อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 68 กล้าเดิมพันหรือไม่
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ ตอนที่ 68 กล้าเดิมพันหรือไม่
สตรีนางนี้ มีหูทิพย์ตาทิพย์หรืออย่างไร
ทุกครั้งที่นางมาพบโม่เฟยเฟยที่ตำหนักเว่ยหยาง นางมักจะมาที่นี่โดย “บังเอิญ”
หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ทำให้หยุนหว่านหนิงจะสงสัย ว่านางวางคนจับตาไว้ข้างกายโม่เฟยเฟยหรือไม่ ทุกครั้งที่ฉินซื่อเสวียมา ล้วนมาทันกาลทุกคราว
“องค์หญิงเก้า กล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วมองโม่เฟยเฟย
“เดิมพันอะไร”
โม่เฟยเฟยขมวดคิ้ว
“ก็เดิมพันว่า…… นางจะพยายามอย่างที่สุดที่จะพูดเรื่องไม่ดีของข้าต่อหน้าเจ้าหรือไม่!”
โม่เฟยเฟย “…….เจ้าออกไปก่อนดีกว่าเถอะ”
นางรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตา “นางจะได้ไม่สงสัย”
แต่ว่า เสียงฝีเท้าของฉินซื่อเสวียดังขึ้นนอกตำหนักแล้ว
จะออกไปตอนนี้ ก็สายเกินไปแล้ว
หากถูกนางเห็นว่าการมีอยู่ของปี้จู นางจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน
ดังนั้น หยุนหว่านหนิงจึงวางแผนจะออกไปทางหน้าต่างทันที
ใครจะรู้ว่า จะถูกโม่เฟยเฟยลากลงมา “เจ้าเป็นพระชายาหมิงนะ! ทำเรื่องหยาบคายอย่างนี้ได้อย่างไรกัน หากถูกคนพบเข้า ชื่อเสียงของพี่เจ็ดคงถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนแล้ว!”
โม่เฟยเฟยจ้องมองนางอย่างไม่สบอารมณ์ในความไม่เอาถ่าน มือชี้ไปที่ใต้เตียง
“ซ่อนตัวเถอะ!”
ตลกแล้ว!
ให้พรชายาหมิงผู้สูงส่งอย่างนาง ซ่อนตัวใต้เตียง?!
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็น “องค์หญิงเก้าหมายความว่าอย่างไร ดูถูกข้าผู้นี้หรือ”
วินาทีถัดมา ลากปี้จูมา แล้วซ่อนตัวลงใต้เตียงอย่างฉับไว
เป็นเพราะ เสียงฝีเท้าของฉินซื่อเสวีย เข้ามาใกล้แล้ว
ข้างนอกประตู เสียงอันอ่อนโยนของนางดังเข้ามา “เฟยเฟย? ได้ยินมาว่าช่วงนี้เจ้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ดีขึ้นบ้างไหม ข้าต้มน้ำแกงไก่ที่เจ้าชอบมากที่สุดมาให้เจ้า”
“พี่สะใภสาม”
โม่เฟยเฟยหัวเราะอย่างฝืนใจ “ข้าไม่เป็นไร”
“ต้มน้ำแกงมาทำไม ทำให้ท่านสิ้นเปลืองความคิดเกินไปแล้ว”
ขณะฟัง ก็รู้สึกสุภาพและห่างเหินกันเล็กน้อย
เทียบกับความสนิทสนมในอดีต ก็แทบจะแตกต่างราวกับคนละคน
ฉินซื่อเสวียขมวดคิ้วอย่างนิ่งเฉย ยิ้มแล้ววางชามน้ำแกงไว้ด้านข้าง และส่งสัญญาณให้โม่ลี่ตักน้ำแกงให้โม่เฟยเฟย”ทำไมถึงสิ้นเปลืองความคิดหรือไม่เล่า ความสัมพันธ์พวกเราพี่น้องเหตุใดถึงมองเป็นคนอื่นคนไกลกันล่ะ”
หยุนหว่านหนิงใต้เตียง แหวะ
โม่เฟยเฟย “……”
เมื่อเห็นนางนิ่งเงียบ ฉินซื่อเสวียรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกประหลาด
“เฟยเฟยวันนี้เจ้าเป็นอะไรไป ข้ามองแล้วอารมณ์ไม่ดีหรือ”
ฉินซื่อเสวียถามด้วยความกังวล “ทำไมตาเจ้าแดงจัง หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
นางกุมมือของนางอย่างสนิทสนม แล้วตบเบา ๆ
ถ้าเป็นในอดีต โม่เฟยเฟยคิดเพียงว่านางปฏิบัติต่อนางอย่างดี เห็นนางเหมือนน้องสาวแท้ ๆ แต่เมื่อวันนี้ตรึกตรอง ฉินซื่อเสวียก็มีน้องสาวแท้ ๆ อยู่แล้ว ชื่อฉินเย่ว์หลิ่ว
ฉินซื่อเสวียปฏิบัติต่อน้องสาวแท้ ๆ คนนี้ อย่างไม่ใส่ใจ
แล้วจะ ปฏิบัติต่อน้องสาวสามีอย่างนางดีได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ฉินซื่อเสวียแต่งด้วยเป็นโม่หุยเฟิง ไม่ใช่โม่เยว่
ในแง่ของความสัมพันธ์ หยุนหว่านหนิงถึงจะเป็นพี่สะใภ้ที่แท้จริงของนาง
ยิ่งคิดครุ่นคิด โม่เฟยเฟยก็ยิ่งรู้สึกว่าความดีของฉินซื่อเสวียนั้นมีแผนการ มิฉะนั้นจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร!
ขณะถูกนางกุมมือไว้ โม่เฟยเฟยรู้สึกเพียงขนลุกขนพอง
อีกทั้ง รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง
นางรีบชักมือออก
เป็นเพราะในใจต่อต้านค่อนข้างมาก ฉินซื่อเสวียจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เฟยเฟย เจ้าเป็นอะไรกันแน่ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า วันนี้เจ้าทำตัวแปลกไป”
“เปล่านี่”
โม่เฟยเฟยโกหกไม่เก่ง
นางมองอย่างร้อนตัว รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งฝืดเฝื่อน
ฉินซื่อเสวียดึงมือกลับไปอย่างนิ่งเฉย แม้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าจะกดลึกขึ้น แต่ยิ้มไม่ถึงตา
ดูแล้ว เหมือนหน้าซื่อใจคด
“ข้าได้ยินมาว่า ช่วงนี้พระชายาหมิงมักจะมาเจอเจ้าหรือ”
นางหยั่งเชิงอย่างไม่เผยพิรุธ “มาหาเจ้าทำอะไร เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนผู้คนล้วนรู้แจ้ง นางยังมีหน้ามาเจอเจ้าได้อย่างไร มาเพื่อขอเจ้าให้ยกโทษหรือ”
ขอให้นางยกโทษ?!
ไม่ นางมาเพื่อเตือนนางต่างหาก!
ในช่วงเวลานี้เอง โม่เฟยเฟยก็เข้าใจในที่สุด
คิดจะให้หยุนหว่านหนิงคุกเข่าร้องขอความเมตตา เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
สตรีนางนี้ เอวทำจากเหล็กกล้า!
นางบ่นในใจ แต่นางไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย “ใช่! นางบอกว่านางรู้ว่าผิดแล้ว อยากให้ข้าให้อภัยนาง”
“เฟยเฟยงั้นเจ้าให้อภัยนางแล้วหรือ”
สีหน้าของฉินซื่อเสวีย เห็นได้ชัดว่าประหม่าเล็กน้อย
หากโม่เฟยเฟยให้อภัยหยุนหว่านหนิง……
นังคนชั้นต่ำนั้น พูดเรื่องตอนนั้นออกมา นางจะต้องเชื่อแน่นอน!
ฉินซื่อเสวียไม่ยินยอม ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นอย่างเด็ดขาด!
ดังนั้น ไม่รอให้โม่เฟยเฟยตอบ นางก็รีบพูดว่า “เฟยเฟยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีที่แล้วไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ!”
“ไม่ใช่ว่าข้าอยากพูดเรื่องไม่ดีของพระชายาหมิงลับหลัง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น……”
นางอึก ๆ อัก ๆ แล้วพูดต่อว่า “สำหรับหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานนั้น ชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด! พระชายาหมิงทำให้เจ้าเสียชื่อเสียงเจ้าจะยกโทษให้นางง่าย ๆ ได้อย่างไร”
ฟังคำพูดเสแสร้งเหล่านี้แล้ว หยุนหว่านหนองที่อยู่ใต้เตียงก็หัวเราะ
ฉินซื่อเสวีย ไม่แปลกเลยที่เป็นพวกเสแสร้งอย่างแท้จริง
สีหน้าโม่เฟยเฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
สายตามองลงใต้เตียงอย่างไม่รู้ตัว แล้วก็ละสายตาไปอย่างรวดเร็ว “พี่สะใภพูดมาก็ถูกจริง ๆ”
“หลายปีมานี้ข้า ใช้ชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย ไม่อาจให้อภัยนางได้ง่าย ๆ !”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินซื่อเสวียก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ใช่แล้ว! เจ้าคิดได้อย่างนี้ย่อมเป็นเรื่องดี คิดถึงตอนนั้นข้ากับท่านพี่เยว่ก็ถูกนางทำให้แยกจากกัน”
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่านางจะถูกท่านพี่เยว่กักบริเวณไว้ แต่เมื่อมีโทษก็สมควรได้รับโทษ!”
“การถูกกักบริเวณไม่กี่ปีนิสัยก็ไม่อาจควบคุมได้ นับวันยิ่งโลภมากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าว่า คนอย่างนี้ หากพวกเราไม่ร่วมมือกันต่อต้านนาง วันหน้านางจะทำเรื่องอุกอาจอะไรกับพวกเราก็ไม่อาจยับยั้ง”
ขณะพูด นางยกถ้วยชาในมือ ขึ้นมาจิบเบา ๆ
“ท้ายที่สุด นางเป็นที่เคยต้องโทษ พวกเราไม่อาจไม่ป้องกัน”
คำพูดที่นุ่มนวล แต่ความร้ายกาจกลับไม่ธรรมดา
สีหน้าโม่เฟยเฟยแปลกไป แล้วก้มศีรษะตอบเสียงต่ำ
เห็นนางไม่ค่อยสนใจ เหมือนไม่สนใจจะพูดคุย ฉินซื่อเสวียก็ไม่ใช้คนที่ไม่รู้จักดูสถานการณ์
ดังนั้น จึงวางถ้วยชาลงยืนขึ้นมา “เฟยเฟย งั้นเจ้าพักผ่อนเถอะ! วันพรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้าอีก”
“จริงสิ น้ำแกงไก่เจ้าต้องกินขณะที่ยังร้อนอยู่ ถ้าเย็นแล้วมันไม่ดีต่อกระเพาะ”
“ข้ารู้แล้ว”
โม่เฟยเฟยพยักหน้า มองตามหลังฉินซื่อเสวียที่ออกจากตำหนัก
หลังจากยืนยันว่านางออกไปแล้ว ก็เดินไปที่ประตูตำหนักชั้นใน แล้วเรียงใส่ใต้เตียงอย่างแผ่วเบา “คนไปแล้ว ออกมาเถอะ!”
หยุนหว่านหนิงกับปี้จูใช้มือเท้าไต่ออกมา
เรื่องแก่นแก้วอย่างนี้ ที่จวนอ๋องหมิงไม่ใช่ว่านางไม่เคยทำเลย
แต่นี่เป็นหนแรก ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง!
แต่ไหนแต่ไรมามีเพียงชายชู้เท่านั้นที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง แต่ตอนนี้ถึงตาพระชายาอย่างนางแล้วที่ต้องซ่อน
หากเรื่องนี้หลุดออกไป หน้าตาของพระชายาหมิงยังมีอยู่หรือไม่
หยุนหว่านหนิงปัดฝุ่นบนตัวออก แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองโม่เฟยเฟย ยิ้มเหมือนไม่ยิ้มถาม “องค์หญิงเก้า ตอนนั้นข้าพูดว่าอะไรไป”
ที่นางพูด สตรีอย่างฉินซื่อเสวีย จะไม่ละความพยายามต่อหน้าโม่เฟยเฟย เพื่อพูดเรื่องไม่ดีของนาง
ยุแยงให้แตกคอ!
โม่เฟยเฟยนิ่งเงียบ
ก่อนหน้านี้ นางฟังความหมายที่ฉินซื่อเสวียยุแยงให้แตกคอไม่ออก คิดเพียงว่าเป็นนางดีต่อนางจริง ๆ
แต่คราวนี้ ไม่ต้องให้หยุนหว่านหนิงเตือน นางก็สามารถฟังการยุแยงในคำพูดของฉินซื่อเสวียออกอย่างชัดเจน
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วมองนาง เตรียม “ก่อเรื่อง” อีก……