อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 61 ความช่วยเหลือจากสวรรค์ ของเต๋อเฟย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ ตอนที่ 61 “ความช่วยเหลือจากสวรรค์” ของเต๋อเฟย
หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่หันหน้ามามอง ก็ไม่เห็นเงาร่างของฉินซื่อเสวียแล้ว
คนที่ตกน้ำเมื่อครู่ เป็นนาง
แต่ว่า เป็นนางที่กระโดดลงน้ำไปเอง หรือว่าตกน้ำจริง ๆ กันแน่……ก็ไม่ได้เห็นชัดเจน หยุนหว่านหนิงเห็นพียงแค่ฉินซื่อเสวียดิ้นรนอยู่ในน้ำ
“ต้องช่วยหรือไม่”
นางเอียงศีรษะมองโม่เยว่
ฉินซื่อเสวียผู้นี้ ไม่รู้ว่าคืนนี้เกิดอะไรขึ้น
เป็นสุนัขจนตรอก?
ไร้สติสัมปชัญญะ!
ก่อนหน้านี้จะให้ร้ายนาง ยังรู้ว่าให้โม่เยว่เห็นไม่ได้ แม้นางมีเหตุผลก็ใช้ไม่ได้
แต่คืนนี้ ต่อหน้าโม่เยว่กระโดดลงไปในแม่น้ำที่เย็นไปถึงกระดูกขนาดนี้ ท่ามกลางหิมะเต็มฟ้า ถึงแม้ว่าแม่น้ำอี้ว์จะยังไม่แข็งตัว แต่ยังมีความกล้าที่จะกระโดดลงไป…
ฉินซื่อเสวียเป็นคนมีความกล้าหาญแน่นอน!
“ไม่ต้อง”
คำของโม่เยว่ที่เพิ่งกล่าว ก็ได้ยินเสียงตะโกนของฉินซื่อเสวีย “ช่วยด้วย!ข้า ข้าว่ายน้ำไม่เป็น!”
นางกำนัลสองคนที่อยู่ไม่ไกล ก็วิ่งมาอย่างตื่นตระหนก
อย่างไรก็ช่วยไม่ได้ เพราะไม่มีใครว่ายน้ำเป็น
ทำได้เพียงเปิดปาก แผดเสียงตะโกน “ใครก็ได้! ช่วยด้วย! มีคนตกน้ำ!”
ฉินซื่อเสวียมองโม่เยว่ด้วยความสิ้นหวัง
ทำไมเขาไม่มาช่วยนาง?!
หยุนหว่านหนิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ชีวิตคนทั้งคน!มีเพียงพวกเราสามคนที่นี่ ถ้านางยืนกรานว่าข้าผลักนางลงไป ต่อให้ข้ามีร้อยปากก็แก้ตัวไม่ได้”
“ข้าจะไปช่วย!”
ขณะพูด นางก็กระโดดลงไป
โม่เยว่ขมวดคิ้ว “ข้าไปเอง”
สตรีนางนี้ ถ้าจับไข้ หยวนเป่าต้องเป็นกังวลแน่
“ไม่ได้!”
หยุนหว่านหนิงจ้องมองเขาอย่างดุร้าย “เจ้ากล้า!”
นางผลักโม่เยว่ออก วิ่งไปที่แม่น้ำด้วยความโกรธ แล้วกระโดดลงไป น้ำในแม่น้ำเย็นเยือกไปถึงกระดูกจริง ๆ หยุนหว่านหนิงกระโดดลงไปก็รู้สึกเหมือนกระโดดลงไปในบ่อน้ำแข็ง
แล้วถอนหายใจอีกครั้ง ฉินซื่อเสวียผู้นี้ เป็นคนโหดเหี้ยมจริง ๆ!
นางว่ายไปหา ฉินซื่อเสวียอย่างสั่นสะท้าน
โม่เยว่ยืนอยู่ข้างศาลา สายตาจดจ้องที่หยุนหว่านหนิง
นางคิดจะทำอะไร?
แม้ต้องการที่จะช่วยฉินซื่อเสวียบอกให้นางกำนัลกระโดดลงไปก็ได้ เหตุใดต้องกระโดดลงไปช่วยด้วยตัวเอง
เขาไม่คิดว่าหยุนหว่านหนิงจะเป็นคนจิตใจดี
เป็นโม่เยว่ที่เข้าใจหยุนหว่านหนิง
หลังนางกระโดดลงไป ในมือถือเข็มเงินไว้แล้ว ก็ว่ายน้ำไปถึงด้านข้างฉินซื่อเสวียคว้าแขนของนาง ใช้แรงลากนางไปที่ฝั่ง
แต่ฉินซื่อเสวียก็กรีดร้องขึ้นมา
ไม่รู้ว่า เป็นเพราะถูกแช่แข็งด้วยน้ำเย็นนี้ หรือเกิดอะไรขึ้น
นางออกแรงดิ้นรนอยู่ในน้ำสุดกำลัง ตบไปมา เป็นตายก็ไม่ยอมตามหยุนหว่านหนิงไป
“เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่! หากเจ้าคิดจะให้โม่เยว่ลงมาช่วยเจ้า งั้นก็รอให้ตายเถอะ เขาก็ไม่มีทางมาช่วยเจ้าหรอก”
หยุนหว่านหนิงหอบหายใจแรง ใช้แรงลากนาง “ถ้าเจ้ายังไม่ขึ้นไป ก็จมน้ำตายในธารน้ำแข็งเถอะ!”
“เจ้าจะทำอะไรข้า!”
ฉินซื่อเสวียดิ้นรน แล้วตะคอกใส่นาง
“ข้าช่วยเจ้าขนาดนี้! ข้ายังจะทำอะไรเจ้าอีก!”
หยุนหว่านหนิงก็ตะคอก
อย่างไรก็ตาม เข็มเงินในมือนาง กลับแทงข้อเท้าของฉินซื่อเสวียเต็มแรง!
เสียงกรีดร้องไม่หยุดหย่อน
เพราะเสียงตะโกนของนางกำนัล ดึงดูดคนเข้ามาไม่น้อย แม้แต่ฮองเฮาและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในตำหนักไท่เหอ ก็ถูกทำให้ตื่นตระหนก ค่อย ๆ ทยอยมาที่นี่
ฉินซื่อเสวียที่แหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำ โม่เยว่สั่งนางใน “ยังไม่ลงไปช่วยคนอีก”
โม่จงหรานและคนอื่น ๆ ก็เข้ามาถึงศาลา
โม่หุยเฟิงเห็นคนที่ตกไป เป็นฉินซื่อเสวียกับหยุนหว่านหนิงจริงด้วย……
พุ่งถามโม่เยว่ทันที “เจ้าเจ็ด!เจ้าสั่งสอนหวังเฟยของเจ้าได้ยังไง ซื่อเสวียว่ายน้ำไม่เป็น แต่หยุนหว่านหนิงผลักนางลงไปไช่ไหม?!”
พาลไม่ยอมฟังเหตุผล!
“เจ้าสาม อย่าพูดเหลวไหล”
โม่จงหรานตะโกนเสียงทุ้ม “หากเป็นหว่านหนิงผลักซื่อเสวียลงไป”
“งั้นเหตุใด ต้องกระโดดลงไปช่วยนางเล่า”
โม่หุยเฟิงตอบไม่ได้ ยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่เต็มใจ
เสด็จพ่อเข้าข้างเจ้าเจ็ด!จริง ๆ ด้วย
ขณะนางในลงไปช่วยเหลือ ฉินซื่อเสวียกับหยุนหว่านหนิงต่างก็ขึ้นฝั่งแล้ว ฉินซื่อเสวียตัวสั่นจากความหนาวเย็น ฮองเฮาจ้าวรีบสั่งให้นางในสวมเสื้อคลุมให้นาง
นางเปียกโชกไปทั้งตัว เส้นผมเปียกชุ่มแนบบนใบหน้า
ดูแล้ว น่าสงสาร
เต๋อเฟยเกลียดหยุนหว่านหนิงมาก ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ไม่ได้สั่งให้นางกำนัลสวมเสื้อคลุมให้นาง
ตอนหยุนหว่านหนิงกระโดดลงไปเมื่อครู่ โม่เยว่ถอดเสื้อคลุมของตนออกแล้ว
ขณะนั้นเขาก้าวไปข้างหน้า สวมเสื้อคลุมให้นางด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นอย่างนี้ ฉินซื่อเสวียมองไปที่โม่หุยเฟิงด้วยความผิดหวัง
ด้านหลังเขา หยุนติงหลานที่น่าสงสารยืนอยู่ตรงนั้น……เรื่องวางยาพิษครั้งที่แล้ว นางยังไม่ได้ชำระบัญชีนี้กับหยุนติงหลานเลย นังชั้นต่ำนั้นยั่วยวนท่านอ๋องในที่สาธารณะ!
ฉินซื่อเสวียเกลียดนางเข้ากระดูกดำ
ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น โม่จงหรานสั่งนางในให้พาพวกนางไป
หลังจากจัดการเสร็จ ขณะหยุนหว่านหนิงจาม ก็เข้าตำหนักไท่เหอ
ฉินซื่อเสวียนำนางหนึ่งก้าว ก็เป็นดอกสาลี่ต้องหยาดฝนในพระราชวังหลวง
นางรำได้ถอยออกไป
บรรดาข้าราชการและสตรีชนชั้นสูง เห็นหยุนหว่านหนิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าซับซ้อน
โม่จงหรานและคนอื่นๆ นั่งบนที่นั่งด้านบน สีหน้าก็ไม่ได้ดูดี เห็นนางเดินเข้ามา เต๋อเฟยเป็นคนแรกที่ติเตียน กล่าวอย่างโกรธเคือง “หยุนหว่านหนิงเจ้ายังไม่คุกเข่าลงอีก?!”
คุกเข่า?
เพราะอะไรนางถึงต้องคุกเข่า
หยุนหว่านหนิงมองไปที่โม่เยว่ด้วยหางตา เห็นเขาไม่ได้แสดงออกอะไร ก็รู้ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้พวกเขารังแกนาง
ขณะนั้น เขาจึงคุกเข่าลงช้า ๆ “บังอาจถามเสด็จแม่ ลูกสะใภ้ทำอะไรผิดหรือ”
ไม่รอเต๋อเฟยเปิดปาก ยิ่งกั๋วกง หยุนเจิ้นซงด้านขวามือก็ตำหนิด้วยเสียงอันแผ่วเบา “พระชายาหมิงมารยาทต่ำทราม!เรื่องที่เจ้าผลักพระชายาหยิงตกน้ำ จะอธิบายว่าอย่างไร”
ที่แท้ ฉินซื่อเสวียกล่าวว่า เป็นนางที่ผลักนางตกน้ำ?
โม่เยว่อยู่ด้วย และรู้ความจริง
ทำไม เขาไม่ช่วยนางอธิบาย
หรือว่า เป็นเพราะอยู่ฝั่งของ ฉินซื่อเสวียหรือ
จู่ๆ หยุนหว่านหนิงก็หัวเราะเยาะขึ้นมา “ยิ่งกั๋วกงใครบอกท่านกัน ว่าเป็นข้าผลักพระชายาหยิงตกน้ำ”
“คือ……”
หยุนเจิ้นซงทำหน้าลำบากใจ
ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีคนพูด ว่าเป็นนางผลักฉินซื่อเสวียตกน้ำจริง ๆ
ท้ายที่สุด คำพูดเดิม ๆ ของฉินซื่อเสวียคือ “ล้วนเป็นข้าที่ไม่ดีเอง ทำให้พระชายาหมิงเข้าใจความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องหมิงผิด!ล้วนเป็นความผิดข้าเอง ไม่เกี่ยวข้องกับพระชายาหมิง”
ในคำพูดของนาง ไม่ได้ระบุว่าเป็นหยุนหว่านหนิงผลักเธอตกน้ำ
แต่ความหมายโดยนัย ก็มีเพียงความหมายเดียวเท่านั้น!
ไม่ใช่เพียงหยุนเจิ้นซงผู้คนล้วนคิดว่า เป็นหยุนหว่านหนิงผลักนางตกน้ำ
ฉินซื่อเสวียกลัวจะถูกนางแค้นใจ ดังนั้นเลยไม่พูดตรง ๆ
ผู้คนมองนางอย่างเห็นอกเห็นใจ
ฉินตงหลินพ่อของฉินซื่อเสวียพูดอย่างไม่พอใจทันทีว่า “พระชายาหมิงที่ท่านไม่ยอมรับหรือ จะกล่าวว่า เป็นพระชายาหยิงที่กระโดดลงไปด้วยตัวเอง แล้วใส่ร้ายท่านใช่ไหม?!”
หยุนหว่านหนิงกลอกตาอย่างควบคุมอารมณ์
ก็มันเป็นเรื่องเช่นนี้จริง ๆ นี่!
แต่ว่า เห็นชัดแล้วว่าผู้คนไม่เชื่อ
หยุนหว่านหนิงถามฉินซื่อเสวีย “ขอถามพระชายาหยิงตอนนั้นเป็นข้าที่ผลักเจ้าตกน้ำหรือ”
เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองที่ดุดันของนางฉินซื่อเสวียหลบตา ก้มหน้าลงตอบด้วยเสียงเบาว่า “ข้าไม่พูดว่า เป็นเจ้าผลักข้าตกน้ำ”
“แต่เจ้าไม่ได้บอกว่า ไม่ใช่ข้าที่ผลักเจ้าตกน้ำ!”
หยุนหว่านหนิงยกตนข่ม “เจ้าอธิบายให้ข้าฟังหน่อย”
“มิฉะนั้น คืนนี้ข้าจะเปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น!”
ดวงตาของ ฉินซื่อเสวียฉายวาว สีหน้าแสดงออกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
เต๋อเฟยรักฉินซื่อเสวียกว่าแม่สาที่แท้จริงอย่างฮองเฮาจ้าว
เมื่อเห็นว่าหยุนหว่านหนิงทำให้นาง”ลำบาก” ก็ตําหนิอย่างโกรธเคืองทันทีว่า “หยุนหว่านหนิง! เจ้ากําลังข่มขู่ฉินซื่อเสวียต่อหน้าพวกเราทุกคนหรือไม่?
“เรื่องตอนนั้นอะไร ข้าใคร่อยากฟัง!”
“เพคะ!”
นาง หยุนหว่านหนิงคงต้อง ขอบคุณเต๋อเฟยสำหรับ “ความช่วยเหลือจากสวรรค์” นี้แล้ว!
ฉินซื่อเสวียที่อยู่ด้านข้าง สีหน้าเปลี่ยนทันที!
(1) ดอกสาลี่ต้องหยาดฝน หมายถึง เปรียบเทียบดอกสาลี่กับใบหน้าของสตรีที่เมื่อเปียกปอนก็ยังดูงดงาม