อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 64 คดในข้อ งอในกระดูก
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ ตอนที่ 64 คดในข้อ งอในกระดูก
ที่ตำหนักไท่เหอ ใกล้ยามไฮ่ งานเลี้ยงดำเนินไประยะหนึ่งแล้ว
บรรยากาศในพระตำหนักครื้นเคลงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในวันธรรมดาโม่จงหรานอยู่เบื้องบนสูงส่ง ช่วงเริ่มของงานเลี้ยงในพระราชวัง ข้าราชบริพารเหล่านี้ยังไม่อาจมีความกล้าขยับมือขยับเท้า
แต่ภายใต้ฤทธิ์สุรา คนไม่น้อยก็เริ่มขยับมือไม้ เผยให้เห็นธาตุแท้ของตน
แม้แต่ เริ่มมีคนร่ำสุราโดยตรง คารวะสุรากับโม่จงหรานและเต๋อเฟย
ฮองเฮาจ้าวมองด้วยสายตาเย็นชา
ช่างเถอะ ฮองเฮาอย่างนางเป็นคนที่มากเกินความจำเป็น เป็นคนอ่อนที่ไม่มีความสามารถ!
ดังนั้น นางขอตัวอ้างว่าไม่สบายแล้วจากไปก่อน
ฉินซื่อเสวียที่ทำผิดพลาดในคืนนี้ กลัวว่าวันพรุ่งนี้จะถูกฮองเฮาจ้าวลงโทษ ดังนั้นเมื่อนางออกไป ฉินซื่อเสวียก็เชื่อฟังตามไป ประคองนางกลับตำหนักคงหนิง
เมื่อเข้าประตู ฮองเฮาจ้าวทนไม่ไหวอีกต่อไป แล้วระเบิดโทสะออกมา
เมื่อเห็นอะไรก็ทุบสิ่งนั้น พื้นเละเทะไปหมด
ฉินซื่อเสวียถูกทำให้ตกใจมากจนไม่กล้าหายใจ
“พวกเจ้ามันไม่ได้ความ!”
ฮองเฮาจ้าวชี้ไปที่ฉินซื่อเสวียอย่างโกรธเคือง “แต่ละคน ล้วนไม่ทำให้ข้าสบายใจ!”
นางไม่ได้รับความโปรดปรานก็ช่างเถิด โม่หุยเหยียนกับโม่หุยเฟิง ก็อยู่ในสายตาของโม่จงหราน
แม้แต่ ลูกสะใภ้ทั้งสองคนของนาง คนหนึ่งไม่ได้ความกว่าอีกคน
หนานกงเยว่มีนิสัยสงบเสงี่ยม ไม่ชิงดีชิงเด่น จึงดูหมิ่นการชิงความโปรดปราน
ฉินซื่อเสวียมีใจจะสู้ สู้ชนะไม่ได้!
“โจวหยิงหยิงเป็นคนมีคารมคมคาย วันวันแม้แต่ข้าก็ไม่ใส่ใจ!ทางนั้นก็ช่างเถอะ แม้แต่ตอนนี้นังคนชั้นต่ำหยุนหว่านหนิง พวกเจ้ายังสู้ไม่ได้อีกหรือ?!”
มารดาผู้ให้กำเนิดของหม้อห้านอี่ว์คืออดีตหลิ่วกุ้ยเฟย
หลังจากการตายของหลิ่วกุ้ยเฟย โม่จงหรานก็โปรดปรานแต่เต๋อฟย
ยังมีพ่อของ โจวหยิงหยิงแล้ว เป็นแม่ทัพของราชสำนัก ความดีความชอบโดดเด่น
ดังนั้น สามีภรรยาคู่นี้ แม้ในวังจะไม่มีหลิ่วกุ้ยเฟยปกป้อง อยู่ที่เมืองจิงก็เดินอาละวาดไม่หวั่นเกรงใคร
กลับกันหยุนหว่านหนิง…
พ่อแท้ไม่รักใคร่ แม่เลี้ยงไม่ใคร่รัก
แม้แต่แม่สามีอย่างเต๋อเฟย ก็เกลียดนางเข้ากระดูกดำ
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงโม่เยว่ แม้คืนนี้จะปกป้องนาง……แต่ฮองเฮาจ้าวเป็นผู้มองดู ทำไมจะดูไม่ออกว่าระหว่างทั้งสอง ไม่เหมือนสามีภรรยาทั่วไปที่มีความสุขสักนิดเดียว
คงจะ เป็นสามีภรรยารักเพียงผิวเผิน!
เพราะเหตุนี้ หยุนหว่านหนิงเป็นพวกหัวเดียวกระเทียมลีบ!
แม้หยุนหว่านหนิงจะไม่สามารถรับมือได้ นางทำพวกนางเพื่อประโยชน์อะไร?!
“ร้ายดีอย่างไรพ่อเจ้าเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี ข้าก็สนับสนุนเจ้าทั้งคู่ด้วย เหตุใดถึงจบลงด้วยการเป็นคนที่พ่ายแพ้หยุนหว่านหนิง?!”
ฮองเฮาจ้าวถามหลายครั้งติดต่อกัน
มองฉินซื่อเสวียคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความกลัว ไม่ได้โต้แย้งสักครึ่งคำ
โทสะในใจของฮองเฮาจ้าว ถึงลดลงไปหลายส่วน
“ซื่อเสวีย ไม่ใช่ว่าข้าต่อว่าต่อขานเจ้า”
นางถอนหายใจแผ่วเบา ส่งสัญญาณให้แม่นมจางประคองฉินซื่อเสวียขึ้นมา “เป็นเพราะข้าร้อนใจแทนพวกเจ้า!เมื่อก่อนเจ้าเจ็ดไม่ได้ความ”
“เจ้าเสองมีใจทะเยอทะยาน แต่ไร้ความสามารถและขี้กลัว”
“เจ้าสี่เป็นคนขี้โรค เจ้าหกก็จากไปนานแล้ว”
นางถอนหายใจอีกครั้ง “เจ้าใหญ่จะเป็นลูกแท้ ๆ ของข้า แต่นิสัยอ่อนโยนไม่ชิงดีชิงเด่น ในท้ายที่สุดบัลลังก์จะเป็นต้องของเฟิงเอ๋อร์เท่านั้น”
“แต่ตอนนี้เจ้าก็เห็น!เจ้าเจ็ดเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ แม้แต่ภรรยาของเจ้าเจ็ดก็ยังเป็นคนที่เก่งกาจ”
ฮองเฮาจ้าวส่ายหัว “ใจข้านั้น ร้อนรน!”
นางลดเสียงลง ฉินซื่อเสวียรู้สึกเหมือนกันทันที
“ลูกสะใภ้เข้าใจความกังวลใจของเสด็จแม่เพคะ”
เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่อฟัง บีบไหล่ของฮองเฮาจ้าวเบา ๆ “แต่ว่าเสด็จแม่โปรดวางใจ ลูกสะใภกับท่านอ๋อง มีแผนการแล้วเพคะ”
“งั้นก็ดี!”
ฮองเฮาจ้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แม้ข้าจะเป็นฮองเฮา”
“แต่ว่า ฮ่องเต้โปรดปรานแต่เต๋อเฟย!บางทีวันหนึ่ง เต๋อเฟยพูดอะไรกับฮ่องเต้ พวกเรานั้นตายได้อย่างไรก็อาจไม่รู้!”
ฉินซื่อเสวียขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพียงรับฟังฮองเอากล่าว “ข้ารู้ ว่าเจ้าเป็นเด็กดี”
“เจ้าควรรู้ไว้ด้วยว่า ตอนนี้ข้าเป็นเพียงฮองเฮาแต่ชื่อเท่านั้น ทั้งหมดนี้ หากไม่ได้วางแผนล่วงหน้าไว้เพื่อพวกเจ้า ข้ากลัวว่า……”
นางลังเลที่จะพูดต่อ
แต่ไม่จำเป็นต้องพูดคำต่อไป ฉินซื่อเสวียก็เข้าใจ
ความกังวลและความร้อนใจของฮองเฮาจ้าว นางก็รับรู้เหมือนกัน
แต่ว่า ฉินซื่อเสวียก็มีปัญหาของตัวนางเองเช่นกัน
นางยกมือขึ้นและเช็ดน้ำตาเบา ๆ “เสด็จแม่ มีเรื่องบางอย่างที่ลูกสะใภ้เก็บไว้ใจมานานแล้ว! อยากจะขอคำชี้แนะจากเสด็จแม่เพคะ”
“เจ้าว่ามา”
“ท่านอ๋องเขา……”
ฉินซื่อเสวียกัดริมฝีปากเบา ๆ “ท่านอ๋องสนใจคุณหนูรองหยุนแห่งจวนยิ่งกั๋วกง ลูกสะใภ้คิดว่า หยุนหว่านหนิงแต่งกับอ๋องหมิง พวกเรากับจวนยิ่งกั๋วกงก็ควรขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนนะเพคะ”
“เพราะงั้น ไม่อยากให้ท่านอ๋องแต่งคุณหนูรองหยุนเข้ามาเพคะ”
“ใครจะรู้ ใครจะรู้ว่าท่านอ๋องจะไม่เห็นด้วย ไม่เพียงลงมือกับลูกสะใภ้ทั้งยัง กักขังลูกสะใภ้ตั้งนาน……”
ยิ่งเล่ายิ่งแค้นใจ ฉินซื่อเสวียรู้สึกเสียใจจนร้องไห้อย่างขมขื่น
นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาจ้าวทันที “เสด็จแม่ ไม่ว่าจะรับผู้หญิงของตระกูลไหนเข้ามา แต่คุณหนูรองหยุนไม่ได้เด็ดขาดนะเพคะ! ลูกสะใภ้รู้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงไม่กล้าเปิดเผยออกมาง่าย ๆ ”
“คืนนี้ ทำได้แค่ขอร้องเสด็จแม่ช่วยชี้แนะเพคะ”
ยังไม่ทันรับหยุนติงหลานเข้ามา ก็ยุแยงนางกับโม่หุยเฟิงแตกคอกัน
ถึงขนาด ทำให้นางถูกโม่หุยเฟิงกักขังและลงมือ!
หากรับเข้ามาละก็……
ด้วามโปรดปรานของโม่หุยเฟิงที่มีให้นาง เกรงว่าสถานการณ์นางในอนาคต จะเหมือนกับฮองเฮาจ้าว
มีชื่อเสียงจอมปลอม
แล้วหยุนติงหลานก็จะเป็นเต๋อเฟยคนที่สอง!
สถานการณ์อย่างนี้ ฉินซื่อเสวียไม่ยอมโดยเด็ดขาด!
“เอ๊ะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ!”
ฮองเฮาจ้าวประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของนางตกใจเล็กน้อย “เฟิงเอ๋อร์บอกข้า บอกว่าเจ้าไม่สบายจึงให้เจ้าพักฟื้นร่างกายที่จวนอ๋อง”
ฉินซื่อเสวียไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้
เห็นดังนี้ ฮองเฮาจ้าวกัดฟันอย่างโกรธจัด
“แม่นมจาง ไปนำนังมารผจญมาให้ข้า!”
นางมองแม่นมจางด้วยความโกรธ
“เสด็จแม่ ไม่ต้องหรอกเพคะเสด็จแม่”
ฉินซื่อเสวียรีบหยุดรั้ง “ถ้าท่านอ๋องรู้ ที่ลูกสะใภ้ฟ้องต่อหน้าท่าน เกรงว่า ลูกสะใภ้จะถูกท่านอ๋องเอือมระอาอีก!”
ฮองเฮาจ้าวทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
นางประคองฉินซื่อเสวียด้วยมือตัวเอง “ช่างน่าเศร้าเสียจริง!เจ้าวางใจ เรื่องนี้ข้าจะต้องจัดการให้เจ้าแน่”
“คุณหนูรองจวนยิ่งกั๋วกงคนนั้น ข้าดูแล้วเหมือนปีศาจจิ้งจอกจริง ๆ !”
“ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ จะไม่อนุญาตรับนางเข้าจวนขององค์ชายสองอย่างแน่นอน เจ้าไม่ต้องกังวลไป!”
ถึงกระนั้น ในใจฮองเฮาจ้าว ก็มีการคิดคำนวณเล็กๆ น้อยๆ
ฉินซื่อเสวียมีแผนการของนาง ฮองเฮาจ้าวก็มีความคิดของนาง
แม่สามีและลูกสะใภ้ ต่างก็คดในข้อ งอในกระดูก
ฮองเฮาจ้าวคิดว่า แม้ว่า หยุนเจิ้นซงจะเป็น ยิ่งกั๋วกงแต่ก็ไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือ
แต่ว่า พ่อตาของเขากู้ป๋อจ้ง……เป็นอดีตราชครู ขุนนางสำคัญในราชสำนักไม่น้อยที่เป็นลูกศิษย์ของเขา แม้กู้ป๋อจ้งจะลาราชการแล้ว แต่ยังเป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อราชสำนัก
ถ้าโน้มน้าวหยุนเจิ้นซงมาได้ ให้เขาเกลี้ยกล่อมกู้ป๋อจ้งสถานะของโม่หุยเฟิงจะมั่นคง……
โอกาสชนะของเฟิงเอ๋อร์ นั้นจะยิ่งมากกว่าเดิม!
ดังนั้น แม้ปากนางจะกล่าวว่า ไม่มีทางรับหยุนติงหลานเข้ามา
แต่ในใจ กลับคิดแผนการในใจแล้ว
ฮองเฮาจ้าวอาจลืมไปว่า กู้ป๋อจ้งเป็นตาของหยุนหว่านหนิง!
แล้วขณะนี้ ฉินซื่อเสวียเพิ่งจะออกมาจากตำหนักคงหนิง ก่อนเข้าตำหนักไท่เหอก็ได้ยินเสียงจากข้างในตำหนัก มีน้ำเสียงวาบหวามที่ดังขึ้น……