อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่225 แย่แล้ว
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่225 แย่แล้ว
ตำหนักคุนหนิง
หลังจากเหล่านางสนมน้อมทักทายเสร็จ ก็นั่งไปสักพักแล้วต่างจากไปอย่างของใครของมัน
ฮองเฮาจ้าวอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด
ตั้งแต่หยุนธิงหลานตั้งครรภ์ นางก็อารมณ์ดีมาโดยตลอด เมื่อวานนี้ยังเรียกหยุนเจิ้นซงเข้าพบ และปรึกษาหารือกับเขาเกี่ยวกับเรื่องที่รับหยุนธิงหลานเข้าจวนอ๋องหยิง
มีฉินเฉิงเซี่ยงอยู่
ดังนั้นจึงไม่สามารถมิให้หน้าฉินซื่อเสวียและฉินเฉิงเซี่ยง และรับหยุนธิงหลานเข้าจวนอ๋องหยิงโดยตรงเช่นนี้
หลังจากฮองเฮาจ้าวกับหยุนเจิ้นซงปรึกษาหารือกันเสร็จ รอสามารถตรวจดูได้ว่าเด็กในท้องของหยุนธิงหลานนั้นเป็นชายหรือหญิง จากนั้นก็ค่อยรับนางเข้าจวนอ๋องหยิงก็ไม่สาย
ถ้าเป็นลูกสาว ก็จัดแบบธรรมดาก็พอ
ถ้าเป็นลูกชาย ไม่เพียงแต่ต้องรับหยุนธิงหลานเข้าจวนอ๋องหยิงอย่างอลังการ แต่ยังจะให้ตําแหน่งพระชายารองแก่นางโดยตรง!
หยุนเจิ้นซงตอบตกลงอย่างดีใจ
ลืมเรื่องทั้งหมดที่เขาสั่งให้หยุนธิงหลานตัดขาดกับโม่หุยเฟิงในเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้
และลืมไปว่าเขาคือยิ่งกั๋วกง ลูกสาวของเขากลับต้องตั้งครรภ์ ถึงจะได้แต่งงานกับโม่หุยเฟิงและเป็นพระชายารองในภายใต้สายตาที่แปลกประหลาดของทุกคน……
หยุนธิงหลานมีค่าจึงจะไม่ถูกทอดทิ้ง
ต่อให้จะเป็นได้เพียงพระชายารองของโม่หุยเฟิงก็ตาม
หยุนเจิ้นซงไม่รู้สึกขายขี้หน้า กลับกันยังตอบตกลงด้วยความดีใจ
เห็นได้ว่าการตกอับของจวนยิ่งกั๋วกง มีสังหรณ์ตั้งแต่วันนี้……
ในเวลานี้ ฮองเฮาจ้าวได้เชิญหมอหลวงที่ดูแลหยุนธิงหลานมา หลังสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของนางเสร็จ จึงค่อยยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เขาถอยออกไปด้วยความพอใจ
สั่งให้คนรับใช้ในวังส่งอาหารเสริมล้ำค่ามากมายให้กับหยุนธิงหลาน
กําลังจะออกไปเดินเล่น ซูเฟยก็เข้ามาอย่างรีบร้อน
“เหนียงเหนียง”
นางเดินตรงไปข้างกายของฮองเฮาจ้าวและคุกเข่าลง “เหนียงเหนียง หม่อมฉันจงรักภักดีต่อเหนียงเหนียง!” คราวนี้เรื่องของซุนตายิ่งนั้น ขอให้เหนียงเหนียงโปรดปกป้องหม่อมฉันด้วย! ”
“ลุกขึ้นพูด ซูเฟยนี่เจ้าทำอะไรกัน?”
ร่องรอยของความหมดความอดทนแวบผ่านจากตาของฮองเฮาจ้าว
แม้ครอบครัวทางฝ่ายแม่ของซูเฟยจะมีอิทธิพลมาก แต่นางไม่ได้รับความโปรดปราน ตลอดหลายปีมานี้ก็ไม่ได้ให้กําเนิดลูกชายหรือลูกสาวแก่โม่จงหราน
ท้ายที่สุดซูเฟยก็ยังคงรู้สึกว่าความมั่นใจไม่เพียงพออยู่ดี
ไม่ได้รับความโปรดปรานจากโม่จงหราน นางก็จะต้องเอาใจฮองเฮาจ้าวผู้มีอำนาจนี้ไว้ให้ได้
ฝีมือของฮองเฮาจ้าวนั้น นางเคยเห็นมาก่อนแล้ว
หากล่วงเกินนาง เกรงว่าตายอย่างไรก็ยังไม่รู้……
“เหนียงเหนียง แม้ว่าซุนตายิ่งจะตายไปแล้ว แต่หม่อมฉันกลัวว่าฝ่าบาทจะสืบมาถึงตัวหม่อมฉัน! เหนียงเหนียง ท่านต้องช่วยหม่อมฉัน! ”
ซูเฟยกลัวจนใจเต็วรัว สายตาของนางมองไปมาด้วยความหวาดระแวง
“ในเมื่อคนตายแล้ว คนตายย่อมไม่สามารถให้การได้ เจ้ากลัวอะไร?”
ฮองเฮาจ้าวหัวเราะเยาะเย้ย “ก่อนนางตาย ก็ไม่ได้ขายเจ้าไม่ใช่หรือ?”
“แต่หม่อมฉันก็ยังกลัวอยู่ดี!”
ซูเฟยกำมือไว้แน่นๆ จนข้อนิ้วซีตขาวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางใช้กำลังมากเพียงใด
เมื่อครู่หลังน้อมทักทายฮองเฮาจ้าวเสร็จ นางก็จากไปกับเหล่านางสนมทั้งหลาย
ก็เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นสงสัย
ตอนนี้แอบเข้ามาในตำหนักคุนหนิง เพื่อมาปรึกษาหารือเรื่องนี้กับฮองเฮาจ้าว
“เหนียงเหนียง หม่อมฉันทําตามคําแนะนําของเหนียงเหนียง ถึงจะสั่งให้ซุนตายิ่งไปวางยาพิษให้เต๋อเฟย ขอเพียงกําจัดเต๋อเฟยทิ้ง ฝ่าบาทก็จะหันมาสนใจพวกข้ามากเท่านั้น”
“เหนียงเหนียง ท่าน……”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกท่าทางที่หน้าตาถมึงทึงของฮองเฮาจ้าวขัดจังหวะ “ซูเฟย! นี้เจ้ากําลังข่มขู่ข้าหรือ?! ”
“ข้าเคยให้คำแนะนำให้เจ้าไปยั่วยุซุนตายิ่งไปวางยาพิษให้เต๋อเฟยเมื่อไหร่?!”
เมื่อเห็นนางโกรธ สีหน้าของซูเฟยก็เปลี่ยนไป
นางลืมไปได้อย่างไร
ผู้นี้คือ “ผู้ชนะเลิศ” ที่ยืนหยัดบนบัลลังก์ฮองเฮาอย่างมั่นคง และคงอยู่ในวังมาหลายปี!
ฮองเฮาจ้าวโหดเหี้ยมอำมหิต ต้องการกำจัดใครมักระงับอารมณ์และคำพูดเอาไว้
ฝีมือของหล่อน นางจะลืมได้อย่างไร?!
ซูเฟยรีบลุกขึ้น “เหนียงเหนียง หม่อมฉันพูดพลั้งปากไป! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเหนียงเหนียงแม้แต่สักนิด เป็นหม่อมฉันกับซุนตายิ่ง……”
“ไม่เกี่ยวข้องกับเข้าเช่นกัน”
สีหน้าของฮองเฮาจ้าวคลี่คลายลงเล็กน้อย
นางจับมือของซูเฟยนั่งลง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องอย่ารีบร้อนไปเลย นั่งลงแล้วค่อยๆคุยกัน”
“เรื่องนี้ฝ่าบาทได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว เป็นซุนตายิ่งที่วางยาพิษให้เต๋อเฟยเอง เจ้าเคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อใดกัน?”
นี่คือการแสร้งปลอบโยนนาง
ตบหัวแล้วลูบหลัง เรื่องเช่นนี้ฮองเฮาจ้าวถนัดที่สุดแล้ว
หากต้องการอยู่ในตําแหน่งอย่างมั่นคง การเอาใจผู้คน เป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่แล้ว
“เจ้าไว้ใจ ด้วยความสัมพันธ์ของพวกข้าสองคนแล้ว! แถมยังรับใช้ฝ่าบาทด้วยกัน หากน้องเป็นอะไรไป ข้าจะไม่ยืนดูเฉยๆ อย่างแน่นอน”
เมื่อมองดูความกลัวในสายตาของซูเฟย ฮองเฮาจ้าวก็รู้สึกได้ใจเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าซูเฟยจะเป็นบุคคลที่ไทเฮาคัดเลือกเองในตอนนั้น แล้วจะอย่างไรกัน?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางได้ทําให้ความหยิ่งยโสของซูเฟยจางหายไปนานแล้ว
ได้ขัดเกลาซูเฟยที่ “แหลมคม” นั้นให้เป็น “หินกลม” ที่เรียบเนียนมานานแล้ว
ในวังนี้ ควรเป็นนางฮองเฮาคนนี้มารับผิดชอบ
ต่อให้เป็นไทเฮาก็จะทำไม?
ซูเฟยที่สูงศักดิ์ก็จะทำไม?
หรือจะเป็นเต๋อเฟยที่โม่จงหรานใส่ไว้ในใจ ก็จะทำไม?!
ตราบใดที่มีนางอยู่วันหนึ่ง ไทเฮาก็จะไม่สามารถกลับวังได้ ซูเฟยและเต๋อเฟย ก็สามารถเป็นเพียงเฟยได้ตลอดไป และไม่สามารถเอาชนะนางฮองเฮาคนนี้ได้อย่างแน่นอน!
ทุกอย่างอยู่ในมือของนาง!
ขอเพียงหยุนธิงหลานให้กําเนิดพระนัดดาองต์โต ตําแหน่งของนางจะมั่นคงยิ่งกว่าเดิม!
ฮองเฮาจ้าวยิ้มมุมปาก ทำท่าเหมือนปรารถนาที่จะสมหวังอย่างแน่นอน
……
หลังจากประชุมเช้าเสร็จ โม่จงหรานก็เห็นหยุนหว่านหนิงที่มีเรื่องหนักอกหนักใจในห้องทรงพระอักษร
โม่เยว่และโม่หุยเหยียน รวมทั้งโม่ฮั่นอี่ว์ก็ตามมาด้วย
“หว่านหนิง เจ้าก็อยู่หรือ?”
โม่ฮั่นอี่ว์ยิ้งทักทายนาง โม่หุยเหยียนเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ โดยไม่ได้พูดอะไรกับนาง
นางเหลือบมองโม่เยว่ ส่งสายตาให้เขา
ถึงจะเป็นสามีภรรยาจอมปลอมแต่ก็ยังใจตรงกันอยู่บ้าง
โม่เยว่ก็เอ่ยปากทันทีว่า “เสด็จพ่อ ในเมื่อทางค่ายห้ากองพลนั้นยังมีเรื่องต้องจัดการ เช่นนั้นก็ให้พี่ใหญ่กับพี่รองไปจัดการเรื่องนี้ก่อนเถอะ”
ฟังออกว่าเขาจงใจหลบโม่หุยเหยียนกับโม่ฮั่นอี่ว์ออก โม่จงหรานก็จิกตาใส่เขา
“พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน”
เขาพูดอย่างเฉยชาว่า “หากครั้งต่อไปยังเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ข้าจะลอกหนังของพวกเจ้าทั้งสองแล้วเอามาทำเป็นเบาะเก้าอี้!”
โม่หุยเหยียนรีบก้มหัวลงแล้วตอบรับ
โม่ฮั่นอี่ว์ตัวสั่น และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เสด็จพ่อ จะลอกหนังก็ลอกของพี่ใหญ่เถอะ! หนังของหม่อมฉันหนาเกินไป อยากลอกหนังคงต้องลำบากหน่อย”
โม่หุยเหยียน:“……”
ช่างเป็นน้องชายที่แสนดีของเขาจริงๆเลย!
“ข้าเล่นกับเจ้าหรือ? ไปให้พ้น”
โม่จงหรานโบกมือด้วยความหงุดหงิด
“ขอรับ เสด็จพ่อ”
สองพี่น้องถอนตัวออกไปด้วยความเคารพ และทันทีที่ออกมาจากประตูห้องทรงพระอักษร ก็ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดั่งขึ้นที่นอกประตู
แต่ฟังจากเสียงแล้ว เป็นเพียงโม่ฮั่นอี่ว์เพียงฝ่ายเดียวที่ทะเลาะกับโม่หุยเหยียน……
“ว่ามาสิ พวกเจ้ามีเรื่องอะไรกัน?”
โม่จงหรานนั่งลง และเหลือบมองทั้งสองคนอย่างหนักหน่วง
“เสด็จพ่อ”
ดูออกว่าวันนี้ฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดี หยุนหว่านหนิงก็ยิ้มอย่างกระตือรือร้น “คืออย่างนี้ ลูกกับท่านอ๋องได้พูดคุยกันเสร็จแล้ว อีกไม่กี่วัน……”
ยังไม่ทันพูดจบ ซูปิ่งซ่านก็วิ่งเข้ามาในห้องทรงพระอักษรด้วยสีหน้าที่กังวล
“ฝ่าบาท แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาหอบ สีหน้าตื่นตระหนก บนหน้าผากมีเหงื่อไหลเต็ม
ซูปิ่งซ่านติดตามโม่จงหรานมาเป็นเวลาหลายปี และในฐานะหัวหน้าขันที ก็ได้ฝึกนิสัยที่ “ภูเขาไท่ถล่มต่อหน้าก็ไม่เปลี่ยนสีหน้า” (ภูเขาไท่ถล่มต่อหน้าก็ไม่เปลี่ยนสีหน้า+ต่อให้เจอเรื่องใหญ่โตแค่ไหนก็ไม่ตื่นตระหนก)
วันนี้หากไม่ใช่เป็นเพราะเจอเรื่องใหญ่โตอะไรจริง ก็คงไม่ตื่นตระหนกนักเช่นนี้แน่นอน
โม่จงหรานขมวดคิ้ว และถามอย่างไม่พอใจว่า “เกิดอะไรขึ้น?!”