวงเท่าไรนัก หากมีเรื่องใดก็ตามแต่ เขาก็จะต้องรีบเดินทางไปยังสนามรบเพื่อปฏิบัติหน้าที่ทันที”
นางถอนหายใจออกมายืดยาว “หากมิทำเช่นนั้น เบื้องหลังก็คงจะมีผู้คนมากมายคอยว่าร้ายท่าน”
“กล่าวว่าท่านเป็นพ่อตาของอ๋องอี่ว์ ด้วยเหตุนี้จึงมิจำเป็นที่จะต้องออกแรงไปด้วยตนเอง……”
นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนหว่านหนิงเห็นโจวหยิงหยิงซึ่งตามปกติแล้วจะมีท่าทีรื่นเริง วันนี้นางทำท่าที่หน้าตาเศร้า
“สิ่งที่แม่ทัพโจวทำรรมทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ ก็เพื่อหนานจวิ้นและก็เพื่อเจ้าด้วย”
โจวเวยรักและทะนุถนอมโจวหยิงหยิงยิ่ง หากเปรียบเทียบกับการที่หยุนเจิ้นซงปฏิบัติกับนาง ต่างกันราวฟ้ากับเหว
อีกคนหนึ่งดุจดั่งบิดาในสายเลือด อีกคนหนึ่งดุจดั่งพ่อเลี้ยง
ดังนั้นมิอาจนำมาเปรียบเทียบกันได้เลย
“จริงสิหนิงเอ๋อร์ ในวันนี้ที่ข้าเดินทางมายังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องการจะขอร้องเจ้า”
โจวหยิงหยิงดูยากที่จะเอ่ยปากกล่าว
“มีเรื่องอะไรกัน?”
“ข้าและโม่ฮั่นอี่ว์แต่งงานกันมาได้เจ็ดปีแล้ว แต่พวกเรามิมีบุตร ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าจะมีบุตรหรือไม่ก็มิเป็นไร แต่ท่าทีของเสด็จพ่อและเหล่าพี่น้องของเขาในหลายปีมานี้ ข้าเองก็พอจะเห็นในสายตา”
โจวหยิงหยิงกัดริมฝีปากของตนเองแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “แม้แต่พวกโม่หุยเฟิงก็ตั้งใจที่จะรังแก โม่ฮั่นอี่ว์ของข้า”
“พวกเรามิมีลูก ดังนั้นพวกเราจึงมิอาจเงยหน้าขึ้นมองพวกเขาได้เลย”
“เพื่อคอยสนับสนุนข้าอยู่ด้านหลัง บิดาของข้าแม้อายุมากแล้วก็ยังต้องคอยออกไปปฏิบัติหน้าที่ที่สนามรบ”
“ดังนั้นข้า……”
นางเอื้อมมือมาจับมือหยุนหว่านหนิงเอาไว้ แววตาดูเต็มไปด้วยความหวัง “หนิงเอ๋อร์ ข้าขอบอกกับเจ้าตามความจริงเถอะนะ”
“เจ้ามีทักษะทางการรักษาผู้คนสูงส่งนัก ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้าดูหน่อยว่าข้าเป็นอะไรไปกัน ร่างกายของข้านี้มิอาจมีบุตรได้ใช่หรือไม่?”
เมื่อกล่าวจบมิรอให้หยุนหว่านหนิงตอบรับนางก็เริ่มสูดจมูกร้องไห้
น้ำเสียงฟังดูสะอึกสะอื้น “หากว่าข้ามิสามารถให้กำเนิดทายาทแก่ท่านอ๋องได้”
“เช่นนั้นข้าก็จะเขียนจดหมายหย่าร้างแก่เขา ให้เขาหาหญิงอันเป็นที่รักแล้วให้กำเนิดทายาทแก่เขาต่อไป มิเช่นนั้นเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เขาคงจะถูกกดดันและถูกรังแกจากท่านอ๋องทั้งหลายเป็นแน่”
แววตาของหยุนหว่านหนิงขยับเขยื้อนเล็กน้อย
นางมิเคยเห็นโจวหยิงหยิงที่ดูสดชื่นแจ่มใสเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย
“เจ้าจงยื่นมือมาให้ข้า”
หยุนหว่านหนิงมิปฏิเสธ นางทำการจับชีพจรให้ทันที
หลังจากใช้นิ้วทั้งสองอันเรียวยาวจับชีพจรของอีกฝ่ายดูแล้ว นางก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย “ร่างกายของเจ้ามิได้ผิดปกติ เพียงแต่ว่า มดลูกของเจ้านั้นค่อนข้างที่จะเย็นเล็กน้อย”
“มดลูกเย็นงั้นหรือ? อาการนี้ร้ายแรงหรือไม่ มีทางรักษาให้หายได้หรือไม่?”
โจวหยิงหยิงมองไปที่นางด้วยท่าทางเป็นกังวล
“มิใช่หรอก”
เมื่อเห็นนางมีท่าทีตื่นตระหนกเช่นนั้นหยุนหว่านหนิงจึงยิ้มขึ้นเบาๆ “อาจเป็นเพราะว่าตามปกตินั้นเจ้ากินอาหารเข้าไปค่อนข้างหลากหลาย ดังนั้นจึงทำให้มดลูกเย็น ตามปกติยามเจ้ามีระดู มีอาการปวดท้องจนแทบทนมิไหวหรือไม่?”
“ก็มิได้เป็นถึงเช่นนั้น”
โจวหยิงหยิงขมวดคิ้วครุ่นคิด อาจจะมีอาการปวดบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อกินน้ำตาลแดงต้มขิงก็รู้สึกดีขึ้นมิปวดแล้ว”
“ท่านอ๋องกล่าวว่า หมอหลวงให้กินของหวานเพิ่มขึ้น ดังนั้นในแต่ละเดือนเขาก็จะจัดเตรียมขนมหวานต่างๆ นานาไว้ให้ข้า ดังนั้นข้าจึงมิได้ปวดท้องอะไรมากนัก”
หยุนหว่านหนิง “……”
ถึงเวลาบัดนี้แล้วยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการกินของนาง นางยกย่องอีกฝ่ายหนึ่งเหลือเกินที่กินมูมมามได้ดุจดั่งแม่หมู
“การที่ข้ามิอาจมีลูกได้สักทีเป็นเพราะเหตุผลนี้หรือไม่?”
โจวหยิงหยิงรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันใด
“ก็ยังมิแน่”
หยุนหว่านหนิงทำท่าทางครุ่นคิด “ข้าจะสั่งยาให้เจ้าเล็กน้อยแล้วเอากลับไปกินเพื่อปรับสภาพร่างกายของเจ้า แล้วรอดูเถิดว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกายเจ้าหรือไม่”
เดิมทีนางตั้งใจจะสั่งยาจีนให้ แต่ก็กลัวว่าจะมิกินเพราะมีรสขม
เมื่อครุ่นคิดแล้ว นางจึงได้หยิบยาเพิ่มความอบอุ่นให้แก่มดลูกจากมิติออกมา กล่าวว่า “ยานี้สามารถทำให้มดลูกเจ้าอุ่นขึ้นได้
นอกจากนี้เจ้าจะต้องออกกำลังกายบ้าง อย่าได้กินของที่เผ็ด เย็น และสุกๆ ดิบๆ”
โจวหยิงหยิงมองไปที่กระเป๋าเสื้อของนางด้วยความรู้สึกสงสัย นางคิดอยากจะเปิดออกดูแต่ก็เกรงว่าจะถูกหยุนหว่านหนิงทุบตีเอาเสียก่อน……
นางจึงได้รีบรับยามา “ขอบใจเจ้ามากหนิงเอ๋อร์ ข้าจะทำตามคำหมอกำชับอย่างเคร่งครัด”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น หลี่หมัวมัวก็ได้พาหยวนเป่ากลับมา ในมือเต็มไปด้วยถุงเล็กถุงน้อยจำนวนมาก
หยุนหว่านหนิงยกมือขึ้นกุมขมับ “หยวนเป่าช่างมีโชคลาภวาสนาดีเหลือเกิน ของของเขาแทบจะกองเต็มจวนแล้ว เรียกได้ว่าเป็นที่รักของทุกคนทีเดียว”
“ท่านแม่ ลูกคิดถึงยิ่งนัก!”
หยวนเป่าโผเข้ามากอดนาง ทำเอาเสียโจวหยิงหยิงมองดูด้วยความอิจฉา
นางมองไปและคาดหวังว่าตนกับโม่ฮั่นอี่ว์จะสามารถมีลูกที่น่ารักเช่นนี้ด้วยกันได้ในเร็ววัน
หลังจากส่งโม่ฮั่นอี่ว์และโจวหยิงหยิงกลับไปแล้ว หยุนหว่านหนิงก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ดูท่าทางเหมือนหนักใจ
หยวนเป่าเห็นดังนั้น ก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงกังวล “ท่านแม่เป็นอะไรไปหรือ?”