อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่289 ซ่งจื่ออวี๋ปรากฏตัว
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่289 ซ่งจื่ออวี๋ปรากฏตัว
กลางคืนที่มัวหมอง ผู้มาเยือนสวมชุดสีขาว……
หากไม่ระวัง ก็จะตกใจจนเป็นโรคทางจิตได้
เดิมทีหยุนหว่านหนิงจะตะโกนว่า “มีผี” แต่เมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนโยนและคุ้นเคยนี้ นางก็รีบเงยหน้าขึ้นมอง ก็สบกับดวงตาที่สดใสคู่หนึ่ง
ภายใต้แสงสลัว ดวงตาของเขาดูสว่างเป็นพิเศษ
“ซ่งจื่ออวี๋?!”
หยุนหว่านหนิงตกตะลึง “เป็นท่านได้อย่างไร?!”
“หนิง……หว่านหนิง”
ซ่งจื่ออวี๋เปลี่ยนชื่ออย่างรวดเร็ว และคำว่า “หนิงหนิง” ในเมื่อครู่นั้น หยุนหว่านหนิงนึกว่าตัวเองหูฝาดไป
เขาถามอย่างอ่อนโยนว่า “ดึกป่านนี้แล้ว เจ้าจะไปที่ไหน?”
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?!”
หยุนหว่านหนิงได้สติคืนมา ก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่หรือ? เจ้ายังอยู่ที่ภูเขาหยุนอู้อยู่ไม่ใช่หรือ?!ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?!”
นอกจากได้กลิ่นยาจางๆ ที่ส่งมาจากบนกายของเขา และกลิ่นเลือดที่ถูกระงับเอาไว้แล้ว สีหน้าของเขาก็ปกติดี
ชุดสีขาวก็สะอาดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน……
คนที่ไม่รู้ จะไม่มีทางรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน!
“แผลของเจ้าเป็นอย่างไรแล้ว?”
ในใจของหยุนหว่านหนิงมีคำว่าเพราะอะไรนับหมื่นคำ
เดิมทีคืนนี้ นางจะไปหามังกรตาเดียว ให้เขาไปที่ภูเขาหยุนอู้ เพื่อดูว่าซ่งจื่ออวี๋เป็นอย่างไรบ้างแล้ว
ไม่รู้ว่าโม่เยว่จะกลับมาเมื่อไหร่ คืนนี้นางไม่สามารถไปที่ภูเขาหยุนอู้ได้แล้ว
อีกอย่าง สิ่งที่หมอหลวงหยางพูดก็ถูก
ร่างกายของนางอ่อนแอเทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้ แม้จะทานยาที่ “คนไม่รู้จัก” ให้มา ร่างกายฟื้นตัวขึ้นมามากแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยง
หลังจากมีลูกชาย นางก็คือซูเปอร์แมน
ไม่กล้าป่วย เพราะกลัวจะทิ้งลูกไว้คนเดียว
ตอนนี้พอเห็นซ่งจื่ออวี๋แล้ว นางก็ถามอย่างรีบร้อนว่า “ใครทำเจ้าบาดเจ็บ?”
“เสวียนซันเซียนเซิงล่ะ?”
“ตอนนี้เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
“ข้าไม่เป็นไร”
เมื่อเผชิญกับความกังวลและเป็นห่วงของนาง ในดวงตาของซ่งจื่ออวี๋ฉายแววรอยยิ้มที่สังเกตได้ยาก เสียงของเขา อ่อนโยนกว่าเดิม “เจ้ายังสบายดีหรือไม่?”
“เวลาไหนแล้ว เจ้ายังถามข้าว่าสบายดีหรือไม่”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว “ขอข้าดูแผลของเจ้าหน่อย”
พูดจบก็เอื้อมมือไปแก้ผ้าของเขา……
ในยามวิกฤต นางจะไปคิดพิจารณาถึง “ภายใต้สายตาของสาธารณชน” และ “หญิงชายมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน” ได้อย่างไรกัน?
“ข้าไม่เป็นไร”
ซ่งจื่ออวี๋ก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ได้กลัวว่าบาดแผลจะน่ากลัวเกินไป แล้วทำให้นางตกใจ
เพราะนางเป็นคนทำแผลให้เขาเอง นางไม่ตกใจแน่นอน
แค่กลัวว่าจะถูกคนอื่นเห็นเข้า จะทำให้ชื่อเสียงของหยุนหว่านหนิงเสียหาย
เขารู้ดีว่าโม่เยว่ขี้หึงแค่ไหน
ดังนั้นเมื่อคืนนี้หลังจากรู้ว่าเขามา เขาก็รีบหายตัวไปจากหน้าพวกเขา และแอบกังวล จนกระทั่งโม่เยว่พาหยุนหว่านหนิงไป เขาจึงค่อยปรากฏตัว
“หว่านหนิง ร่างกายของเจ้าจะอ่อนแอลงทุกวัน”
เวลาของซ่งจื่ออวี๋มีจำกัด
กลัวโม่เยว่จะกลับมาอย่างกะทันหัน เขาจึงตัดประเด็นว่า “ครั้งนี้เสียพลังงานมากเกินไป และยิ่งพัวพันไปถึงหัวใจกับชีพจร”
“ข้ากับอาจารย์ร่วมใจกันขอยาเม็ดนี้มา เจ้าท่านลงไปก่อน”
ซ่งจื่ออวี๋หยิบกล่องบุผ้ากล่องหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้นาง “หลังรับประทานลงไปห้ามสัมผัสน้ำเย็น และห้ามดื่มเหล้า หากรู้สึกไม่สบาย มาหาข้าที่จวนซ่ง”
ถ้าไม่ใช่เพราะมีคำสั่งเสียเหล่านี้ เขาคงให้นางทานยานี้ลงไปนานแล้ว
เพื่อความปลอดภัยของหยุนหว่านหนิง เขามาที่ภูเขาหยุนอู้โดยเฉพาะเลย
แม้จะไม่ชินกับบรรยากาศในเมืองหลวง หรือชีวิตที่เร่งรีบนี้มากเพียงใด……
ช่วงนี้ เขาจะอาศัยอยู่ในจวนซ่ง
“เจ้า ไปขอยาให้ข้าหรือ?”
หยุนหว่านหนิงรับกล่องบุผ้ามา และถามด้วยความงุนงง “ดังนั้นที่เจ้าบาดเจ็บ ก็เป็นเพราะไปขอยาให้ข้า? เจ้าไปขอยาที่ไหน? คนที่ขอคือใคร?”
ในใจของนางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
สัญชาตญาณบอกนางว่า ครั้งนี้ที่ซ่งจื่ออวี๋ไปขอยา คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน
เพียงแค่บาดแผลที่น่ากลัวบนกายของเขา ก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่างได้แล้ว!
ซ่งจื่ออวี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ แล้วเสวียนซันเซียนเซิงล่ะ?
ได้บาดเจ็บด้วยหรือ? !
สองสามวันนี้ หยุนหว่านหนิงก็สังเกตเห็นว่า เรี่ยวแรงของนางไม่อาจเทียบกับเมื่อก่อนได้อีกต่อไป
หากเป็นเมื่อก่อน นางช่วยคนอื่นทำแผล ก็คงไม่เหนื่อยจนเป็นลมไปแน่นอน ตอนแรกคิดว่า เป็นเพราะนางไม่ได้รับมือกับอาการบาดเจ็บที่ยากแบบนี้มานาน จึงทำให้นางหมดเรี่ยวแรง
แต่หลังจากฟังซ่งจื่ออวี๋พูดแล้ว นางจึงค่อยรู้ว่าเป็นเพราะร่างกายของนางมีปัญหาอีกแล้ว
วิญญาณไม่มั่นคง จึงทำให้ร่างกายของนางอ่อนแอลงเรื่อยๆ
เห็นได้ว่าฤทธิ์ยาของยาที่ซ่งจื่ออวี๋มอบให้นางในตอนนั้น กำลังจางหายไปอย่างรวดเร็ว!
แล้วยานี้ มีผลอะไร? !
“เจ้าอย่าถาม”
ภายใต้แสงตะเกียง ริมฝีปากของซ่งจื่ออวี๋ดูซีดเล็กน้อย และผิวก็ดูขาวใสอย่างผิดปกติ “ข้ากับอาจารย์ มีเบาะแสแล้ว”
“หลังจากที่พวกข้าแน่ใจว่าวิธีนั้น จะไม่มีผลร้ายต่อเจ้าแล้ว……”
“จะช่วยเจ้าระงับวิญญาณ และจะไม่เกิดปัญหาใดๆอีกต่อไป”
หยุนหว่านหนิงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
เป็นเพราะนาง ซ่งจื่ออวี๋และเสวียนซันเซียนเซิงจึงได้เข้ามาพัวพันกับเรื่องเหล่านี้
แต่เดิมทีพวกเขา สามารถยืนดู……ไม่ช่วยได้ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว นางไม่ใช่คนสำคัญอะไร เดิมทีพวกเขาเป็นนักยอดฝีมือที่อยู่อย่างสันโดษ เดิมทีสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระและสงบสุขได้!
เพราะนางไปที่ภูเขาหยุนอู้ และขอร้องให้เสวียนซันเซียนเซิงลงมาจากภูเขา
ทุกอย่างถูกเปลี่ยนแปลงไปหมด
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางก็รีบหยิบอาหารที่นับไม่ถ้วนออกมาจากช่องว่าง
“รบกวนเจ้าส่งสิ่งเหล่านี้ไปให้เซียนเซิง! เขาทานหมดแล้วข้าค่อยเอาให้เขาต่อ แต่ก็ไม่สามารถกินมากจนเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย”
การให้อาหารอร่อยแก่เสวียนซันเซียนเซิง เป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดที่นางคิดได้ในตอนนี้……
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซ่งจื่ออวี๋ก็หัวเราะเบาๆ “ไม่จำเป็น”
“ช่วงนี้อาจารย์ต้องปี้กู่(งดกินซีเรียลเพื่อความเป็นอมตะ)”
เขาดันของกลับเบาๆ
เสียดายน้ำใจของหยุนหว่านหนิง……
“ก็ได้”
นางขมวดคิ้วและถามอย่างรีบร้อนว่า “แล้วเจ้าต้องการอะไร?ข้าสามารถช่วยเจ้าทำอะไรได้บ้าง?พวกท่านทำเพื่อข้าเช่นนี้ ข้ารู้สึกเกรงใจยิ่งนัก”
“ข้าไม่ต้องการอะไร ขอแค่เจ้าสบายดีก็พอ”
ซ่งจื่ออวี๋มองดูนางอย่างลึกซึ้ง
ครั้งนี้หยุนหว่านหนิงเห็นอย่างชัดเจน
ในดวงตาของเขา……เต็มไปด้วยความรักที่ลึกซึ้ง
สายตานี้ คุ้นมาก!
มันเหมือนกับสายตาที่พร่ามัวตอนนางมองเห็นบนภูเขาหยุนอู้ก่อนที่นางจะสลบไปในเมื่อคืนนี้
เพียงแต่ว่าคืนนี้ สายตานี้ปรากฏต่อหน้านางอย่างชัดเจน
หยุนหว่านหนิงถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว “เจ้า เจ้า……”
นางไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี แต่ก็รู้สึกว่ามีหลายอย่างที่อยากพูดกับซ่งจื่ออวี๋ สายตาที่เขามองนาง ผิดปกติมาก!
นอกจากไม่เหมือนสายตาที่นักยอดฝีมือที่อยู่อย่างสันโดษพึงมีแล้ว……
หยุนหว่านหนิงมักรู้สึกอยู่เสมอว่า สายตานี้ช่างคุ้นเคยเสียจริง!
ราวกับว่านางเคยเห็นสายตาเช่นนี้ ก่อนเมื่อคืนวันนี้มาก่อนแล้ว
นอกจากความรู้สึกที่ลึกซึ้งแล้ว ยังมีคุ้นตา
หยุนหว่านหนิงพยายามนึกคิดว่าเคยเห็นสายตานี้ที่ไหน
แต่ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ สมองก็ยิ่งปวดร้าวเหมือนกำลังจะระเบิด
นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ค่อยๆ นั่งลงต่อหน้าซ่งจื่ออวี๋ดวยความเจ็บปวด “เจ็บ เจ็บมาก……”
หากเป็นปกติ ซ่งจื่ออวี๋จะถามด้วยความห่วยใยอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าหยุนหว่านหนิงมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จนนั่งลงกับพื้น เขาไม่ได้ขยับ ร่างที่ยาวเพรียวของเขาสะท้อนอยู่บนพื้น ทอดยาวไปตามแสงที่อยู่ข้างหลังเขา
เขามองดูหยุนหว่านหนิงอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
มือที่ห้อยอยู่ข้างๆ กลับกำแน่น ทรยศความตึงเครียดในใจของเขาในขณะนี้
ดวงตาสว่างคู่นั้น กลับมีวี่แววของความคาดหวัง……