อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 87 หลักฐาน
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 87 หลักฐาน
ตอนอยู่ในวังวันนี้ หยุนเจิ้นซงก็ถูกทำร้ายไปแล้วหนึ่งยก
ดังนั้นจึงรู้ว่าหยุนหว่านหนิงไม่เพียงพูดเฉยๆเท่านั้น นางพูดว่าโบยตี คนในจวนทุกคนล้วนหนีไม่พ้นสักคน
รวมทั้งเขา
แต่หยุนธิงหลานไม่พอใจ ขมวดคิ้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “พระชายาหมิง นี่เป็นหลักการเหตุผลอะไรกัน? พ่อของข้าเป็นยิ่งกั๋วกงที่ฮ่องเต้แต่งตั้งขึ้นมาด้วยตนเอง ยังเป็นพ่อของเจ้า ผู้อาวุโสของเจ้าด้วย พูดว่าโบยตีก็ตีได้เลยหรือ?”
คิดจะโบยตีนาง?
ไม่มีทาง
สายตาของนางเหลือบไปมองรุ่ยโย่วตรงหน้าประตู บ่งบอกให้นางรีบไปยังจวนอ๋องหยิง ให้โม่หุยเฟิงมาช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้นาง
ซึ่งภาพนี้ ไม่รอดพ้นสายตาหยุนหว่านหนิง
“น้องรอง ข้าขอเตือนเจ้า”
นางมองดูนางอย่างฝืนยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อหลายวันก่อน อ๋องหยิงถูกเสด็จพ่อย้ายไปยังชายแดนแล้ว ตอนนี้ภายในจวนอ๋องหยิง ฉินซื่อเสวียคอยดูแล”
“เจ้าไปตอนนี้ ไม่เท่ากับไปหาที่ตายหรือ?”
หยุนธิงหลานสีหน้าขาวซีด
ใช่
นางลืมไปได้ยังไง โม่หุยเฟิงออกจากเมืองหลวงไปเมื่อหลายวันก่อน?
ก่อนไป เขายังพูดย้ำเตือนนางว่า ให้นางทำอะไรระมัดระวัง อย่าเป็นมีเรื่องกับหยุนหว่านหนิงหรือฉินซื่อเสวีย เดี๋ยวจะไม่มีใครปกป้องนาง
วันนี้นางลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง?
เห็นนางบิดดอกในมือ….ไม่ ผ้าเช็ดหน้า
หยุนหว่านหนิงค่อยหัวเราะออกมาอย่างพอใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อเป็นแต่งตั้งยิ่งกั๋วกงจริง”
“แต่ข้า เป็นพระชายาที่ท่านอ๋องของข้าสู่ขอไปยังจวนอ๋องหมิงอย่างถูกต้อง ข้าเป็นลูกสะใภ้ของเสด็จพ่อ วันนี้ที่มาจวนยิ่งกั๋วกง ล้วนเป็นความประสงค์ของเสด็จพ่อ”
นางเหลือบสายตาหันไปมอง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าบอกว่าโบยตี ก็เท่ากับเสด็จพ่อสั่งให้โบยตี”
“เจ้า จะขัดพระราชดำรัสของฮ่องเต้หรือ”
เพียงประโยคเดียว หยุนเจิ้นซงก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
เขารีบเดินไปปกป้องหยุนธิงหลานไว้ข้างหลัง แล้วพูดกับหยุนหว่านหนิงอย่างยิ้มแย้มว่า “พระชายาหมิง เรื่องนี้ข้าจะสืบสวนให้ชัดเจน ธิงธิงเป็นลูกสาวของข้า ข้าจะไม่ยอมให้นางถูกคนอื่นทำร้ายให้ตายฟรี”
“วันนี้ลำบากพระชายาหมิงแล้ว มานั่งดื่มชากันก่อนไหม?”
หากเป็นเมื่อก่อน หยุนธิงหลานยังกล้าพูด โม่เยว่ไม่โปรดปรานหยุนหว่านหนิง กระทั่งยังถูกกักบริเวณ
ทำไมถึงกล้าอยู่ต่อหน้านาง อาศัยสถานะพระชายาหมิงมาวางอำนาจ?
แต่ตอนนี้นางกลับไม่มีความกล้าหาญนี้แล้ว
เพราะเคยเห็นด้วยตาตนเอง โม่เยว่รักใคร่นางอย่างมาก
หยุนเจิ้นซงก็รู้ ไม่เพียงโม่เยว่คอยปกป้องนาง แม้แต่โม่จงหราน ตอนนี้ก็ปกป้องนาง…..วันนี้ตอนที่อยู่ในวัง เขาเห็นถึงความเป็นจริงนี้อีกครั้ง
ดังนั้นจึงกล้ามีเรื่องกับหยุนหว่านหนิงอีกเสียที่ไหน?
“ชา ไม่ดื่มล่ะ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ากลัวน้ำชาของจวนยิ่งกั๋วกงมียาพิษ”
พูดประโยคเดียวยิ่งทำให้หยุนเจิ้นซงไม่รู้จะทำตัวยังไง อยากที่จะมุดดินหนีไป
“เรื่องนี้ก่อนที่ข้าจะมาจวนยิ่งกั๋วกง ได้ส่งคนไปสืบชัดเจนแล้ว เมื่อวานตอนที่ธิงธิงกลับมาจากจวนอ๋องหมิงยังดีดีอยู่ พอตอนกลางคืนจู่ๆก็ถูกวางยาพิษ”
แล้วสายตานางก็กวาดมองดูทุกคนในห้อง
ทันใดนั้น นางพูดขึ้นมาด้วยสายตาเย็นชาว่า “ทำไมยังไม่ลากตัวเขาออกไป?”
นางเห็นพ่อบ้านเฉินยังยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลังหยุนธิงหลาน ก้มหน้าก้มตา พยายามให้ตัวเองไร้ตัวตนอย่างที่สุด ไม่กล้าให้นางเห็น
ส่วนจูเอ๋อร์ ออกไปตั้งแต่แรกแล้ว
จากนั้น ทหารรักษาพระองค์ก็ลากตัวเหล่าเฉินออกไปอย่างไม่ลังเล
ไม่ช้าด้านนอกก็มีเสียงโบยตีดังขึ้น ตลอดจนเสียงร้องเจ็บปวดของเหล่าเฉิน
เสียงนั้นฟังจนหยุนธิงหลานขนลุก
นังสารเลวคนนี้ วางอำนาจมากจริงๆ
วันนี้ไม่เพียงนางเฉินถูกโบยตี แม้แต่พ่อบ้านเฉินก็ถูกโบยตี ทุกคนในจวนยิ่งกั๋วกงใครก็ทำอะไรนางไม่ได้ นี่ทำให้หยุนธิงหลานโกรธโมโหอย่างมาก
“ในเมื่อธิงธิงถูกวางยาพิษตอนกลางคืน งั้นก็ต้องถูกวางยาพิษในจวนยิ่งกั๋วกงแน่”
หยุนหว่านหนิงพูดต่อว่า
“จูเอ๋อร์บอกแล้ว เมื่อคืนหลังจากที่ธิงธิงกลับมา ก็เพียงแค่ทานอาหารมื้อค่ำกับพวกเจ้า นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่ได้ทานอะไรอีก”
เพิ่งพูดเสร็จ หยุนธิงหลานก็พูดขึ้นมาอย่างร้อนใจว่า “แต่อาหารค่ำพ่อกับแม่ก็ทานด้วย”
“หากอาหารค่ำไม่มีพิษ แล้วทำไมถึงมีเพียงน้องสามคนเดียวที่ถูกวางยาพิษ?”
เห็นท่าทีทนรอไม่ไหวของนาง….
หยุนหว่านหนิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องรองตื่นเต้นอะไร? กลัวว่าข้าจะไม่สงสัยในตัวเจ้าหรือ?”
สีหน้าหยุนธิงหลานนิ่งอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาหมิ เจ้าอย่าพูดใส่ร้ายคนอื่น”
“คนในจวนนี้ทุกคนล้วนเป็นผู้น่าสงสัยใช่ไหม? ข้าเพียงแค่พูดว่าสงสัยเจ้า ไม่ได้พูดว่าเจ้าเป็นคนทำ เจ้าตื่นเต้นทำไม?”
หยุนหว่านหนิงเอื้อมมือขึ้นมา ชี้ไปที่หยุนเจิ้นซง พร้อมพูดขึ้นว่า “แม้แต่ยิ่งกั๋วกงก็เป็นผู้น่าสงสัย เจ้าเห็นเขาตื่นเต้นไหม?”
หยุนเจิ้นซง “……”
เขากล้าตื่นเต้นหรือ?
ไม่กล้า
หยุนธิงหลานหุบปากอย่างไม่พอใจ
หยุนหว่านหนิงค่อยหุบยิ้มบนใบหน้า พร้อมพูดสั่งทหารรักษาพระองค์สองคนที่อยู่หน้าประตูอย่างเคร่งขรึมว่า “รีบไปในครัว กับข้าวเมื่อวานที่ทานไม่หมด พร้อมทั้งพวกอุปกรณ์ในครัว ล้วนตรวจสอบให้หมด”
พูดเสร็จก็สั่งผู้ชันสูตรศพว่า “เจ้าก็ไปด้วย จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด”
“ขอรับ พร่ชายา”
แล้วพวกเขาก็หันเดินออกไป
หยุนธิงหลานกระวนกระวาย ส่งสายตาสั่งรุ่ยโย่วรีบตามไป
ที่ไหนได้ หยุนหว่านหนิงเคลื่อนไหวตัว พริบตาเดียวก็มาถึงหน้าประตู ยื่นเท้า….รุ่ยโย่วก็สะดุดล้มกองบนพื้น จนจมูกแตก เลือดไหลไม่หยุด
ตั้งนานก็ลุกขึ้นมาไม่ไหว
“พระชายาหมิง เจ้า….”
หยุนธิงหลานอดทนไม่ไหวอีกต่อไป เดินไปอย่างโกรธโมโหว่า “นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“ข้าไม่ได้ตาบอด เจ้าคิดว่าข้ามองไม่เห็นสายตาท่าทีพวกนั้นของเจ้า จริงๆหรือ?”
หยุนหว่านหนิงมองดูนางอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “คนในห้องนี้ ใครก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นข้าก็จะตัดขาของนางสับให้ละเอียดแล้วเอาไปให้หมากิน”
เมื่อพูดออกมาแบบนี้ บรรยากาศภายในห้องก็เยือกเย็นลงไม่น้อย อุณหภูมิก็ต่ำลงมา
ทุกคนรู้สึกเพียงว่า รอบตัวเต็มไปด้วยน้ำแข็งหิมะ
หยุนเจิ้นซงรู้ตัวดีที่สุด ไปนั่งลงด้านข้างก่อน
หยุนธิงหลานโกรธโมโหจนใบหน้าจิ้มลิ้มบูดเบี้ยว และก็จำต้องนั่งลงอย่างโกรธโมโห พร้อมก่นด่าสาปแช่งหยุนหว่านหนิงอยู่ในใจอย่างต่อเนื่อง
ไม่นาน ทหารรักษาพระองค์กับผู้ชันสูตรศพก็กลับมาแล้ว
“พระชายา กับข้าวเมื่อคืนวานล้วนอยู่ในถัง แต่ภายในถังตรวจไม่เจอพิษ”
ได้ยินแบบนี้ สีหน้าหยุนธิงหลานค่อยดีขึ้นมาหน่อย
ภายในสายตาของนางฉายแววได้ใจ มองดูหยุนหว่านหนิงแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาหมิง เจ้าเอิกเกริกขนาดนี้ หากตรวจไม่เจออะไรเลย เท่ากับเป็นการใส่ร้ายจวนยิ่งกั๋วกง”
“ถึงตอนนั้น บัญชีนี้จะคิดยังไง?”
“น้องรองจะร้อนใจไปทำไม?”
หยุนหว่านหนิงไม่สนใจ เพียงฟังทหารรักษาพระองค์อีกคนหนึ่งรายงานว่า “พวกผักน้ำชาในครัว ล้วนตรวจสอบหมดแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร”
สีหน้าหยุนธิงหลาน ยิ่งได้ใจกว่าเดิม
ส่วนผู้ชันสูตรศพ
เขาก้มหน้าก้มตาเดินมาข้างหน้า ค่อยๆหยิบชามกระเบื้องเคลือบขอบทองออกมาจากแขนเสื้อ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายา เมื่อกี้ข้าน้อยพบชามใบนี้ เหมือนจะมีปัญหา”
สีหน้าหยุนธิงหลานที่ได้ใจ แข็งทื่อขึ้นมาทันที
หยุนหว่านหนิงเพิ่งรับชามมา สิ่งที่ทำให้หยุนธิงหลานแทบเป็นลมก็เกิดขึ้น….
หยุนธิงธิงที่เดิมนอนตายแล้วอยู่บนเตียง ค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง