อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 411 พาหยวนเป่าไปขอเงินแต๊ะเอีย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 411 พาหยวนเป่าไปขอเงินแต๊ะเอีย
ก็ไม่ถือว่าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญอะไร
เพียงแต่การปรากฏตัวของคนที่มาทำให้ทุกคนในที่นั้นพากันอึ้งตะลึงไปครู่หนึ่งเท่านั้น
“เจ้าว่าใครนะ?”
โม่จงหรานได้สติกลับมาก่อน “เจ้าสี่?”
เขาพูดอย่างงุนงง “เจ้าสี่ไม่สบายไม่ใช่หรือไง? หลายปีมานี้แทบไม่เคยย่างก้าวออกจากจวนอ๋องโจวเลย แล้วจะเข้าวังมาทำไมเล่า? เจ้าคงมิใช่สายตาฝ้าฟางจำคนผิดหรอกนะ?”
ซูปิ่งซ่านเหงื่อตก “ฝ่าบาท กระหม่อมถึงจะแก่แล้ว”
“แต่ก็มิถึงกับจำคนผิดหรอกพ่ะย่ะค่ะ! อ๋องโจวมาจริงๆ!”
เพราะตกใจมากเกินไป ตะเกียบในมือฮองเฮาจ้าวเลยหล่นลงในชาม
เต๋อเฟยกลับไม่ได้ตกใจเท่าไหร่
ก่อนหน้านี้ตอนงานวันเกิดนาง เจ้าสี่ยังส่งของขวัญมาแสดงความยินดีอยู่เลยนะ!
หยุนหว่านหนิง โม่เยว่กับโม่ฮั่นอี่ว์ โจวหยิงหยิงเองก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากมายนัก เพราะรู้มาก่อนแล้วว่า โม่เหว่ยสามารถเดินเหินได้สะดวก และยังเคยเข้ามายั่วโมโหโม่เยว่ในจวนอ๋องหมิงตอนกลางค่ำกลางคืนอีก…
สนมคนอื่นเองก็ตกใจมาก
สนมไม่น้อยที่เข้าวังมาทีหลัง ไม่เคยเจอหน้าอ๋องโจวโม่เหว่ยเลยด้วยซ้ำ!
“แล้วมัวยืนอึ้งทำอะไรอยู่?”
โม่จงหรานโบกมือ “รีบไปเชิญมาสิ! วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันสิ้นปี ในเมื่อเจ้าสี่หายดีแล้ว ก็รีบไปเชิญเข้ามาซะ”
ทุกปีคืนก่อนวันสิ้นปีนี้เขาจะส่งคนไปเยี่ยมโม่เหว่ยที่จวนอ๋องโจว
ปีนี้ยังไม่ทันได้ออกคำสั่งเลย โม่เหว่ยก็เข้าวังมาก่อนแล้ว โม่จงหรานดีใจมาก
พอโม่เหว่ยเข้ามาและถวายบังคมอย่างนอบน้อมแล้ว เขาก็ยืนอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “หม่อมฉันมาโดยมิได้รับเชิญ ขอเสด็จพ่อโปรดอภัยด้วย!”
“อะไรเรียกว่ามาโดยไม่ได้รับเชิญ?”
โม่จงหรานขมวดคิ้วบอก “รีบเข้างานมาเลย!”
ลูกชายคนนี้เจ็บป่วยมายี่สิบกว่าปี เดิมเขาคิดว่าคงจะไม่มีทางช่วยแล้ว…
ไม่คิดว่าหยุนหว่านหนิงจะเป็นหมอเทวดา รักษาโม่เหว่ยจนหายดี!
ถึงสีหน้าเขาจะยังซีดเผือดอยู่เล็กน้อย เหมือนพึ่งหายไข้ แต่เทียบกับเมื่อก่อนที่นอนหายใจรวยรินแล้ว โม่จงหรานพอใจยิ่งนัก!
เขาสะบัดมือออกคำสั่ง “หว่านหนิงรักษาเจ้าสี่ได้ถือเป็นความชอบ”
“สมควรพระราชทานรางวัล!”
ทุกคนถึงได้รู้ว่า หยุนหว่านหนิงรักษาโม่เหว่ยจนหายดี?!
นอกจากการตกใจแล้ว มีคนไม่น้อยเริ่มมีความคิดขึ้นมา
ฮองเฮาจ้าวมองหยุนหว่านหนิงอย่างเคียดแค้น
นังแพศยานี่!
ขนาดเจ้าขี้โรคอย่างโม่เหว่ยยังรักษาให้หายได้ เหตุใดคอของนางถึงไม่อาการดีขึ้นเลย?!
ต้องเป็นเพราะนังแพศยานี่ไม่ได้ตั้งใจรักษาให้นาง และจงใจทำให้จนตอนนี้นางก็ยังไม่อาจปริปากพูดได้
นางต้องคิดหาวิธีทำให้คอกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว!
มิเช่นนั้น…
ระยะนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลที่สุดคือ คำพูดก่อนหน้านี้ที่โม่เฟยเฟยพูดไว้—-
“เสด็จพ่อบอกว่า หนานจวิ้นมิอาจให้หญิงใบ้ผู้หนึ่งเป็นฮองเฮาได้!”
หากโม่จงหรานต้องการยกเต๋อเฟยขึ้นเป็นฮองเฮาแทน บัดนี้เป็นจังหวะที่ดีที่สุด!
ฮองเฮาจ้าวรู้สึกถึงอันตรายอย่างยิ่ง
ดังนั้นระยะนี้เลยไม่ได้ทำอะไร และพยายามทำให้คนอื่นลืมนางไปให้ได้มากที่สุด ต่อให้รู้ว่ามีหยวนเป่าอยู่ นอกจากอาละวาดทำร้ายคนในตำหนักตำหนักคุนหนิงของตนแล้ว ก็ไม่กล้าออกมาหาเรื่องเลย
ยังคงคิดจะให้หยุนหว่านหนิงรักษาคอนางให้หายเป็นปกติ….
ฮองเฮาจ้าวรู้ดีว่า นางต้องหาช่องทางประจบเอาใจนังแพศยาหยุนหว่านหนิง!
ถึงการต้องประจบเอาใจหยุนหว่านหนิงจะทำให้นางเคียดแค้นมาก แต่เพื่อคอ และเพื่อให้เจ้าใหญ่เจ้าสามกลับมาผงาดอีกครั้ง นางได้แต่ยอมวางหน้าแก่ๆนี้ลงก่อน!
มันช่างปวดหัวนักที่เจ้าใหญ่เจ้าสามดันพ่ายแพ้ราบคาบหมด!
ดังนั้นฮองเฮาจ้าวถือขนมในมือขึ้น และพยายามยิ้มอย่างมีเมตตา และยื่นขนมให้หยวนเป่า
หยวนเป่าตะลึง บอกอย่างหวั่นๆว่า “เสด็จย่าฮองเฮา หม่อมฉันไม่ชอบกินขนม”
ท่านแม่เคยบอกไว้ ห้ามกินของของคนแปลกหน้า!
โดยเฉพะแม่มดเฒ่าอย่างฮองเฮาคนนี้!
ฮองเฮาจ้าวชะงักค้าง
เพราะเสียงของหยวนเป่า ทำให้พวกโม่จงหรานพากันหันหน้ามมองมา เต๋อเฟยยังไม่ทันทำอะไร แต่โม่จงหรานเข้ามาปัดขนมในมือฮองเฮาจ้าวทิ้งทันที
“ฮองเฮาบังอาจนัก! เจ้าคิดจะทำร้ายหยวนเป่าใช่ไหม? เจ้ามันช่างชั่วร้ายจริงๆ !”
เขาตะคอกดัง “ใครก็ได้! ส่งฮองเฮากลับตำหนักคุนหนิง! นับจากวันนี้กักบริเวณเป็นเวลาหนึ่งเดือน!”
ฮองเฮาจ้าวทำหน้าจะร้องไห้
เมื่อก่อนนางมีความคิดให้ร้ายหยวนเป่าจริงๆ แต่คืนนี้นางเพียงอยากจะประจบหยุนหว่านหนิง ประจบหยวนเป่าเท่านั้นเองนะ…
แต่เพราะนางเป็น “ฮองเฮาร้าย”ในสายตาทุกคน ตอนนี้ยิ่งไม่อาจเอ่ยปากแก้ต่างให้ตนเอง
ยังไมทันที่จะหาจางหมัวมัวมาช่วยนางแปลเป็น‘ภาษามือ’ ก็ถูกทหารรักษาพระองค์พาตัวไปแล้ว
เต๋อเฟยยกนิ้วโป้งให้กับโม่จงหราน และชมเชยอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ฝ่าบาท เมื่อครู่สง่างามมากเพคะ! ท่านช่างรวดเร็วร้ายกาจแม่นยำอย่างนี้เสมอในสายตาของหม่อมฉัน!”
คำพูดนี้รวมหลากหลายความหมายไว้ในนั้น
“ข้าเร็วขนาดนั้นที่ไหน…”
แค่เห็นใบหน้าแดงเรื่อของโม่จงหราน ก็รู้ว่า ตาแก่นี่เข้าใจความหมายของเต๋อเฟยผิดแล้ว…
พอไม่มีโม่หุยเหยียนกับโม่หุยเฟิงอยู่ บวกกับไล่ฮองเฮาจ้าวไปได้ งานเลี้ยงวันสิ้นปีปีนี้เลยทั้งครึกครื้นและอบอุ่น
พอกินอิ่ม ก็พากันชื่นชมดอกไม้ไฟทั่วเมือง
ตอนพาหยวนเป่าออกจากวัง เจ้าเด็กนี่ก็ง่วงจนลืมตาไม่ขึ้นแล้ว
โม่เยว่ยังมีธุระต้องคุยกับโม่เหว่ย โม่ฮั่นอี่ว์ หยุนหว่านหนิงกับโจวหยิงหยิงเลยต่างคนต่างกลับจวน
วันสิ้นปีพึ่งผ่านไป วันเวลาช่างผ่านไปเร็วยิ่ง
ก่อนวันที่สิบหลังปีใหม่ หยุนหว่านหนิงก็พาหยวนเป่าไปคารวะเหล่าเครือญาติทั่วทั้งเมืองหลวง
นอกจากจวนอ๋องฮั่น จวนอ๋องโจวแล้วก็ตระกูลกู้
และยังไปจวนอ๋องฉู่
พอเห็นหยุนหว่านหนิงตั้งใจพาหยวนเป่ามา ต่อให้พวกโม่หุยเหยียนจะเคียดแค้นกัดฟันอย่างไร ก็จำต้องแสดงท่าทีของผู้ใหญ่ออกมา และมอบเงินแต๊ะเอียกับหยวนเป่า
ไปเยี่ยมเยือนครานี้กลับมา ทำให้อาการป่วยของหนานกงเยว่หนักขึ้นละ
พอรู้เรื่องนี้ หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างพอใจ “ถ้าไม่ต้องการอย่างนี้ ข้ามีหรือจะต้องเหนื่อยไปเยี่ยมเยือนด้วย?”
นางจงใจไปยั่วโมโหหนานกงเยว่นี่แหละ!
“ไปจวนอ๋องฉู่แล้ว ต่อไปควรจะเป็นจวนอ๋องสามละ…”
วันที่หก หยุนหว่านหนิงพาหยวนเป่าไปเยี่ยมเยือนจวนอ๋องสาม
นางไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร พอคิดว่าลูกสาวสองคนของฉินซื่อเสวียกับโม่หุยเฟิงโดดเดี่ยวน่าสงสาร เลยตั้งใจเตรียมเสื้อผ้าใหม่และเงินแต๊ะเอียไปให้พวกนางด้วย
บุญคุณความแค้นของผู้ใหญ่ ไม่เกี่ยวกับเด็ก
นอกจากว่าพวกโม่หุยเฟิงจะมาแตะต้องทำร้ายหยวนเป่า ไม่งั้นหยุนหว่านหนิงไม่มีทางใช้ลูกๆพวกเขามาข่มขู่แน่
ฉินซื่อเสวียบ้าไปแล้ว ขนาดลูกสองคนของตัวเองยังจำไม่ได้
อันที่จริงก็ลำบากฉินเยว่หลิ่วไปจวนอ๋องสามทุกสองสามวันล่ะ ดังนั้นเลยดูแลฉินซื่อเสวียจนเป็นบ้าหนักขึ้นไปอีก
ตอนหยุนหว่านหนิงมา ฉินเยว่หลิ่วกำลังพาสองสาวพี่น้องโม่จือฉิงกับโม่จืออวี่เดินเล่นอยู่ในสวน
นางได้ยินฉินเยว่หลิ่วเล่าเรื่องให้เด็กสองคนว่า “ท่านแม่ของพวกเจ้าจิตใจชั่วร้ายอำมหิต ทำเรื่องเลวร้ายมากเกินไป สวรรค์ถึงได้ลงโทษนาง ทำให้นางกลายเป็นอย่างนี้”
“ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้เอานางเป็นเยี่ยงอย่างนะ ต่อไปต้องเป็นคนดี เข้าใจหรือไม่?”
โม่จือฉิงอายุสี่ขวบกว่าแล้ว โม่จืออวี่พึ่งจะสองขวบ
เด็กสองคนรับคำด้วยน้ำเสียงเด็กน้อยว่า “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านน้า”
พอเห็นหยุนหว่านหนิงมา ฉินเยว่หลิ่วถึงให้แม่นมของเด็กๆพาพวกนางออกไป
“พระชายาหมิง”
ฉินเยว่หลิ่วยิ้มพลางเดินเข้ามาใกล้ “ลมอะไรหอบท่านมาได้ล่ะนี่?”
“พาลูกชายข้ามาขอเงินแต๊ะเอีย”
หยุนหว่านหนิงยอมรับหน้าตาเฉย
ฉินเยว่หลิ่วดึงหยวนเป่ามาพลิกซ้ายแลขวา ชอบใจจนทนไม่ไหว มอบเงินแต๊ะเอียให้กับเขา และยังขอบคุณหยุนหว่านหนิงสำหรับเสื้อผ้าใหม่ที่นำมาให้สองพี่น้องโม่จือฉิง จากนั้นส่งพวกเขาแม่ลูกออกจากจวนอย่างยินดี
เหมือนเป็นคนละคนกับฉินเยว่หลิ่วที่ก่อนหน้านี้เย็นชาคนนั้น
หยุนหว่านหนิงเดาว่า หรือว่าเพราะฉินซื่อเสวียบ้า เลยทำให้ฉินเยว่หลิ่วเปลี่ยนไปมาก?
แต่เรื่องเกี่ยวกับความแค้นระหว่างฉินเยว่หลิ่วกับฉินซื่อเสวีย หรูเยียนยังไม่ได้สืบแน่ชัด
เรื่องนี้ต้องเร่งสักหน่อยแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องฉินเยว่หลิ่วยังไม่รู้แน่ชัดเลย ในเมืองหลวงก็เกิดเรื่องใหญ่ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินขึ้นเรื่องหนึ่ง!!!