อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 99 ฉีกกระชากฉินซื่อเสวีย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ ตอนที่ 99 ฉีกกระชากฉินซื่อเสวีย
สารถีรถม้า คือหรูยี่
เขาเปิดม่านรถม้าด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า สภาพแวดล้อมข้างในปรากฏต่อหน้าฉินซื่อเสวียอย่างเต็มตา
ได้เห็นหยุนหว่านหนิงนั่งคร่อมบนตักของโม่เยว่ สองมือกำลังหยิกใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง “โม่เยว่!ดอกท้อเน่า1ของเจ้าทำไมยังเด็ดไม่ขาดอีกเล่า!”
หลังจากที่ตระหนักว่าม่านรถม้าถูกเปิดออกแล้ว นางถึงหันกายมา “พระชายาหยิง บังเอิญ2จริง!”
คำว่า “บังเอิญ” ของนาง หมายถึงเฉลียวฉลาดจริงเชียว
แต่ นางยังไม่ได้ลงจากตักของโม่เยว่
อีกทั้งมือสองข้างของโม่เยว่สวมกอดเอวของนาง ตอนนี้เขากำลังโอบเอวของนางอยู่ มองนางอย่างได้ใจ
ท่าทางปล่อยให้นางกระทำกับตัวเองอย่างเหิมเกริม…
ฉินซื่อเสวียรู้สึกเพียงว่าดวงตาคู่นี้ของนางกำลังจะบอด!
ทำไมนางถึงไม่คาดคิดว่า หยุนหว่านหนิงจะอยู่ข้างในรถม้าด้วย!
“พระชายาหมิง?! เจ้า ทำไมมีเจ้าถึงอยู่ด้วย”
ฉินซื่อเสวียตกตะลึง น้ำตาบนใบหน้าเกือบแห้ง แต่อย่างไรน้ำตาคลออยู่ในเบ้าก็ไม่ไหลออกมา นางเหมือนเป็นกวางน้อยตัวหนึ่งที่ได้รับความตื่นตระหนก มองหยุนหว่านหนิงอย่างหวาดผวา
นังจื่อซูคนไร้ประโยชน์!
ทำงานอย่างไรกันแน่?!
ไม่ใช่บอกว่าวันนี้มีเพียงโม่เยว่คนวังคนเดียว แล้วหยุนหว่านหนิงไม่ได้ติดตามมาหรือไร
ถ้าอย่างนั้นคนที่อยู่ตรงหน้า เป็นผีสางหรือไร!
นางใช้หางตามองจื่อซูที่อยู่ด้านหลังอย่างเกลียดชัง อดไม่ไหวถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
จื่อซูก็คาดไม่ถึง ว่าหยุนหว่านหนิงจะอยู่ใรรถม้าด้วย ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อทันที!
จบเห่แล้ว!
นางคร่ำครวญอยู่ในใจ
หยุนหว่านหนิงหัวเราะคิกคักขึ้นมา “ใช่แล้วพระชายาหยิง ข้าต้องเข้าวังมาจับชีพจรให้เสด็จพ่อทุกวัน เจ้าบอกว่าทำไมข้าถึงอยู่ที่นี่รึ”
“ดูแล้ววันหน้าพระชายาหยิงจะมาสารภาพรักกับท่านอ๋องบ้านข้า ยังต้องเลือกฤกษ์งามยามดีด้วยล่ะ”
ขณะพูด นางก็หันหน้าไปจ้องโม่เยว่ ถามอย่างดุร้ายว่า “ใช่ไหมเพคะ ท่านอ๋อง?!”
เห็นท่าทางนางกัดฟันกรอด ๆ ราวกับจะกินคน โม่เยว่ครุ่นคิดว่า สตรีผู้นี้ถลำลึกกับการแสดงเกิดไปแล้วมั้ง
แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างร่วมมือ “ที่พระชายาพูดทั้งหมดล้วนถูกต้อง”
“งั้นดอกท้อเน่าของท่านนี้ ตัวเองจะเป็นคนเด็ดเอง หรือจะให้ข้าเด็ดให้ท่านกัน!”
หยุนหว่านหนิงจ้องเขาต่อไป
“ล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าจะเป็นคนเด็ดเอง”
โม่เยว่มีทัศนคติที่ดีในการยอมรับผิด
ฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของฉินซื่อเสวีย ในใจก็ยิ่งรู้สึกสลับซับซ้อน
นางไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร เป็นโม่เยว่ที่พิสมัยหยุนหว่านหนิง ทำให้นางมีความกล้าที่กระทำอย่างเหิมเกริม ควรจะกล่าวว่าเป็นหยุนหว่านหนิง ที่ปราบสามีได้อยู่หมัด…
โดยรวมแล้ว ต่อหน้าโม่หุยเฟิง นางไม่เคยได้มีสถานะอย่างนี้มาก่อน!
ขณะเดียวกันก็อิจฉาอยู่ในใจ เกิดความหึงหวงและคลุ้มคลั่งจากก้นบึ้งของหัวใจต่อหยุนหว่านหนิง
หลังจากได้รับคำตอบจากโม่เยว่ หยุนหว่านหนิงถึงลงจากตักของเขา
นางส่งเสียงหึเบา ๆ เหลือบหางตามองฉินซื่อเสวีย
เห็นนางกำผ้าเช็ดหน้าผ้าในมือแน่น ผ้าเช็ดหน้าผ้าถูกบิดจนเสียรูปทรง…ถึงได้ยกมุมปากขึ้นด้วยความพอใจ “พระชายาหยิง”
“ตอนนี้เจ้าคงยังมีอะไร ที่อยากพูดกับท่านอ๋องบ้านข้ากระมั้ง”
“ไม่สู้พูดออกมาเลย พวกเราจะลองฟังดู”
หยุนหว่านหนิงนั่งลงที่ด้านข้าง มองดูนางด้วยความสนใจ “ถ้าจะให้ดีที่สุดนะ เรียกพวกเสด็จพ่อเสด็จแม่เสด็จแม่ทั้งหมดมาด้วย ทุกคนมาฟังด้วยกันจะได้ครึกครื้นไง!”
ได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าเล็กๆ ของฉินซื่อเสวียก็ซีดลงในทันใด!
ตั้งแต่งานเลี้ยงวันเกิดของเต๋อเฟยครั้งก่อน นางก็ได้ประมือกับหยุนหว่านหนิงมาแล้วหนหนึ่ง
เทียบนังคนชั้นต่ำกับก่อนหน้านั้น เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย
หนนั้นนางถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้
แม้บอกว่าการกระทำเบื้องหลังของนาง ล้วนเป็นโม่หุยเฟิงอนุญาต แต่ว่าโม่จงหรานกับฮองเฮาจ้าวพวกเขาไม่รู้เรื่อง!
หากให้พวกเขารู้ว่า หลังจากนางแต่งกับโม่หุยเฟิง คลอดบุตรสาวให้เขาสองคน แต่ยังหวนคิดถึงโม่เยว่อยู่เสมอ และยังแย่งกับหยุนหว่านหนิงอย่างชัดเจน…
พระชายาหยิงอย่างนาง ก็กลัวจนขึ้นสมองเหมือนกัน
เกรงว่าแม้กระทั่งชีวิตน้อย ๆ นี้ก็คงรักษาไว้ไม่ได้!
ถึงตอนนั้น ไม่เพียงจะไม่อาจโจมตีหยุนหว่านหนิงให้พังย่อยยับ กลับเป็นการช่วยหยุนธิงหลานกับโม่หุยเฟิงให้บรรลุความปรารถนา
ผลลัพธ์เช่นนี้มันทำลายให้นางพินาศย่อยยับ!
คิดมาถึงตรงนี้ ร่างฉินซื่อเสวียกระสับกระส่าย เกือบล้มลงกับพื้น
นางมองหยุนหว่านหนิงอย่างลุกลี้ลุกลน สายตาหลุกหลิกอย่างมาก “ไม่ ไม่ต้องแล้ว! ข้ายังมีเรื่องต้องทำขอตัวไปก่อน”
เห็นนางจะจากไปอย่างร้อนรน หยุนหว่านหนิงก็เรียกรั้งนางไว้ “พระชายาหยิงอย่าเพิ่งไป! ไม่ใช่ว่าเจ้ายังมีเรื่องที่อยากพูดกับท่านอ๋องบ้านข้าหรือ เจ้ารอก่อนข้าไม่เรียกคนแล้ว”
นางยิ้มอ่อน “เมื่อครู่เจ้าอยากพูดว่า ทุกวันนี้เจ้าลำบากมาก”
“เลยอยากหาที่พึ่งพิงใช่หรือไม่”
นางพูดถึงความในใจของฉินซื่อเสวียออกมาตรง ๆ
แต่ตอนนี้ฉินซื่อเสวียจะกล้ายอมรับได้อย่างไร!
นางรีบส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่ได้…”
“เมื่อครู่เจ้ายังบอกว่าใจเจ้ายังคงอยู่กับท่านอ๋องบ้านข้าอยู่เลยนะ!หรือว่าล้วนเป็นการพูดปด คิดจะให้ท่านอ๋องบ้านข้าเห็นใจเจ้ารึ จิตใจเจ้าทำด้วยอะไร”
สีหน้าฉินซื่อเสวียเริ่มสับสนมากขึ้น หยุนหว่านหนิงก็ยิ้มหวานยิ่งขึ้น
“ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น!”
ฉินซื่อเสวียปฏิเสธอย่างแข็งขืน
“วันนี้ข้าโชคดี ไม่คาดคิดจะได้ลุ้นตอนพระชายาหยิงสารภาพความในใจกับท่านอ๋องบ้านข้าอีก”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็น
คำพูดเหล่านั้น ทำให้ฉินซื่อเสวียคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในศาลาในสวน ณ คืนงานเลี้ยงวันเกิดเต๋อเฟย
ความยากแค้น ความอัปยศผสมปนเปกัน ทำให้นางอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี แทบรอไม่ไหวที่จะหาร่องรอยบนพื้นแล้วแทรกเข้าไป!
หยุนหว่านหนิงเดาะลิ้น “หากพระชายาหยิงลุ่มหลงจริง ๆ แต่งให้อ๋องหยิงมาสี่ปีแล้ว แล้วยังคิดถึงท่านอ๋องบ้านข้าไม่ลืมเลือน”
นางปรบมือเบา ๆ ๆ ราวกับกำลังปรบมือให้กับฉินซื่อเสวีย
เพียงแต่คำพูดต่อมา ก็ทำให้ฉินซื่อเสวียเหมือนกระโจนลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง แทบรอไม่ไหวที่จะฉีกปากของหยุนหว่านหนิง!
หลังเพิ่งได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของนาง จู่ ๆ กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าคิดถึงท่านอ๋องบ้านข้าไม่ลืมเลือน งั้นเจ้าผ่านช่วงเวลาหลายปีนี้มาได้อย่างไรกัน”
“แล้วลูกสาวของเจ้าทั้งสอง คลอดออกมาได้อย่างไรเล่า”
“หรือว่า เป็นอ๋องหยิงข่มขืนเจ้าหรือไร!”
เสียงดัง “บึ้ม”
ฉินซื่อเสวียรู้สึกได้ถึงเลือดทั่วร่างกาย พุ่งขึ้นไปบนหัว นางเงยหน้าขึ้นมองหยุนหว่านหนิงด้วยความไม่กล้าที่จะเชื่อ
คำพูดที่ห้วน ๆ และน่าละอายเช่นนี้ นางที่เป็นสตรีผู้หนึ่งกล้าดีอย่างไรถึงได้พูดแบบนั้น!
ทั้งยังอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก!
เลือดฝาดบนใบหน้าฉินซื่อเสวียจางหายไป ไม่ช้าหน้าก็เปลี่ยนเป็นเดี๋ยวเขียวคล้ำเดี๋ยวขาวซีด เพียงรู้สึกว่าคำพูดเมื่อครู่บาดหูมาก อดไม่ได้ที่จะชี้ไปที่หยุนหว่านหนิงอย่างสั่นสะท้าน “เจ้า เจ้า…”
“ข้าทำไมรึ ข้าพูดผิดรึอย่างไร”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว ไม่แยแส “หากไม่ใช่อ๋องหยิงข่มขืนเจ้า หรือว่าเป็นการมอมยาเจ้าหรือไร”
ตอนนี้เอง แม้แต่โม่เยว่ที่นั่งอยู่ข้างนาง สีหน้าก็ไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
เขาไอเบา ๆ เตือนด้วยเสียงต่ำว่า “หนิงเอ๋อร์ อย่าพูดไร้สาระ”
จื่อซูก็แข็งทื่ออยู่ที่เดิม ราวกับสายฟ้าฟาดใส่ศีรษะ
หรูยี่มองพระชายาบ้านตัวเองด้วยความประหลาดใจ ในใจเลื่อมใสศรัทธาต่อนางมาก
เจ๋งมาก!
พระชายาเจ๋งมาก! (เสียงแปร่ง)
เขาตะโกนเรียกหยุนหว่านหนิงอยู่ในใจ แทบรอไม่ไหวที่จะเอาเรื่องวันนี้ เล่าให้หรูโม่กับหรูเยียนฟัง ให้พวกเขารู้ว่า ฉากที่พระชายาบ้านตัวเองฉีกกระชากพระชายาหยิง ช่างมีสีสันจริง ๆ!
เมื่อเห็นว่าฉินซื่อเสวียยืนโงนเงนพูดไม่ออก หยุนหว่านหนิงยิ้มหยัน
ฉินซื่อเสวียผู้นี้ไม่รู้จักจำเสียจริง เพิ่งผ่านไปไม่เท่าไร ก็มาแส่หาเรื่องกับนางอีก
วันนี้จะทำให้นางรู้จักจำให้ดี ๆ!
นางเท้าคาง มองฉินซื่อเสวียอย่างครุ่นคิด “ในเมื่อพระชายาหยิงลุ่มหลงท่านอ๋องบ้านข้าทั้งใจ ทำไมไม่ลองพิสูจน์ความลุ่มหลงของเจ้าหน่อยเล่า”
“พิสูจน์?”
ฉินซื่อเสวียขมวดคิ้วแน่น ในใจมีลางสังหรณ์ไม่ดี “พิสูจน์อย่างไร”
1)ดอกท้อเน่า หมายถึง รักที่ไม่สมหวัง
2)คำว่า บังเอิญ ในภาษาจีนมีอีกความหมายหนึ่งว่า เฉลียวฉลาด