อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 416 หยวนเป่าล่ะ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 416 หยวนเป่าล่ะ
“ธิงธิง คำพูดนี้ต่อไปอย่าได้พูดอีกเลย”
นางพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “ถ้าโดนคนไม่ดีได้ยินเข้า อาจจะกลายเป็นจุดอ่อนของจวนอ๋องเราได้”
“กับหยวนเป่า…อาจจะชักนำภัยอันตรายถึงชีวิตมาให้!”
เมื่อเห็นสีหน้าหยุนหว่านหนิงเคร่งเครียด และผลลัพธ์ของคำพูดนี้ก็หนักหนาจริง หยุนธิงธิงตกใจจนแลบลิ้นบอก “ข้ารู้แล้วพี่ใหญ่ ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว!”
ระหว่างพูดคุยกัน คนรับใช้ก็ยกอาหารเข้ามา
หยุนธิงธิงเริ่มต้นสวาปาม
“เจ้ากินช้าๆหน่อย ไม่มีใครแย่งกับเจ้า”
หยุนหว่านหนิงมองนางอย่างขบขัน
หลายวันนี้อากาศสดใส รู้สึกถึงฤดูใบไม้ผลิ
ในห้องยังมีจุดเตาผิงอยู่ หยุนหว่านหนิงกลับรู้สึกร้อนอบเล็กน้อย เลยสั่งหรูเยียนให้ยกเตาผิงไปไกลหน่อย และหยิบพัดออกมา
นางพัดเบาๆ “อากาศเริ่มร้อนแล้ว”
“คนอย่างข้านะ อารมณ์ร้อน! พออากาศเริ่มร้อน ก็จะร้อนในได้ง่าย พอร้อนในมา ก็จะอารมณ์ไม่ดี”
คำพูดนี้ทำหยุนธิงธิงรู้สึกงุนงง “พี่ใหญ่หมายความว่าอะไรรึ?”
“ข้าคิดจะไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหยุนเจิ้นซง”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะบอก
นางไม่เรียกหยุนเจิ้นซงว่าท่านพ่อนานแล้ว ดังนั้นหยุนธิงธิงเลยไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย
แต่กิริยาคีบอาหารของนางพลันชะงัก ปากเคี้ยวอาหารแก้มตุ่ย ดูแล้วเหมือนกระรอกที่กำลังกินถั่ว
“พี่ใหญ่ นี่ท่านรับปากแล้ว?”
“อืม”
หยุนหว่านหนิงใช้ขอบพัดเกาแก้มเบาๆ “ข้าคันมือ อยากอัดคน”
หยุนธิงธิงฟังแล้วยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ “พี่ใหญ่ ท่านคันมือแล้วเกาหน้าทำไมเล่า?”
หยุนหว่านหนิง “….”
โดนกักบริเวณร่ำเรียนพิณหมากหนังสือภาพวาดหลายเดือน น้องสาวนางคนนี้กลายเป็นหญิงสาวโง่งมไปแล้วรึ?
เรียนจนโง่แล้วหรอเนี่ย?!
เรื่องที่หยุนเจิ้นซงสั่งมา หยุนธิงธิงทำสำเร็จแล้ว หลังจากกินอิ่ม นางก็ขอลากลับ บอกว่าจะรีบกลับไปฝึกพิณ
นางพึ่งไป โม่เหว่ยเข้ามายังจวนอ๋องหมิง
หยุนหว่านหนิงกำลังจะออกไป คิดจะไปเดินเล่นสักหน่อย
ในเมื่อจะไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดหยุนเจิ้นซง ก็ต้องมีของขวัญวันเกิดไปหน่อยไหม?
ไม่งั้นไปมือเปล่า ก็เท่ากับให้โอกาสคนชี้หน้าด่าเอาล่ะสิ?!
“โย่”
พอเห็นโม่เหว่ย นางเลิกคิ้วถาม “ตอนนี้จวนอ๋องหมิงของเรานี่แทบจะกลายเป็นบ้านตัวเองสำหรับอ๋องโจวแล้ว ไปมาอิสระเลยนี่!”
นางมองเขาอย่างครื้นเครง
โม่เหว่ยมาอย่างรีบร้อน
ต่อให้พยายามผ่อนลมหายใจแล้ว แต่หยุนหว่านหนิงหูดี นางได้ยินเสียงหอบหายใจของเขา
เหงื่อบนขมับถูกปาดออกไป แต่ผมเผ้ายังชื้นอยู่….
“หว่านหนิง เจ้าจะไปข้างนอกรึ?”
โม่เหว่ยมองไปด้านหลังนางเล็กน้อย
“ใช่ไง”
หยุนหว่านหนิงแอบเห็นสายตาเขา แกล้งทำเป็นไม่เห็น แต่ทำหน้ายิ้มแกล้งถามว่า “วันนี้อ๋องโจวมาทำอะไร? มีธุระรึ?”
“ไม่ ไม่มีอะไร”
โม่เหว่ยดึงสายตากลับ แสร้งทำท่าไม่ยี่หร่ะ “ข้าแวะมาดูหยวนเป่า”
นี่เป็นข้ออ้างที่ดี!
ตอนนี้คนพวกนี้มาจวนอ๋องหมิงทีไร ใช้เหตุผลเดียวกันหมดคือ มาเยี่ยมหยวนเป่า
หยุนหว่านหนิงยิ้มขัน “หยวนเป่าตามโม่เยว่เข้าวังแล้ว ยังไม่กลับมาเลย! อ๋องโจวมาผิดจังหวะนะ”
“งั้นรึ? ข้ามาไม่ถูกจังหวะเสียจริง”
โม่เหว่ยยิ้มให้ “เจ้าจะไปไหนรึ? ยังไงซะข้าก็ว่างไม่มีอะไรทำ ไปเป็นเพื่อนเจ้าดีหรือไม่?”
“ร่างกายท่านไหวรึ?”
หยุนหว่านหนิงเหล่มองเขา
ต้องยอมรับจริงๆว่า หลายวันนี้ร่างกายโม่เหว่ยดีขึ้นเร็วมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร สรุปแล้วยาของนางยังไม่อภินิหารถึงขั้นนี้
พอเห็นตาของโม่เหว่ยมีแววหวาน
หยุนหว่านหนิงสนุกละ นี่คงไม่ใช่เพราะความรัก?!
ความรักน่ะเทียบได้กับยาเทวดาเลย ให้ฤทธิ์เร็วกว่ายาใดๆก็ตาม
ก่อนหน้านี้โม่เหว่ยหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีความคิดอยากมีชีวิตอยู่ต่อนานแล้ว
ตอนแรกเพื่อให้เขาให้ความร่วมมือกับการรักษา หยุนหว่านหนิงคิดหัวแทบแตก
ตอนนี้กลับดี ยานางเลยกลายเป็นแรงหนุน สาเหตุที่พยุงให้อาการโม่เหว่ยหายดี—กลับเป็นเพราะฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว นี่ก็จะถึงฤดูผสม….
ไอ้หยา!
มั่วเรื่องแล้ว!
หยุนหว่านหนิงได้สติกลับมา กระแอมหนึ่งคำ “ข้าจะออกไปเดินเล่นซื้อของ”
“อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดท่านพ่อข้า จะไปมือเปล่าก็ไม่ได้นี่นา?”
“ดีนี่!”
โม่เหว่ยปรบมือ “ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า! พอดีเลยหยุนกั๋วกงเชิญข้าด้วยเหมือนกัน ข้ากำลังเครียดว่ามิมีของขวัญไปอวยพรวันเกิดเลย”
“พวกเราไปเดินหาซื้อกันซักหน่อยได้!”
พูดจบ เขาตบถุงเงินที่เอวอย่างใจกว้าง “วางใจเถอะ ข้าเอาเงินมามากพอ”
“วันนี้ข้าเลี้ยงเอง!”
หยุนหว่านหนิง “…”
นางเหมือนคนไม่มีเงินรึ?!
โม่เหว่ยดูถูกใครกัน?!
เมื่อก่อนรู้สึกว่า เขาเป็นคนอารมณ์ไม่แน่ไม่นอน เทียบเคียงได้กับโม่เยว่เลย
แต่พอมาดูอีกที โม่เหว่ยที่อาการดีขึ้น นิสัยเห็นได้ชัดว่าสดใสร่าเริง…เหมือนกับโม่ฮั่นอี่ว์ที่เป็นนักกินนักเล่นเลยนี่นา!
พอคิดดูดีๆ พี่น้องตระกูลโม่ล้วนมีจุดพิเศษเหมือนกันข้อหนึ่งคือ ท่าทางภายนอกไม่เหมือนภายใน
โม่หุยเหยียนดูเหมือนอ่อนโยนดุจหยก ที่จริงแล้วกลับชั่วช้ามาดร้าย
โม่ฮั่นอี่ว์ภายนอกดูชอบกินชอบเล่น บางครั้งยังสามารถเฉลียวฉลาดสงบนิ่งได้อยู่
โม่หุยเฟิงดูเหมือนชั่วร้ายอาจหาญ แต่กลับเป็นคนโง่ที่ภายในอ่อนแอกว่าภายนอก!
โม่เยว่ยิ่งไม่ต้องพูดเลย สูงส่งเย็นชาต่อหน้าคนอื่น ท่าทางราวกับ “ข้าเห็นพวกเจ้าเป็นอากาศ” พออยู่ต่อหน้าหยุนหว่านหนิงกับหยวนเป่า กลับเป็นถังขยะที่ยอมตามใจทุกอย่าง!
โม่เหว่ยในตอนนี้ เดิมก็โง่งมอยู่!
หยุนหว่านหนิงเหมือนพบแผ่นดินใหม่
ในเมื่อมีคนจะเลี้ยง นางก็ไม่เกรงใจอยู่แล้ว “ก็ได้! งั้นพวกเราไปกันเถอะ”
นางคิดไว้ก่อนแล้วว่า จะเตรียมอะไรเป็นของขวัญวันเกิดให้หยุนเจิ้นซง
พอถึงวันเกิดเขา เขาอย่าตกใจอ้าปากค้างก็พอ!
ยังไงซะนี่ก็เป็นสิ่งที่หยุนเจิ้นซงพยายามเชื้อเชิญนางไปให้ได้ ไม่ใช่นางตั้งใจไปเอง…ถึงเวลาเกิดอะไรขึ้น จะมาว่านางไม่ได้!
หยุนหว่านหนิงสายตาเจ้าเล่ห์ แอบถูมือไปมา
…..
เดินทั่วทั้งเมืองหลวงกับโม่เหว่ย ในที่สุดหยุนหว่านหนิงก็ซื้อของขวัญวันเกิดที่ต้องการได้
วันนี้หรูเยียนอยู่ที่จวนอ๋อง หรูอวี้ตามหยุนหว่านหนิงไปหาซื้อของ
ตอนกลับจวน ในมือหรูอวี้ถือถุงเล็กถุงน้อยเต็มไปหมด…
หรูเยียนอุทานตกใจว่า “นี่ล้วนเป็นของขวัญที่เตรียมให้กั๋วกงหยุนทั้งหมดรึ?”
“ไม่ใช่”
หยุนหว่านหนิงปฏิเสธออกมาเลย “เขาเป็นใครล่ะ? ซื้อของให้เขามากมายขนาดนี้? นี่เป็นของที่ข้าใช้เงินอ๋องโจวซื้อมาทั้งนั้น ยังไงซะเขารวยนี่”
หรูเยียน “….พระชายาเก่งกาจนัก!”
หยุนหว่านหนิงเองก็เหนื่อยแล้ว นั่งลงดื่มชา
หรูอวี้หัวเราะบอก “หรูเยียน วันนี้เจ้าไม่ได้เห็นสีหน้าอ๋องโจว ช่างน่าเสียดายจริงๆ!”
“สีหน้าอะไร?”
“ก็โดนพระชายาของเราหลอกให้จ่ายเงินเสียเละน่ะสิ เสียใจหงุดหงิดเชียวล่ะ!”
หรูอวี้ปิดปากหัวเราะ หรูเยียนก็หัวเราะตาม
ในตอนนี้เอง โม่เยว่กลับมาแล้ว
ตอนนี้ด้านนอกเริ่มมืดลงแล้ว ความมืดของกลางคืนปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองหลวง พอโม่เยว่เข้ามา ก็มองหยุนหว่านหนิงก่อน จากนั้นก็มองไปทางอื่นอย่างสงสัย
“ทำไมรึ?”
เห็นสายตาเขาผิดสังเกต หยุนหว่านหนิงถามทันที
โม่เยว่ขมวดคิ้วถาม “หยวนเป่าล่ะ?!”