อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่309 ขอบคุณบรรพบุรุษเจ้า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่309 ขอบคุณบรรพบุรุษเจ้า
หยุนธิงหลานกระโจนเข้าไปอย่างโหดร้าย
แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้หยุนหว่านหนิง ก็ถูกหรูเยียนกระชากคอเสื้อไว้ก่อน “คุณหนูรองหยุน คิดจะกระทำล่วงเกินเหรอ”
“สมควรถูกลงโทษ!”
หยุนธิงหลานเท้าลอยขึ้นจากพื้น มือเท้าขยับไปมา เหมือนกำลังพายเรือ
ท่าทางนี้ตลกมาก
อาจเป็นเพราะรู้ตัวว่าการกระทำของตัวเองน่าขำมาก……เพราะยังไงหยุนหว่านหนิงกับหยุนธิงธิงกำลังกลั้นหัวเราะกันอยู่
หยุนธิงหลานหยุดขยับ ตะคอกด่าหรูเยียนเสียงดัง “ปล่อยข้าลงนะ!”
แต่เสียดายที่แรงไม่พอ
หรูเยียนปล่อยมือเบาๆ นางก็ตกลงพื้นอย่างแรงแล้ว
ช่วงก่อน เพราะมังกรตาเดียว ทำให้แผลบนร่างกายของนางยังไม่หายดี!
วันนี้พอล้มแบบนี้ นางก็เจ็บจนกัดฟันร้องซี๊ด “เจ้า……”
“ไหนว่าให้ข้าปล่อยมือไง?”
หรูเยียนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “คุณหนูรองหยุน ถึงแม้วันนี้ท่านจะแต่งเข้าจวนอ๋องสาม แต่ก็อย่าลืมล่ะว่า ท่านเป็นแค่พระชายารองเท่านั้น!”
“เจอพระชายาจะต้องคุกเข่าทำความเคารพ”
หรูเยียนแสยะยิ้ม “ถ้าท่านยังพูดจาล่วงเกินพระชายาอีก……”
“ท่านอ๋องก็คงจะให้ท่านอ๋องสามลิ้มรสความเจ็บปวดบ้าง!”
นางไม่ได้ข่มขู่หยุนธิงหลาน
แต่ใช้โม่หุยเฟิงมาข่มขู่นางแทน!
นางรู้ว่า โม่หุยเฟิงเป็นจุดอ่อนของหยุนธิงหลาน!
ตอนนี้โม่หุยเฟิงบาดเจ็บไปถึงภายใน ไม่ใช่อ๋องหยิงที่ทรงอิทธิพลเหมือนตอนนั้นแล้ว ถ้าโม่เยว่อยากทำอะไรเขา ก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก!
เป็นไปตามที่คิดไว้ สีหน้าหยุนธิงหลานเปลี่ยนไป นางรีบเงียบปากทันที
“น้องรอง วันนี้ข้าใจดี ส่งเจ้าแต่งงานได้นะ!”
หยุนหว่านหนิงถอนหายใจเบาๆ “ถ้าเจ้าไม่ต้อนรับ งั้นข้าก็ขอตัวลานะ”
“ใช่สิ——”
นางกลับหลังหันไปมองหยุนธิงหลาน “ถ้าเจ้าไม่อยากเจอข้า วันนี้ก็ต้องเจออยู่ดี เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องสาม ต่อไปข้าก็จะกลายเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า!”
“ยังไงเจ้ากับข้าก็เป็นพี่น้องกัน วันนี้ข้าจะไม่ถือโทษอะไร เจ้าไม่ต้องคุกเข่าเคารพข้าก็ได้!”
หยุนธิงหลานเป็นพระชายารอง
ตามหลักแล้ว วันนี้แต่งเข้าจวนอ๋องสาม นางจะต้องคุกเข่าเคารพฉินซื่อเสวีย
นอกจากนี้แล้ว ยังต้องเจอกับพวกพี่น้องสะใภ้อีกด้วย
ที่น่าอึดอัดคือ หยุนหว่านหนิงเป็นพระชายาของพวกเขา นางเป็นพระชายารอง……
พระชายารองเจอพระชายาเอก จะต้องคุกเข่าทำความเคารพเท่านั้น
โดยเฉพาะตอนที่เจอกันครั้งแรก!
พอหยุนหว่านหนิงพูดแบบนี้ หยุนธิงหลานก็อายจนหน้าแดงไปถึงใบหู
“เจ้า เจ้า……”
เห็นนางโกรธจนพูดไม่ออก หยุนหว่านหนิงก็แสยะยิ้มเบาๆ “เจ้าไม่ต้องโกรธหรอก! ที่จริงวันนี้ข้าก็ถือว่าช่วยเจ้าเหมือนกันนะ!”
“ถ้าเจ้าไม่ใช้วิธีที่ข้าพูด วันนี้เจ้าคงได้กลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองแล้วล่ะ?”
หยุนธิงหลานพูดไม่ออก
“ถ้าไม่เกิดเรื่องอะไรก่อน จวนอ๋องสามจะยอมแพ้เอง!”
หยุนหว่านหนิงพูดต่อว่า “เจ้าไม่ต้องใส่ชุดมุ้งนั้นหรอก เดี๋ยวอีกสักพัก จวนอ๋องสามก็จะส่งชุดแต่งงานดีๆมาให้เจ้าเอง เจ้ายังต้องขอบคุณข้าด้วยนะ!”
หยุนธิงหลานมองด้วยความแค้น: “……นั่นสิ ข้าต้องขอบใจเจ้าจริงๆ”
“ขอบใจบรรพบุรุษเจ้าน่ะสิ”
คำพูดนี้ พูดตามหยุนหว่านหนิงอีก
“บรรพบุรุษข้าไม่เกี่ยวกับเจ้าเหรอ? คุณหนูหยุน…ธิงหลาน?”
หยุนหว่านหนิงแสยะยิ้มมองนาง ตั้งใจเน้นหนักคำว่า ‘หยุน’
หยุนธิงหลานขมวดคิ้ว ทำไมถึงด่าตัวเองไปด้วยนะ……
หยุนธิงธิงรีบเข้ามาพูดว่า “ยังมีข้าอีก! ท่านพ่อด้วย และท่านปู่ และอีกหลายๆคน ทุกคนสกุลหยุนกันหมด! ช่วงเวลามงคลขนาดนี้ พี่รองด่าบรรพบุรุษได้ยังไง?”
หยุนธิงหลานพูดไม่ออก จึงเงียบปากไป
……
ในขณะเดียวกัน จวนอ๋องสาม
“ว่าไงนะ? หยุนธิงหลานนั่นไม่ยอมใส่ชุด เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ออกมางั้นเหรอ?!”
ได้ยินข้ารับใช้ตอบ ฉินซื่อเสวียก็ถามอย่างแปลกใจ “ถ้าไม่ขึ้นเกี้ยวอีก เดี๋ยวจะพลาดเวลามงคลไปนะเจ้าคะ! ถ้าพลาดไปเดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ได้?!”
ฉินซื่อเสวียอยากเห็นหยุนธิงหลานอับอายทั่วเมือง
ดังนั้น จึงตั้งใจเอาชุดแต่งงานมุ้งบางๆส่งไปให้หยุนธิงหลาน
แต่ว่า แค่อยากให้หยุนธิงหลานอับอายก็เท่านั้น!
แต่ไม่คิดว่าจะพลาดเวลามงคลได้ เดี๋ยวงานแต่งนี้ก็ล่มกันพอดี!
งานแต่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ ใครกล้าทำล่มกัน?
ให้หยุนธิงหลานอับอายไม่เป็นไร แต่ถ้าพลาดเวลามงคล……ก็เท่ากับว่าสู่ขอตัวกาลกิณีเข้าบ้าน ต่อไปทั้งจวนจะไม่เป็นสุข!
“นังบ้านั่น! นางกล้าได้ยังไง!”
ฉินซื่อเสวียฟาดแก้วชาลงพื้นอย่างแรง
จื่อซูรีบพนมมือ พึมพำว่า “ขอให้เป็นสุขๆ!”
“แขกเหรื่อยังรออยู่เต็มบ้าน ท่านอ๋องก็สั่งคนมาถามหลายครั้งแล้ว นังบ้านั่นยังกล้าขัดคำสั่งข้าอีก?!”
ฉินซื่อเสวียโกรธจนควันออกหู
หยุนธิงหลานคิดจะเปิดศึกกับนางงั้นเหรอ!
จื่อซูทนดูต่อไปไม่ไหว จึงกระซิบพูดเสียงเบาว่า “แต่ว่าพระชายา ชุดแต่งงานนั่นดูบางเกินไปจริงๆนะเจ้าคะ”
ไม่เพียงแต่บาง แทบยังใส่ออกมาให้ผู้คนดูไม่ได้ด้วย!
“คุณหนูหยุนไม่อยากใส่ ก็……”
“ก็อะไร?!”
ฉินซื่อเสวียกวาดตามองไป “เจ้าอยู่ฝ่ายไหนกันแน่! ข้าเป็นพระชายา ก่อนหน้านั้นก็ดูแลนางอย่างดี ดูแลครรภ์ของนางโดยไม่พูดอะไรสักคำ”
“แต่ใครจะรู้ว่ายัยนั่นจะแกล้งท้อง!”
พูดถึงเรื่องนี้ นางก็โมโหมาก แต่ในใจก็ดีใจมาก!
ตอนแรกคิดว่าหลังจากเรื่องนี้จบไป หยุนธิงหลานคงไม่มีโอกาสได้เข้าจวนอีกแล้ว
แต่ใครจะรู้ว่า โม่จงหรานจะประทานการแต่งงานให้?!
“หลอกข้าไม่เท่าไหร่ แต่ทำให้ข้ากับท่านอ๋องขายหน้า กลายเป็นตัวตลกของทั้งเมือง! กระทั่งดพราะเรื่องนี้ ท่านอ๋องถูกยึดตำแหน่งไป ถูกกักบริเวณอยู่ในจวน”
ฉินซื่อเสวียก็ต้องโดนลงโทษไปด้วย นางไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว!
ความฝันที่จะเป็นฮองเฮาของนางสลายแล้วล่ะ!
หลายเดือนมานี้ ยังฝืนหน้าหนาทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ฝืนปลอบใจโม่หุยเฟิง พวกเขายังมีโอกาสกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง……
แต่ใครจะรู้ว่าหยุนธิงหลาน จะเล่นแผนสกปรกแบบนี้?!
“ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเสด็จพ่อมีรับสั่ง ข้าไม่มีทางให้นางแต่งเข้าจวนนี้เด็ดขาด! เห็นแก่เสด็จพ่อ ข้าตั้งใจจัดงานแต่งนี้ขึ้นมา”
หยุนธิงหลานยังหน้าด้านไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอีก?!
ฉินซื่อเสวียสูดหายใจเข้าลึกๆ “นางอยากทำอะไรกันแน่?!”
“นางเป็นพระชายารอง หรืออยากใส่ชุดแต่งงานสีแดงสดงั้นเหรอ?!”
จื่อซูพูดอย่างระมัดระวัง “พระชายา หรือคุณหนูรองหยุน แค่ไม่อยากใส่ชุดแต่งงานที่บางเกินไป……”
“บาง?! อากาศร้อนขนาดนี้ จะให้ข้าส่งผ้าห่มไปเป็นชุดแต่งงานให้นางเหรอ?!”
ฉินซื่อเสวียพูดประชด
จื่อซูไม่กล้าพูดอะไรอีก กลัวพูดเยอะแล้ว จะโดนฉินซื่อเสวียด่าอีก
ฉินซื่อเสวียเดินวนไปมาในห้อง เสี่ยวยิ่นจื่อชะโงกหัวเข้ามารายงานว่า “พระชายา ท่านอ๋องสั่งให้ข้ามาถามว่า คุณหนูรองหยุนจะมาถึงจวนเมื่อไหร่ขอรับ!”
“ไม่ไปถามหยุนธิงหลานเองล่ะ มาถามข้าทำไม?”
ฉินซื่อเสวียตอบกลับไปอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่ได้ไปรับเจ้าสาวเสียหน่อย!”
เสี่ยวยิ่นจื่อก็หดคอกลับไป “แต่ท่านอ๋อง……”
“ไปตอบท่านอ๋องว่า หยุนธิงหลานจะมาถึงแล้ว! ให้ท่านอ๋องรออีกหน่อย”
ฉินซื่อเสวียขมวดคิ้ว ไล่เสี่ยวยิ่นจื่อกลับไปแล้ว จื่อซูก็พูดอย่างกังวล “พระชายา ตอนนี้คุณหนูรองหยุนไม่ยอมมา ท่านจะทำยังไงเจ้าคะ?”
“ข้ามีวิธีอยู่แล้ว”
ฉินซื่อเสวียแสยะยิ้มเย็นชา
นางกวาดตามองไปยังฉากกั้นห้อง กำแพงด้านหลังฉากกั้นมีรูปภาพแขวนอยู่
ในวันที่นางแต่งงานกับโม่หุยเฟิง ช่างศิลป์ในวังมอบภาพวาดนี้ให้เป็นที่ระลึกแก่พวกเขา และนางก็เก็บมาจนถึงปัจจุบัน
ฉินซื่อเสวียกระตุกยิ้มมุมปาก “ข้าจะให้นังบ้านั่นจดจำเอาไว้! ว่าใครเป็นนายหญิงในจวนแห่งนี้!”
นางกวักมือเรียกจื่อซู กระซิบสั่งเสียงเบา “เจ้าไป……”