อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่221 ใช้ชีวิตปกป้องพวกเขา
หยุนหว่านหนิงยังนึกว่าโม่เยว่จะตีนาง
นางกำหมัดแน่นกำลังเตรียมจะชก ใครจะไปรู้ว่าชายปากหมานี้เพียงแค่ลูบผมนางเบาๆเท่านั้น “เสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”
น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ และดวงตาที่มองดูนางก็อ่อนโยนยิ่งนัก
“ยี้”
หยุนหว่านหนิงอดขนลุกไม่ได้
วันนี้ชายปากหมานี้กินยาผิดหรือเปล่า?!
อ่อนโยนกับนางเช่นนี้ คิดอะไรไม่ดีอยู่หรือเปล่า?
หยุนหว่านหนิงคอยระวังตัวตลอดทาง แต่โม่เยว่ก็เพียงแค่หลับตาพักผ่อน และไม่ได้พูดอะไรกับนางแม้แต่สักคำเลย
ดูท่าทางแล้วก็ไม่เหมือนกำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่เลย
นางเต็มไปด้วยความสงสัย และเมื่อเห็นว่ากําลังจะถึงตระกูลกู้แล้ว จึงลองถามดูว่า “โม่เยว่ ท่านมีอะไรอยากพูดกับข้าหรือเปล่า?”
“ไม่ค่ะ ทำไมหรือ?”
โม่เยว่ลืมตาขึ้น
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนหลับไม่ดี ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงเล็กน้อย
หยุนหว่านหนิงก็นึกถึงเรื่องที่หรูอวี้บอก โม่เยว่ลงมือแกะสลักปิ่นหยกให้นางด้วยมือตนเอง……
สายตาของนางตกไปที่มือทั้งสองข้างของเขาโดยไม่รู้ตัว ยังสามารถมองเห็นรอยแผลเป็นที่หยาบเล็กน้อยนั้น นางอย่างลับๆ “ข้ารู้สึกว่าวันนี้ท่านแปลกๆ”
โม่เยว่จะสังเกตเห็นสายตาของนางไม่ได้ได้อย่างไร?
เดิมทีเขาอยากจะเก็บมือโดยเร็วที่สุด
แต่เมื่อเห็นความซับซ้อนที่แวบผ่านในดวงตาของนาง จึงเลือกที่จะแกล้งทำเป็น”ไม่รู้ไม่ชี้”แล้วกางมือออก “เมื่อคืนข้าหลับไม่ค่อยดี”
“จึงนอนพักครู่หนึ่ง มันแปลกตรงไหน?”
หลับไม่ดี กับมือที่เต็มไปด้วยรอยแผล……
ล้วนเป็นการเตือนหยุนหว่านหนิง: รีบถามข้าว่าทำอะไรในเมื่อคืนนี้!
“ออ”
หยุนหว่านหนิงหดคอ และเอนตัวพิงกับรถม้า
โม่เยว่กัดฟัน “เจ้าไม่ถามดูหรือว่าไยข้าถึงหลับไม่ดี?”
เขาเหลือเพียงแต่ไม่พูดตรงๆว่า: “รีบเป็นห่วงข้าสิไอหญิงเลว!”
หยุนหว่านหนิงรู้ถึงนัยนอกเหนือคำพูดของเขา แต่ก็กลับถามอย่างจริงจังว่า “เมื่อคืนท่านไปขโมยวัวหรึ?”
โม่เยว่:“……”
ระหว่างพวกเขา ไม่สามารถสื่อสารกันอย่างปกติได้หรือ!
เมื่อเห็นเขาโกรธ หยุนหว่านหนิงก็แอบหัวเราะในใจ
“ข้าเป็นห่วงอย่างยิ่ง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เยว่ก็นึกว่านางกำลังเป็นห่วงเขา……จึงรีบลุกขึ้นนั่งตรงอีกครั้ง แสร้งทําเป็นไม่ใส่ใจ และถามอย่างหยิ่งผยองว่า “เจ้าเป็นห่วงอะไร?”
“ข้าเป็นห่วงหยวนเป่า”
หยุนหว่านหนิงถอนหายใจเบาๆ
โม่เยว่:“……”
ช่วยด้วย เขารู้สึกปวดใจเล็กน้อย!
ทุกข์ใจจนแทบเป็นลม และเกือบตายเพราะหายใจไม่ออก!
หยุนหว่านหนิงกะพริบตาใส่เขา “เดิมทีเรื่องนี้ข้าตั้งใจจะคิดหาวิธีเอง แต่อย่างไรท่านก็เป็นพ่อเก๊ของ หยวนเป่า ดังนั้นข้าจึงคิดว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรปรึกษาหารือกับท่านหน่อย”
พ่อเก๊?
โม่เยว่แทบเป็นลมไปอีกครั้ง “ข้านั่นแหละคือพ่อของเขา!”
เขากัดฟันแล้วพูดประโยคนี้ออกมาด้วยความแค้น
หรูโม่ที่กําลังขับรถม้า เมื่อได้ยินการสนทนาของทั้งสองที่อยู่ด้านใน ก็ยิ้มอย่างมีความสุขยิ่งนัก
นายท่านหนอ นายท่าน ท่านก็มีวันนี้ด้วยหรือ?!
“เรื่องอะไร ว่ามา!”
โม่เยว่ยกม่านขึ้น เหลือบมองดูถนนยามพลบค่ำในด้านนอก เขาไม่มองหยุนหว่านหนิงจะดีกว่า เพราะผู้หญิงคนนี้มักทำให้คนโมโหจนตายอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้าอะไรก่อนเลย
“ข้ากำลังคิดอยู่ว่า พวกข้าจะพาหยวนเป่าไปพบเสด็จพ่อหรือเปล่า”
หยุนหว่านหนิงพูดอย่างจริงจัง
ทันทีที่คําพูดนี้ออกมา……โม่เยว่ก็ตกใจเล็กน้อย “เจ้าพูดอะไร?”
“ข้ากำลังคิดอยู่ว่า พวกข้าจะพาหยวนเป่าไปพบเสด็จพ่อหรือเปล่า”
หยุนหว่านหนิงพูดซ้ำอีกครั้งอย่างจริงจัง
“เพราะเหตุใด?”
โม่เยว่วางม่านลง และถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าเคยบอกว่า เมื่อทุกอย่างสงบลง ก็ค่อยพาหยวนเป่าไปพบเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ไม่ใช่หรือ?”
เขาก็อยากให้โม่จงหรานกับเต๋อเฟยได้เห็นหลานชายที่น่ารักของพวกเขา
แต่มันเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของหยวนเป่า เขาจะเสนอความคิดนี้ออกมาอย่างบุ่มบ่ามไม่ได้ และทําให้ลูกชายตกอยู่ในอันตรายไม่ได้!
หยุนหว่านหนิงก็ไม่อยากให้ลูกชายต้องเสี่ยง
“ก่อนหน้านี้ข้าคิดอย่างนี้จริง แต่วันนี้ข้าไปที่ภูเขาหยุนอู้ และได้พบกับท่านเสวียนซาน”
จากนั้นนางก็นำคำของท่านเสวียนซานบอกให้กับโม่เยว่ทั้งหมด
“เมื่อคืนหยวนเป่าฝันร้าย พอตื่นขึ้นมาในเช้าตรู่ก็เริ่มวิตกกังวลกับผลได้ผลเสียของตนเองขึ้นมาทันที ราวกับว่ากลัวอะไรบางอย่าง”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วอย่างแน่น “ข้ากำลังคิดอยู่ว่า หานำเรื่องนี้บอกให้เสด็จพ่อได้ทราบว่า หยวนเป่าเป็นพระนัดดาองต์โตของเขา ประการแรก……เสด็จพ่อจะดีใจ”
“ประการที่สอง หยวนเป่าได้รับการปกป้องจากเสด็จพ่อ อย่างน้อยผู้ที่มีเจตนาไม่ดี ก็จะไม่กล้าทําอะไรกับหยวนเป่าอย่างเปิดเผย”
“แต่ทวนเปิดเผย หลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับ ยากระวัง”
สีหน้าของหยุนหว่านหนิงนั้น จริงจังเป็นอย่างยิ่ง “หากไม่บอกให้เสด็จพ่อ”
“ไม่ให้ผู้ใดรู้ถึงความเป็นอยู่ของหยวนเป่า ก็จะปลอดภัยได้ชั่วคราว แต่สักวันความเป็นอยู่ของหยวนเป่าก็จะถูกคนค้นพบได้อย่างแน่นอน”
แต่กลัวว่าก่อนวันที่ตัวตนที่แท้จริงของหยวนเป่าถูกเปิดเผยนั้น ลูกชายจะได้รับอันตราย!
“ลูกชายโตขึ้นเป็นวันวัน ก็ไม่อาจซ่อนเขาไว้ในจวนอ๋องหมิงไว้ตลอด และกักขังอิสรภาพของเขาไว้”
นางอยากให้หยวนเป่าเป็นนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า เป็นนกที่อิสระ
แต่ไม่ใช่ขังเขาไว้ในกรง โดยไม่มีอิสรภาพ และความไร้ชีวิตชีวา
ครั้งที่แล้วพวกเขาพาหยวนเป่าออกไปเดินบนถนน เขาดีใจยิ่งนัก
ตอนนี้หยวนเป่าอยู่ในจวนอ๋องหมิง ตระกูลกู้ไปไปมามา ไม่มีเด็กวัยเดียวกันที่จะเล่นด้วยได้ ไม่มีเพื่อนสนิท ชีวิตน่าเบื่อมาก
“เจ้าพูดถูก”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง โม่เยว่ก็พยักหน้าช้าๆ
กู้ป๋อจ้งสอนหยวนเป่าเป็นการส่วนตัว ซึ่งก็ทําให้พวกเขาไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่าชีวิตของหยวนเป่านั้นน่าเบื่อเกินไป และทั้งคู่ก็รักลูกชายมาก
“แต่เรื่องนี้ไม่สามารถตัดสินใจได้ทันที เจ้าให้เวลาข้าสองสามวัน ให้ข้าคิดดูดีๆ”
มันเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของลูกชาย จะประมาทแม้แต่นิดไม่ได้!
อ๋องหมิงที่พูดคำไหนเป็นคำนั้น ทำอะไรรวดเร็วและเฉียบขาดมาโดยตลอดนั้น เพื่อเรื่องของลูกชายแล้ว ก็ไม่สามารถตัดสินใจได้เลย
ขณะที่พูด รถม้าก็ได้เข้าไปในประตูตระกูลกู้แล้ว
ณ เวลานี้ หยวนเป่ากําลังสะพายกระเป๋าใบเล็กที่หยุนหว่านหนิงทําให้เขา แถมยังอุ้มหมีตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนตัวหนึ่ง และยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องโถงใหญ่อย่าง “ซื่อสัตย์”
เขาสวมชุดคอกลม และเสื้อคลุมขนาดเล็กที่ยาวถึงหัวเข่า
เรียบร้อยและสง่างาม
มัดจุกเอาไว้ ผ้าที่มัดผมปลิวไปตามสายลม
ใบหน้าของเขาดูเป็นเด็ก ท่าทางที่เม้มปากนั้น กลับดูสุขุมและดื้อรั้นอย่างผิดปกติ
เขาอุ้มหมีน้อยที่แสนน่ารักเอาไว้ ซึ่งตรงกันข้ามกับเสื้อคลุมตัวน้อยนั้นเป็นอย่างมาก
การปะทะกันของโบราณและสมัยใหม่ ไม่มีความรู้สึกขัดแย้งแม้แต่นิด เพียงทำให้คนรู้สึกน่ารักมาก……อยากจะอุ้มเขาเข้าอ้อมแขนทันที และหยิกแก้มของเขาแรงๆ!
กู้ป๋อจ้งนั่งอยู่บนบันไดรอเป็นเพื่อนเขา กู้หมิงก็นั่งอยู่บนรถเข็นรอเป็นเพื่อนเขาเช่นกัน
หยวนเป่าที่ชาญฉลาดในปกตินั้น ในเวลานี้กลับเหมือนสุนัขตัวน้อยที่ถูกทอดทิ้ง
ดูแล้วน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง เชื่อฟังจนทำให้คนรู้สึกปวดใจ
หยุนหว่านหนิงวิ่งลงจากรถม้า และวิ่งไปหาหยวนเป่า
เมื่อเห็นรถม้า เดิมทีหยวนเป่าที่ยังปากเบะอยู่นั้น ก็รีบวิ่งเข้าอ้อมแขนของนางด้วยความดีใจทันที “ท่านแม่! ”
เมื่อเห็นเช่นนี้ กู้ป๋อจ้งกับกู้หมิงก็โล่งใจลง “เด็กนี้จะรอให้พวกเจ้ามารับอย่างเดียว! ไม่รอด้านใน และไม่ให้พวกข้าไปส่ง ดื้อด้านอย่างกับลาเลย”
“ไม่รู้ว่าฝึกมาจากใคร”
กู้ป๋อจ้งเหลือบมองหยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่อย่างมีความหมายแฝง
คนเป็นพ่อแม่สองคนนี้ ก็เป็นคนที่มีนิสัยดื้อรั้นอย่างกับลาอยู่แล้ว หยวนเป่าก็เลียนแบบเหมือนพวกเขา ดื้อรั้นมากเช่นกัน
“ท่านแม่ ท่านพ่อเก๊ ทำไมพวกท่านถึงพึ่งมารับข้า?”
ทันทีที่หยวนเป่าเอ่ยขึ้นมา ก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความคับข้องใจ และพูดด้วยเสียงที่สะอื้นว่า “ข้านึกว่า พวกท่านไม่เอาข้าแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนหว่านหนิงก็หลั่งน้ำตาตามอย่างเศร้าใจ “จะไม่เอาเจ้าได้อย่างไร?”
“ไอเด็กน้อย จงใจพูดแบบนี้ให้แม่เสียใจหรือ?”
เมื่อเห็นว่านางก็ร้องไห้ด้วย หยวนเป่าก็รีบเขย่งเท้าขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาให้กับนาง จากนั้นก็ค่อยเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง “ข้าไม่พูดแล้ว ข้าก็ไม่ร้องไห้แล้ว ท่านแม่ก็มิต้องร้องอีกแล้ว!” ”
มองดูฉากนี้……
หัวใจของโม่เยว่ก็ปวดยิ่งหนัก!
เขาตัดสินใจที่จะปกป้องพวกเขาแม่ลูกทั้งสอง
หากในอนาคตมีใครกล้าทำให้พวกเขาสองแม่ลูกหลั่งน้ำตา เขาจะสู้สุดชีวิตอย่างแน่นอน!