อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 427 เกิดเรื่องขึ้นกับหยุนหว่านหนิง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 427 เกิดเรื่องขึ้นกับหยุนหว่านหนิง
“พ่อ”
หยวนเป่าหันไปมองดูชายร่างใหญ่ที่กำลังพายเรืออยู่ กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่ชัดเจน “ข้าเบื่อมากเลย! ท่านหาของเล่นมาให้ข้าเล่นหน่อยได้ไหม?”
ชายร่างใหญ่หัวเราะขึ้นมา “เจ้าไม่เห็นว่าข้ากำลังพายเรืออยู่หรือ?”
“นี่เรากำลังอยู่บนน้ำ ไม่ได้อยู่บนบก! ทั่วทุกด้านมีแต่น้ำ ข้าจะไปหาของเล่นมาให้เจ้าจากไหนกัน?”
“ถ้าอย่างไร ข้าจับนกเป็ดน้ำมาทำเป็นของเล่นให้เจ้าดีไหม?”
ดวงตากลมโตคู่หนึ่งของหยวนเป่ากลอกไปมา
สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่ติ่มซำที่อยู่ด้านข้าง “กระดาษที่ใช้ห่อติ่มซำให้ข้าเล่นได้ไหม?”
กลัวว่าเขาจะหิวระหว่างทาง ชายร่างใหญ่ซื้อติ่มซำมาหลายห่อใหญ่ แบบที่มากพอจะให้หยวนเป่ากินสองสามวัน
“แล้วแต่เจ้า”
ชายร่างใหญ่ไม่ได้สนใจ
เด็กน้อยในวัยเท่านี้ ก็ชอบเล่นอยู่แล้ว เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
อย่างไรเสียตอนนี้ก็อยู่บนน้ำแล้ว อย่างไรเขาก็ไม่สามารถหนีพ้นเงื้อมมือของเขาอยู่แล้ว
ดังนั้น ชายร่างใหญ่จึงผ่อนคลายการป้องกันลง
หยวนเป่าแกะกระดาษห่อติ่มซำออก ฉีกมันออกอย่างเรียบร้อย จากนั้นก็เริ่มพับเรือกระดาษ พับนกกระเรียนกระดาษ โยนลงไปบนผิวน้ำอย่างต่อเนื่อง
“เรือเล็กส่ายไปมา นกกระเรียนบินขึ้นไป”
หยวนเป่าส่ายหัวและฮัมเพลงขึ้นมา
ชายร่างใหญ่มองดูเขาด้วยความสงสัย “เจ้าร้องเพลงอะไรอยู่?”
“ข้าฮึมไปเรื่อยเอง!”
แล้วหยวนเป่าก็โยนเรือเล็กที่พับเสร็จในมือลงไปบนผิวน้ำต่อหน้าเขา “พ่อท่านดูสิ! เรือเล็กลำนี้ลอยเร็วกว่าพวกเราอีกแน่ะ!”
เขาปรบมือเล็กด้วยความตื่นเต้น “พ่อท่านรีบพายสิ! เรามาแข่งกับเรือเล็กลำนั้น!”
ท่าทางนั่น ดูเหมือนจะเป็นเพราะหาความสนุกเจอ ดังนั้นจึงดีใจยกใหญ่!
เห็นดังนั้น ชายร่างใหญ่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพียงแต่เหวี่ยงไม้พายในมือให้เร็วมากยิ่งขึ้น
ระหว่างทางมานี้ถึงแม้เด็กคนนี้จะพูดเป็นต่อยหอยไปหน่อย แต่ฟังเขาเรียกว่า “พ่อ” คำแล้วคำเล่า ในใจของชายร่างใหญ่ก็รู้สึกแปลกๆ
คำว่า “พ่อ” คำแล้วคำเล่านี้ ดูเหมือนจะเรียกเข้าไปถึงในใจของเขา
“พ่อ สู้ๆ! มันลอยไปข้างหน้าเราแล้ว!”
หยวนเป่าตะโกนอย่างมีความสุข
ชายร่างใหญ่ไม่พูดอะไรสักคำ กัดฟันแล้วพายเรืออย่างรวดเร็ว!
……
ในตอนพลบค่ำ หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ก็ไล่ตามมาถึงริมแม่น้ำ
เจอกับช่วงน้ำขึ้นพอดี โม่เยว่สั่งให้คนเตรียมเรือไว้หลายลำ แต่กลับถูกหยุนหว่านหนิงคว้าตัวเอาไว้ “เวลานี้จะมันอันตราย รอไปก่อน”
หรูโม่นำกำลังคนไปเฝ้าทางเข้าของเมืองเซียงและเขาซีเซียงเอาไว้แล้ว หยุนหว่านหนิงเชื่อว่าถึงแม้ชายร่างใหญ่จะเร่งเดินทาง ก็มีแต่จะกระโจนเข้าไปในเงื้อมมือของหรูโม่เท่านั้น!
นางเอาแผนที่ออกมาดูอย่างละเอียด เมืองเซียงมีพรมแดนติดกับตงจวิ้นทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตกติดกับซีจวิ้น
ที่แยกจากเป่ยจวิ้นก็คือแม่น้ำขนาดใหญ่สายหนึ่ง แม่น้ำสายนี้ไหลไปสู่แม่น้ำที่ใหญ่กว่า
แม่น้ำไหลลงมาไม่ขาดสาย เป็นน้ำทะเล
ดังนั้นแม่น้ำสายนี้พอถึงเวลาพลบค่ำ กระแสน้ำจะสูงขึ้น
“เพราะเหตุใด?”
โม่เยว่ไม่เข้าใจ
สำหรับเขาแล้ว การหาลูกชายให้เจอคือสิ่งสำคัญที่สุด!
อันตรายอะไร ก็แค่แม่น้ำสายหนึ่งเท่านั้น!
นอกเมืองหลวงก็มีแม่น้ำหลวงสายหนึ่ง แต่ไม่เคยมีน้ำขึ้นมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าอะไรคือน้ำขึ้น และไม่รู้ด้วยว่าตอนน้ำขึ้นเหตุใดถึงห้ามออกทะเล……
“น้ำขึ้นอันตราย หลังจากน้ำลงแล้วค่อยไล่ตามไป”
หยุนหว่านหนิงกล่าวอย่างกระชับและรัดกุม
ถึงแม้ว่าในใจของโม่เยว่จะร้อนใจแค่ไหน แต่หยุนหว่านหนิงเอ่ยปากแล้ว เขาก็ยืนรออยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง
“น้ำลงเวลาใด?”
เขาหันหน้ามองไปทางหยุนหว่านหนิง
นางไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองไปทางแม่น้ำอย่างละสายตา ดวงตาดูเหมือนจะแผ่ซ่านสีสันแวววาวที่แปลกประหลาด…..
เห็นดังนั้น ในใจของโม่เยว่ก็ยิ่งเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น!
เขาไม่รู้ว่า ทำไมจู่ๆหยุนหว่านหนิงถึงตามพวกเขาทัน แต่ว่าตอนที่เขาออกจากจวนอ๋องหยุนหว่านหนิงหมดสติอยู่แท้ๆ หมอหลวงหยางก็บอกว่าสถานการณ์ของนางซับซ้อนมาก
นางไม่เพียงไล่ตามเขาทัน แม้กระทั่งสภาพจิตใจก็ยังดีกว่าเขาเสียอีก
ผู้หญิงคนนี้ เล่นกลเป็นจริงๆหรือ? !
ทันใดนั้น เห็นเพียงรูม่านตาของหยุนหว่านหนิงกระชับตึง!
นางไม่สนใจอันตรายจากน้ำขึ้น เดินเข้าไปในน้ำโดยตรง!
“หนิงเอ๋อร์! เจ้าจะทำอะไร!”
โม่เยว่ต้องการจะคว้านางเอาไว้อย่างร้อนใจ แต่ว่าหยุนหว่านหนิงเดินเร็วมาก
เขาได้แต่ตามอยู่ด้านหลัง “หนิงเอ๋อร์!”
น้ำในฤดูใบไม้ผลิ ยังคงหนาวเย็นสะท้านไปถึงกระดูก
โม่เยว่เป็นถึงลูกผู้ชาย ยังรู้สึกว่าน้ำในแม่น้ำแห่งนี้เย็นสะท้ายไปถึงกระดูก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงอย่างหยุนหว่านหนิง ขาทั้งสองข้างของนางจมอยู่ในน้ำ ราวกับมีเข็มเงินนับไม่ถ้วนทิ่มแทงบริเวณน่อง
นางกัดฟันเอาไว้ เดินไปข้างหน้าสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็โน้มตัว ประคองเรือกระดาษเล็กๆลำหนึ่งขึ้นมาจากสองมือ…..
“คือหยวนเป่า คือหยวนเป่า!”
หยุนหว่านหนิงร้องไห้ด้วยความดีใจ!
นางหันกลับมา ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายไปด้วยน้ำตา “โม่เยว่ท่านดูสิ นี่คือเบาะแสที่ลูกชายทิ้งเอาไว้ให้เรา!”
ครั้งนี้ โม่เยว่ไม่แน่ใจ
ถึงอย่างไรเรือกระดาษเช่นนี้ เขาก็พับเป็น ไม่ได้ชัดเจนเหมือนเบาะแสการวาดภาพแบบง่าย
เขารับเรือกระดาษมา สีหน้าท่าทางซับซ้อน
กำลังจะเอ่ยปาก กลับเห็นแม่น้ำไหลเชี่ยวเข้าฝั่ง แล้วก็มีบางอย่างลอยมาทางพวกเขา หยุนหว่านหนิงรีบร้อนว่ายเข้าไป เห็นเพียงนกกระเรียนกระดาษตัวเล็กๆสองตัว……
นางจับนกกระเรียนกระดาษเอาไว้แน่น ชั่วขณะหนึ่งแช่อยู่ในน้ำจนลืมหันหลังกลับ
โม่เยว่ตามหลังมาติดๆ มองเห็นนกกระเรียนกระดาษที่อยู่ในมือของนาง ชะงักงันไปครู่หนึ่ง
“เป็นเบาะแสที่ลูกชายทิ้งเอาไว้”
ครั้งนี้ โม่เยว่หยวนเป่าแน่ใจว่าหยวนเป่าเป็นคนทำแล้ว
“หนิงเอ๋อร์……”
เขายังไม่ทันได้พูดจบ เห็นเพียงหยุนหว่านหนิงเพิ่งจะลุกขึ้นมา แต่กลับล้มตัวลงไปในน้ำโดยตรงอีกครั้ง!
“หนิงเอ๋อร์!”
โม่เยว่อุทานด้วยความตกใจ รีบร้อนอุ้มนางขึ้นมาจากน้ำ ว่ายกลับไปริมแม่น้ำอย่างรวดเร็ว
องครักษ์ลับก่อไฟเอาไว้แล้ว โม่เยว่มองดูใบหน้าที่ค่อยๆซีดขาวไปของหยุนหว่านหนิง ไม่รู้ว่าทำไมในใจถึงมีความรู้สึกหมดหนทางที่น่ากลัวปะทุขึ้นมา
เขากลัวว่าหยุนหว่านหนิงหลับตาไปเช่นนี้ ก็จะไม่สามารถตื่นขึ้นมาอีกแล้ว……
“หนิงเอ๋อร์ หนิงเอ๋อร์!”
เขารีบร้อนกดจุดเหรินจงของนาง ตบใบหน้าของนางเบาๆ น่าเสียดายที่หยุนหว่านหนิงยังคงหลับตาแน่นอย่างไรก็ไม่ตื่นขึ้นมาเลย
“เชิญหมอ เชิญหมอ!”
โม่เยว่ตื่นตระหนก ลุกขึ้นมาคำรามใส่องครักษ์ลับอย่างบ้าคลั่ง “เร็วเข้า!”
ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองอี้ รวมไปถึงเมืองเซียงไกลมากแล้ว
ถึงแม้จะเชิญหมอมา ก็ไม่รู้ว่าหยุนหว่านหนิงจะสามารถยืนหยัดจนถึงเวลานั้นไหม……
โม่เยว่อุ้มหยุนหว่านหนิงที่หมดสตินั่งอยู่ข้างกองไฟ คนทั้งคนกำลังสั่นเทา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเปียกโชกเลยหนาวเกินไป หรือเป็นเพราะกลัวว่าจะสูญเสียไป
“หนิงเอ๋อร์ เจ้ารีบตื่นขึ้นมาเถอะ”
เขากล่าวกระซิบที่ข้างหูของนาง “ขอเพียงเจ้าสามารถตื่นมาได้ เจ้าอยากจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น!”
“ข้าทำผิดต่อเจ้า ผิดต่อหยวนเป่า ตอนนั้นเจ้าพูดถูกแล้ว ข้าก็คือคนน่าเวทนาที่ยโสโอหัง ข้าไม่สามารถทำอะไรให้ดีได้ ปกป้องใครเอาไว้ไม่ได้……”
น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นบนใบหน้าของหยุนหว่านหนิง แล้วก็ไหลเข้าไปในดินโคลน
โม่เยว่กอดนางเอาไว้แน่น คนทั้งคนกำลังสั่นเทาเล็กน้อย
เขาพยายามเดินไปข้างหน้าแท้ๆ เพื่อชีวิตที่สงบสุขของหยุนหว่านหนิงกับหยวนเป่า ไปแย่งชิงสิ่งที่เขาไม่ชอบ
เขาไม่เก่งเรื่องการแสดงออก มีแต่จะยั่วยุให้หยุนหว่านหนิงโกรธอยู่เสมอ
เพื่อให้ประสบความสำเร็จ เขาใช้เวลาอยู่กับพวกเขาแม่ลูกน้อยเกินไป
เขารู้ว่าในอดีตคือความผิดของเขา แต่เขาไม่ได้ขอให้หยุนหว่านหนิงอภัยให้ตลอดเวลา เพียงแค่ใช้การกระทำจริงๆไปพิสูจน์ พิสูจน์ว่าเขารักนาง รักหยวนเป่า
รอให้มีสักวัน เขาจะนำสิ่งที่ดีที่สุดในโลกใบนี้มาวางเอาไว้ต่อหน้านาง
ให้นางกลายเป็นผู้หญิงที่สูงส่งที่สุดในหนานจวิ้นแห่งนี้…..
นางจะต้องรู้ถึงความจริงใจของเขาอย่างแน่นอน!
น่าเสียดาย ตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้ว
หยุนหว่านหนิงไม่ได้ยินแล้ว
ไม่เพียงแต่ไม่ได้ยินเสียงของเขาเท่านั้น ดูเหมือนลมหายใจของนางก็ค่อยๆอ่อนลงไปทีละนิด
สีหน้าของโม่เยว่เปลี่ยนไปทันที ยื่นนิ้วมือที่สั่นเทาสำรวจไปทางจมูกของหยุนหว่านหนิง……ลมหายใจของนาง ดูเหมือนจะหมดไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว!