อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 62 ตบหน้าพวกแสร้งใสซื่อ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ ตอนที่ 62 ตบหน้าพวกแสร้งใสซื่อ
เดิมทีนางที่จะอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เพื่อปกปิดเรื่องนี้ให้ผ่านไป ในใจคิดเกี่ยวกับคำกล่าวลาแล้ว
แต่เต๋อเฟยถามอย่างนี้ หยุนหว่านหนิงจะต้องพูดออกมาอย่างแน่นอน!
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ฉินซื่อเสวียไม่กลัวเลยสักนิดเดียว
แต่ ตอนนี้นางคาดการณ์อะไรไม่ได้ ท่าทีของโม่เยว่ที่มีต่อเธอเป็นอย่างไร……ถ้าหาก เขาเข้าข้างหยุนหว่านหนิงจริง ๆ นางก็จะไม่จบเห่หรือไร?!
ดังนั้น ฉินซื่อเสวียจึงพูดอย่างเร่งรีบว่า “เต๋อเฟยเหนียงเหนียง”
“ไม่ใช่พระชายาหมิงผลักข้าตกลงไป”
แต่ท่าทางที่เศร้าโศกของนาง ทำให้ผู้คนปักใจเชื่อว่า เป็นหยุนหว่านหนิงที่รังแกนาง!
เต๋อเฟยโบกมือ “ซื่อเสวียเจ้าวางใจ หากนางทำร้ายเจ้าจริง ๆ คืนนี้ข้า ฮ่องเต้และฮองเฮา จะตัดสินให้เจ้าเอง!”
“พูดมา!”
นางจ้องไปที่ หยุนหว่านหนิงอย่างโกรธเคือง “คืนนี้เจ้าบอกเหตุผลที่จะมาไม่ได้”
“ข้าจะลงโทษเจ้า!”
วันนี้เป็นวันเกิดของนาง เดิมทีควรจะครื้นเครง
การที่หยุนหว่านหนิงก่อเรื่องนี้ ทำให้ในใจเต๋อเฟยเต็มไปด้วยความโกรธ!
ฉินซื่อเสวีย “……”
หยุนหว่านหนิงยิ้มกว้างเต็มใบหน้า “เพคะเสด็จแม่!”
นางพูดทันทีว่า ที่ศาลาคืนนี้ฉินซื่อเสวียเรียกโม่เยว่ว่า “พี่เย่ว” แล้วตามติดเขาอย่างไร กล่าวคำพูดที่ว่ารักไม่รักอะไรพวกนั้น
หยุนหว่านหนิงพูดไหลลื่น อย่างไม่หยุดหย่อน
ฉินซื่อเสวียซึ่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ นาง แทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะหาทางแทรก!
นังหยุนหว่านหนิงชั้นต่ำ ในสมองมันคิดอะไรเอาไว้กันแน่?!
ความรักบ้าอะไรกัน ต่อหน้าผู้คน คาดไม่ถึงว่าจะพูดออกมาได้!
“ไม่ใช่!ข้าไม่ได้ทำ! ข้าไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดอะไรอยู่!”
ฉินซื่อเสวียรีบออกมากล่าวปฏิเสธทันที “ข้าไม่รู้ว่าทำให้พระชายาหมิงขุ่นเคืองใจตรงไหน ถึงปั้นน้ำเป็นตัวใส่ข้ากับอ๋องหมิงเช่นนี้”
นางยกแขนเสื้อขึ้นปิดหน้าร้องไห้ “ฮื่อ” ออกมา
เหอะ
ดูเหมือนตอนที่อยู่ในศาลา ที่หยุนหว่านหนิงฉีกทึ้งนาง ยังฉีกไม่ร้ายพอสินะ!
แต้มรอยยิ้มการค้าบนริมฝีปากของนาง “พระชายาหยิงในเมื่อเจ้าปฏิเสธ……ถ้าเช่นนั้นข้าอยากจะถามเจ้าว่า มืดค่ำอันตรายเจ้าไม่อยู่ตำหนักไท่เหอแล้วไปทำอะไรที่ศาลากัน?”
“ข้า……”
สายตาฉินซื่อเสวียลุกลน “ข้า ข้าดื่มมากเกินไปเลยเมานิดหน่อย จึงออกไปสูดอากาศสักหน่อย”
“ในเมื่อออกไปสูดอากาศ เหตุใดอยู่กับท่านอ๋องของข้า ตามลำพังด้วยกัน”
“ข้าไม่รู้! ข้าเป็นคนไปที่ศาลาก่อน ไม่รู้ว่าอ๋องหมิงมาได้อย่างไร!”
คำตอบนี้ แม้แต่เต๋อเฟยก็ไม่พอใจเล็กน้อย
ความหมายของคำพูดฉินซื่อเสวียคือเยว่เอ๋อร์เป็นคนเริ่มตามนางไปไม่ใช่หรือ
ระหว่างหยุนหว่านหนิงกับฉินซื่อเสวียแน่นอนว่านางอบคนหลังมากกว่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า จะปฏิบัติต่อฉินซื่อเสวียเหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของนาง แล้วปล่อยให้นางอ้างถึงลูกชายของนางเองได้!
หยุนหว่านหนิงยังไม่ได้พูดอะไร โม่เยว่ก็เปิดปากอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“เป็นพระชายาหยิงส่งคนมาเชิญข้า”
ประโยคเดียว ตบหน้า ฉินซื่อเสวียอย่างไม่ลังเล!
ใบหน้านาง กลายเป็นขาวซีดทันที!
โม่จงหรานและคนอื่น ๆ ก็มองไปที่ฉินซื่อเสวียอย่างไม่อยากเชื่อ……เมื่อเห็นนางแข็งทื่อเหมือนหิน คุกเข่าลงบนพื้นอย่างตะลึงงัน และมองโม่เยว่ด้วยดวงตาที่พร่ามัว
โม่หุยเฟิงก็รู้สึกว่า โดนตบหน้าในที่สาธารณะ
เขากัดฟัน “เจ้าเจ็ด เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“พี่สามเข้าใจหมายความว่าอย่างไร ก็หมายความว่าอย่างนั้น”
โม่เยว่ใบหน้าแต้มรอยยิ้ม
“เจ้า……”
สีหน้าโม่หุยเฟิงเขียวคล้ำ!
สามีภริยาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก่อพลังยิ่งใหญ่
หยุนหว่านหนิงใช้โอกาสนี้พูดอีกครั้ง “พระชายาหยิงเจ้ากับข้า มีความบาดหมางกัน คำที่ข้าพูดย่อมไม่เชื่อ งั้นคำที่ท่านอ๋องของข้าพูด ก็ควรจะเชื่อแล้วล่ะ”
นางยิ้มเย็น “เจ้ากล้าพูดว่า เจ้าไม่ได้สั่งนางในมาเชิญข้าไปที่ศาลาไหม”
สีหน้าสงบนิ่งของผู้คนเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น
นี่มันเป็นเรื่องราวอย่างไรกัน!
หรือว่าพระชายาหยิงยังไม่ลืมอ๋องหมิง
พวกเขาสองคน ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างแต่งงานมาสี่ปีแล้วไม่ใช่หรือ!
ฉินซื่อเสวียไม่กล้าสบตาหยุนหว่านหนิงแล้วพูดตะกุกตะกักว่า “ข้า ข้าอยู่ดีๆ เหตุใดต้อง ต้องสั่งนางกำนัลเชิญเจ้ามาที่ศาลาเล่า”
“งั้นข้าก็ไม่อาจทราบแล้ว”
หยุนหว่านหนิงแสดงหน้าอย่างไร้เดียงสา “บางที อาจเป็นทำให้ข้าเข้าใจผิดความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องกับเจ้าล่ะ”
“ข้าไม่ได้ทำ!”
ฉินซื่อเสวียไม่กล้าโต้แย้งกับนางอีก
นางหันไปมองโม่หุยเฟิงอย่างกังวล และกล่าวกับฮองเฮาจ้าวว่า “เสด็จแม่ ลูกสะใภ้ไม่ได้ทำ!ลูกสะใภ้ก็ไม่อาจทราบ เหตุใดพระชายาหมิงถึงกัดลูกสะใภ้ไม่ปล่อย”
“นางหลงใหลอ๋องหมิงทั้งใจ และริษยาลูกสะใภ้ที่เคยหมั้นหมายกับอ๋องหมิง”
“ถึงจะเกลียดังลูกสะใภ้ก็ช่างงเถิด! แต่ระหว่างลูกสะใภ้กับอ๋องหมิงนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่อง! ”
นางเริ่มร้องไห้อีกครั้ง “ลูกสะใภ้ถูกปรักปรำ……”
“ถูกปรักปรำหรือเจ้ามีแผนการอื่น ให้ข้านำหลักฐานออกมาแสดงหรือไม่”
เมื่อเห็นว่าฉินซื่อเสวียเริ่ม “ฮื่อฮือ” อีกครั้ง หยุนหว่านหนิงกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์
ตอนนั้นเอง เต๋อเฟยเริ่ม “ความช่วยเหลือจากสวรรค์” อีกครั้ง “นำออกมา!ถ้าเจ้าไม่อาจแสดงหลักฐานได้ เพียงพูดเปล่าปรักปรำซื่อเสวียกับเยว่เอ๋อร์ ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ให้อภัยเจ้า!”
“เพคะ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มกว้าง
นางคว้าแขนของฉินซื่อเสวียมา
“เจ้าจะทำอะไร……”
ฉินซื่อเสวียต้องการดึงมือกลับมาตามสัญชาตญาณ แต่เพราะเคลื่อนไหวที่กว้างเกินไป ก็เห็นของบางอย่างร่วงออกมาจากระหว่างแขนเสื้อของนาง ตกลงไปที่พื้นพร้อมกับเสียง “ตุ้บ”
เพียงเห็นของที่ร่วงตกลงมา ปรากฏว่าเป็นน้ำป่ายฮัวขวดหนึ่ง!
ขณะนั้น ฉินซื่อเสวียตกตะลึง!
ผู้คนไม่รู้ว่าน้ำป่ายฮัวนี้มาจากไหน แต่สายตาของเต๋อเฟยกลับมืดคล้ำ
น้ำป่ายฮัวขวดนี้ เห็นชัดว่าวันนี้ที่ตำหนักหย่งโซ่วนางของที่มอบให้หยุนหว่านหนิง!
ทำไมถึงอยู่ในมือของฉินซื่อเสวียได้?!
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วมองนาง “ขอถามพระชายาหยิงจะอธิบายเรื่องน้ำป่ายฮัวขวดนี้อย่างไร”
ฉินซื่อเสวียหลบสายตา สีหน้าเริ่มลุกลี้ลุกลน “ข้า ข้า…… น้ำป่ายฮัวขวดนี้ วันนี้ตอนข้าเข้าวัง ก็พกมาจากจวนอ๋อง”
“ใช่หรือ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็น “นั่นไม่ใช่ขวดที่เสด็จแม่มอบให้ข้าวันนี้หรือ?”
นางหยิบน้ำป่ายฮัวจากพื้นขึ้นมา “อยู่ๆ งั้นเจ้าพกน้ำป่ายฮัวเข้ามาในวัง ทำอะไรกัน?”
“เกรงว่าเจ้าจะยังไม่รู้ว่าน้ำป่ายฮัวในวัง ล้วนได้รับการจดทะเบียนทั้งหมด”
ขณะพูด ค่อย ๆ ชี้ก้นขวด ไปตรงหน้าฉินซื่อเสวีย
ก็เห็นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ติดอยู่ที่ก้นขวด บนนั้นเขียนไว้สามคำว่า ตำหนักหย่งโซ่ว
ตอนนั้นเอง ฉินซื่อเสวียก็พูดไม่ออก!
“เสด็จแม่ วันนี้ที่ตำหนักหย่งโซ่วท่านมอบน้ำป่ายฮัวขวดนี้ให้ลูกสะใภ้เนื่องจากลูกสะใภ้ไม่สะดวกที่จะพกติดตัว จึงมอบให้ท่านอ๋องของข้า”
หยุนหว่านหนิงหันหน้ามองโม่เยว่ “ท่านอ๋อง?”
ในเวลานี้เอง ชายปากหมาผู้นี้ห้ามทำให้นางขายหน้าเด็ดขาด!
โม่เยว่ตรวจสอบกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วพยักหน้าอย่างไร้ความรู้สึก “น้ำป่ายฮัวขวดนั้นของหนิงเอ๋อร์ หายไปแล้ว”
เสียงดัง “ตูม” ฉินซื่อเสวียได้ยินเพียงเลือดทั่วร่างกาย ไหลทวนจากฝ่าเท้า พุ่งขึ้นมาบนศีรษะ!
“พระชายาหยิงเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเหมือนไม่ยิ้มแล้วมองไปที่ฉินซื่อเสวีย “ถ้าหลักฐานนี้ไม่น่าเชื่อถือพอ ข้าสามารถหาหลักฐานอื่นได้”
เต๋อเฟยขมวดคิ้วแน่น
เดิมทีนางต้องการลงโทษหยุนหว่านหนิงแล้วปกป้องฉินซื่อเสวีย
ใครจะไปรู้ ช่างเป็นอะไรที่ไม่คาดคิดจริง ๆ
กลับเป็นการช่วยหยุนหว่านหนิงทางอ้อมแทน เป็นการยืนยัน “ความผิด” ของฉินซื่อเสวีย?!
เมื่อเห็นว่าฉินซื่อเสวียไม่อาจตอบได้ หยุนหว่านหนิงส่ายหัวเล็กน้อย ตั้งใจจะแสดงหลักฐานที่สอง “เด็ก ๆ ……”
น้ำป่ายฮัวขวดนั้น ฉินซื่อเสวียก็มีเหตุผลหลายประการที่จะลบล้างความผิด ตัวอย่างอย่างเช่นนางเก็บกลับ
แต่หลักฐานต่อไปนี้ จะทำให้นางไม่อาจพลิกกลับมาได้!