อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 85 ลากลงไปโบยตี
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 85 ลากลงไปโบยตี
เหล่าเฉินพูดตอบอีกครั้งอย่างกระวนกระวายว่า “พระชายาหมิงพาผู้ชันสูตรศพ จะมาชันสูตรศพคุณหนูสาม”
หยุนธิงหลานฟังเข้าใจแล้ว แทบจะเป็นทั้งยืน
นางเฉินก็รีบลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาหมิงหมายความว่ายังไง? ธิงธิงตาย พวกเราเสียใจอย่างมากแล้ว ทำไมยังต้องชันสูตรศพ?”
“นายท่าน ข้าเคยได้ยินว่า หากชันสูตรศพ จะต้องทำการผ่าศพ”
นางรีบคว้าจับมือหยุนเจิ้นซง พร้อมพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ธิงธิงตายไปแล้ว ยังจะไม่ให้นางตายอย่างไม่สงบสุขหรือ”
“พระชายาหมิงทำเกินไปแล้ว นี่ไม่เท่ากับเป็นการเอามีดแทงอกข้าหรือ?”
พูดเสร็จ นางเฉินปล่อยมือ แล้วกลับไปที่ข้างเตียงอีกครั้ง
นางคว้าจับมือที่เย็นเฉียบของหยุนธิงธิง พร้อมร้องห่มร้องไห้พูดขึ้นว่า “ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า ฟ้าสวรรค์ช่างไม่มีตา ให้คนเฒ่าต้องมาส่งคนวัยเยาว์”
“ข้ามีแค่ลูกสาวสองคน เสียลูกสาวในวัยกลางคนเท่ากับต้องการชีวิตของข้า”
“ฟ้าสวรรค์ ข้าทำอะไรผิด ทำไมถึงไม่ให้ข้าตายแทนธิงธิง”
เห็นลักษณะท่าทีเศร้าโศกเสียใจของนางเฉิน หยุนเจิ้นซงก็ทรมานใจอย่างมาก
เขายังไม่รู้ว่าตกลงหยุนธิงธิงตายยังไงกันแน่ หยุนหว่านหนิงก็พาผู้ชันสูตรศพมายังจวนยิ่งกั๋วกงแล้ว
บวกกับที่เกิดเรื่องในวังตอนเช้านี้…..
หยุนเจิ้นซงค่อยเข้าใจขึ้นมา หยุนหว่านหนิงคงรู้สาเหตุการตายของหยุนธิงธิง
“ฮูหยิน เจ้าลุกขึ้นมาก่อน”
เขาถอนหายใจ ประคองนางเฉินลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ข้าจะสืบสวนเองให้ชัดเจน คิดอยากให้ผู้ชันสูตรศพ ชันสูตรศพธิงธิง ข้าไม่เห็นด้วยเป็นคนแรก”
ได้ยินแบบนี้ หยุนธิงหลานกับนางเฉินมองตากัน แล้วค่อยวางใจ
หยุนเจิ้นซงมองดูหยุนธิงธิงอย่างเงียบขรึม แล้วหันเดินออกไป
เวลนี้ หยุนหว่านหนิงพาผู้ชันสูตรศพเข้าประตูมาแล้ว
ด้านหลังยังมีทหารรักษาพระองค์ ดูก็รู้ว่านางพาผู้ชันสูตรศพมาโดยผ่านโม่จงหรานแล้ว
ไม่อย่างนั้น ทหารรักษาพระองค์จะมาจวนยิ่งกั๋วกงด้วยได้ยังไง?
หยุนเจิ้นซงไม่กล้าประมาท
เขารีบเดินไปข้างหน้า มองดูหยุนหว่านหนิงด้วยสีหน้าหนักใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาหมิง วันนี้เจ้าทำให้ข้าอับอายขายหน้าภายในวังแล้วยังไม่พอหรือ? ยังจะพาคนมาก่อเรื่องในจวนยิ่งกั๋วกง”
“ก่อเรื่อง?”
หยุนหว่านหนิงหยุดฝีเท้า พร้อมหัวเราะเย้ย
นางมองดูหยุนเจิ้นซงด้วยสายตาเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “ยิ่งกั๋วกงอยู่ต่อหน้าพระชายา ไม่ทำความเคารพแล้วยังจะซักถามที่ก้าวร้าว”
“ตามกฎพระราชกฤษฎีกา นี่คือโทษสถานใด?”
“เจ้าข่มขู่ข้า?”
หยุนเจิ้นซงถลึงตามองนางราวกับอยากจะกลืนกิน นัยน์ตาคู่หนึ่งจ้องมองมาราวกับระฆัง
“ใช่ มีปัญหาอะไรไหม?”
หยุนหว่านหนิง ยอมรับอย่างไม่ลังเล
“เจ้า….”
หยุนเจิ้นซงพ่ายแพ้อีกครั้ง
จนใจในสถานะตอนนี้ของหยุนหว่านหนิง ซึ่งเขาไม่สามารถทำอะไรได้….เขาแทบจะกัดฟันตนเองหลุดทั้งหมด แล้วค่อยทำความเคารพนางอย่างไม่เต็มใจ
“คนในจวนคนอื่นล่ะ?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว พร้อมถามขึ้นมาว่า “นี่ไม่เห็นข้าที่เป็นพระชายาอยู่ในสายตากันหรือ?”
“ทหาร เชิญคนอื่นออกไปให้หมด หากใครกล้าขัดขืนให้โบยตีทันทียี่สิบที”
หากไม่ใช้อำนาจของพระชายา แล้วจะเป็นพระชายาไปทำไม?
ทหารรักษาพระองค์ล้วนเป็นคนของโม่จงหราน
เมื่อมีคำสั่งของเขาแล้ว ตอนนี้จึงเชื่อฟังคำสั่งของหยุนหว่านหนิง หลังจากพวกเขาตอบรับแล้ว ต่างพากันไปยังเรือนหยุนธิงธิง “เชิญ”นางเฉินกับหยุนธิงหลานออกมา
เริ่มแรก พวกนางสองแม่ลูกยังคิดขัดขืน
แต่ทหารรักษาพระองค์พูดว่า พระชายาหมิงมีคำสั่งโบย…..
จึงออกมาอย่างว่าง่าย
ความรวดเร็วในการยอมแพ้ รวดเร็วยิ่งกว่าอะไร
เมื่อมองเห็นหยุนหว่านหนิง หยุนธิงหลานไปควงแขนนางอย่างสนิทสนม พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สาวใหญ่มาได้อย่างไร?”
“คุณหนูรองหยุน อย่าคิดที่จะมาใกล้ชิดกับข้า”
หยุนหว่านหนิงผลักมือนางอย่างไม่เกรงใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่ข้ามาวันนี้ เพราะมีภารกิจ รับคำสั่งของเสด็จพ่อ มาสืบหาสาเหตุการตายของธิงธิง”
มือของหยุนธิงหลาน แข็งทื่ออยู่ในอากาศ
รอยยิ้มบนใบหน้า ก็แข็งทื่อ
หยุนหว่านหนิงแสดงท่าทีของการมาปฏิบัติภารกิจ เรียกนางว่า “คุณหนูรองหยุน”
แต่เรียกหยุนธิงธิงว่าธิงธิง นี่ไม่เท่ากับเป็นการตั้งใจห่างเหินนาง เข้าข้างหยุนธิงธิงหรือ?
“เพคะ พระชายาหมิง”
หลังจากได้สติกลับมาแล้ว หยุนธิงหลานยิ้มแย้มพร้อมถอยหลังไปสองเก้า ถวายความเคารพนางอย่างนอบน้อม
บนใบหน้าไม่ปรากฏความลำบากใจเหมือนเมื่อกี้ สีหน้าเปลี่ยนไปเร็วจนหยุนหว่านหนิงเอือมระอา
“ได้ยินว่าเมื่อคืนธิงธิงปวดท้องอย่างทุกข์ทรมาน เช้าวันนี้ก็ขาดใจแล้ว เสด็จพ่อตรัสว่า ธิงธิงเป็นคุณหนูตระกูลขุนนาง และยังเป็นน้องสาวของข้า…..”
นางหยุดชะงัก หางตาเหลือบมองหยุนธิงหลาน
สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนแปลง ไม่รู้สึกละอายใจเลยสักนิด
แตกเพราะนางพูดแบบนี้ นางยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา แสดงท่าทีเศร้าเสียใจ
อ้วก…..
หยุนหว่านหนิงคลื่นไส้
เจ้าคนเสแสร้งคนนี้ ระดับสูงกว่าฉินซื่อเสวียอย่างมาก
“ความหมายของเสด็จพ่อก็คือ ให้สืบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด ดังนั้นจึงอนุญาตให้ข้าพาผู้ชันสูตรศพมาเพื่อชันสูตรศพ เรียกร้องความยุติธรรมให้กับธิงธิง”
ได้ยินแบบนี้ นางเฉินพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า
“พระชายาหมิงหมายความว่าอย่างไร?”
นางขมวดคิ้วมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ธิงธิงเป็นคุณหนูสามจวนยิ่งกั๋วกงของเรา นางเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เป็นเพราะพวกเราวางยาพิษทำร้ายหรือ?”
“ธิงธิงตายไปแล้ว หากต้องผ่าศพเพื่อทำการชันสูตรศพ เท่ากับเป็นการเหยียบย่ำนาง”
“หากเจ้าจะทำการชันสูตรศพ ก็ข้ามศพข้าไปก่อน ไม่อย่างงั้นข้าไม่เห็นด้วยเป็นคนแรก”
“เจ้าไม่เห็นด้วย ก็จะไม่ต้องทำหรือ?”
มองดูท่าทีตื่นเต้นของนางเฉิน หยุนหว่านหนิงหัวเราะเย้ยขึ้นมาอย่างเย็นชา
ทำไมนางจะต้องตื่นเต้นขนาดนี้ นางยังไม่รู้หรือ?
“เฉินอี๋เหนียง เจ้าตื่นเต้นขนาดนี้ ขัดขวางไม่ให้ข้าชันสูตรศพ หรือเป็นเพราะว่า….รู้สึกผิด”
สายตานางเฉินฉายแววรู้สึกผิด พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครรู้สึกผิด? ธิงธิงเป็นลูกสาวของข้า ข้ายังจะเป็นคนทำร้ายให้นางตายได้หรือ?”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจะตื่นเต้นไปทำไม?”
หยุนหว่านหนิงมองดูนางอย่างน่าขำ พร้อมพูดขึ้นว่า “ธิงธิงตายเพราะสาเหตุใดกันแน่ ผู้ชันสูตรศพตรวจก็รู้”
“หากธิงธิงตายเพราะมีคนวางยาพิษจริงๆ จะได้คืนความยุติธรรมให้กับนาง แก้แค้นให้กับนางไม่ใช่หรือ?”
นางเฉินเถียงไม่ออก
แต่นางมีนิสัยอันธพาล ต่อให้ไม่มีเหตุผลมาตอบโต้หยุนหว่านหนิง ก็ยังยืนกรานไม่ยอมให้นางทำการชันสูตรศพ โดยพูดขึ้นว่า “ไม่ว่ายังไง วันนี้ข้าจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องศพของธิงธิง”
“ใครกล้าแตะต้อง ข้าจะสู้ตาย”
หยุนหว่านหนิงมองดูท่าทีอันธพาลของนางอย่างขำขัน
สิ่งที่นางไม่กลัวที่สุดก็คือ คนอื่นอันธพาล
นึกว่านางจะทำอะไรนางไม่ได้หรือ?
หยุนหว่านหนิงก็ไม่อยากพูดมากกับพวกนาง โบยมือสั่งทหารรักษาพระองค์ข้างหลังว่า “นางเฉินไม่คุกเข่าถวายความเคารพข้า โทษสถานหนึ่ง”
“ขัดขวางข้าปฏิบัติภารกิจ โทษสถานสอง”
“สองความผิดรวมกัน ลากตัวไปโบยตีสามสิบที”
ได้ยินแบบนี้ นางเฉินนิ่งอึ้ง
นังสารเลวคนนี้ กล้าโบยตีข้าหรือ?
“หยุนหว่านหนิง เจ้ากล้าหรือ”
นางมองดูหยุนหว่านหนิงอย่างโกรธเคือง เพิ่งพูดออกจากปากใบหน้าก็ถูกฟาดตบอย่างแรงแล้ว
ฝ่ามือนี้ฟาดตบอย่างรุนแรงมาก ร่างกายนางเฉินเซไปล้มกองบนพื้น ใบหน้าเจ็บปวดอย่างแสบร้อน นางยกมือกุมหน้ามองดูหยุนหว่านหนิงอย่างไม่อยากเชื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากล้าตบข้า?”
“กล้าขานชื่อของข้า สมควรถูกตบปากยี่สิบที ข้ามีเมตตา ตบเจ้าเพียงทีเดียว”
นางโน้มตัว มองดูนางเฉินล้มกองบนพื้นอย่างทุลักทุเล พร้อมพูดขึ้นว่า “เฉินอี๋เหนียง เจ้าควรซาบซึ้งในความกรุณาของข้า”
พูดเสร็จ นางลุกขึ้นมา พร้อมเดินข้ามนางเฉินไปอย่างไม่ลังเล พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้เจ้าพูดว่า หากจะชันสูตรศพธิงธิง ก็ให้ข้ามผ่านตัวเจ้าไป”
“ข้าข้ามผ่านแล้วนะ?”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา ใบหน้าเล็กเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ลากตัวไปโบย”