อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่325 โม่เยว่หึงหวง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่325 โม่เยว่หึงหวง
“ซ่ง! จื่อ! อวี๋? !”
หยุนหว่านหนิงมองดูผู้ชายที่อยู่ในห้องทรงพระอักษรอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
เห็นเพียงเขาในชุดสีขาวพลิ้วไหว เต็มไปด้วยไอเทพ
ยังคงเป็นท่าทางตอนที่นางพบกับเขาครั้งแรก มองไม่เห็นร่องรอยของการได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาก็ยังคงเป็นปรมาจารย์ผู้หลีกเร้นจากโลกียวิสัย ในใจของนางท่านนั้น
เพียงแต่ว่าท่าทางของเขาในเวลานี้ ทำให้หยุนหว่านหนิงประหลาดใจจนอ้าปากค้าง
เห็นเพียง “ปรมาจารย์ผู้หลีกเร้นจากโลกียวิสัย” ถูกมัดอย่างแน่นหนา ยืนอยู่ข้างโม่จงหรานด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้าย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? !”
หยุนหว่านหนิงกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าไม่ได้เป็นคนทำหรือ?”
โม่จงหรานเลิกคิ้ว “ซ่งจื่ออวี๋บอกว่า เจ้าเป็นคนจับเขาได้ แล้วมัดเขาอย่างแน่นหนาส่งมาให้ข้า ให้เขามายอมรับผิดกับข้า”
เขาชูนิ้วโป้งให้กับหยุนหว่านหนิง “หว่านหนิง ทำได้ดีมาก! เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”
หยุนหว่านหนิง: “……”
คำพูดของโม่จงหราน ฟังแล้วทำไมมันแปลกๆ……
เมื่อวานนี้นางพูดเช่นนี้กับเขาก็จริง
แต่ว่าเมื่อวานนี้นางไม่ได้ไปพบกับซ่งจื่ออวี๋เลยนี่นา!”
ซ่งจื่ออวี๋เจ้าหมอนี่มีความสามารถทำนายอนาคตจริงๆด้วย ถึงขั้นรู้ว่านางเคยพูดอะไรกับโม่จงหราน? !”
ดังนั้น ก็เลยมากลบเกลื่อนคำโกหกแทนนางแต่เช้า? !
โม่เยว่สงสัย “หนิงเอ๋อร์ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
สายตาของหยุนหว่านหนิงตึงเครียดขึ้นมา
นางลืมไปได้อย่างไร ว่ายังมีจอมขี้หึงคนนี้ตามอยู่ด้านหลัง!
นางรีบหันกลับมา เห็นโม่เยว่ขมวดคิ้วแน่น สายตาที่มองไปทางซ่งจื่ออวี๋แฝงไปด้วยความมาดร้ายรางๆ…….นางแสร้งยิ้มออกมา “เสด็จพ่อ พวกท่านควรต้องไปประชุมเช้าแล้วใช่ไหม?”
โม่จงหรานมองไปทางซูปิ่งซ่าน
ซูปิ่งซ่านรีบร้อนพยักหน้า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ใกล้จะถึงเวลาแล้ว”
หยุนหว่านหนิงขยิบตาให้กับโม่จงหรานไม่หยุด: เสด็จพ่อ รีบพาลูกชายของท่านไปเร็วๆเถอะ!
โม่จงหรานไม่เข้าใจ
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงกันแน่ แต่เห็นท่าทางที่นางขยิบตาให้เขาไม่หยุด เขายิ้มออกมาเล็กน้อย
โม่จงหรานเป็นพ่อสามีที่ดีท่านหนึ่ง
แต่จะเป็นเสด็จพ่อที่ดีหรือไม่ ก็ไม่สามารถรู้ได้แล้ว
เขาเข้าใจความหมายของหยุนหว่านหนิง จึงกล่าวต่อโม่เยว่ “เยว่เอ๋อร์ ไปกันเถอะ”
โม่เยว่ยืนนิ่งไม่ขยับ “เสด็จพ่อ ซ่งจื่ออวี๋คือชินเทียนเจี้ยน ควรจะเข้าประชุมเช้าด้วยหรือไม่?”
“ท่านอ๋อง เมื่อครู่นี้ฝ่าบาทมีคำสั่ง ให้ข้าหันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิด”
ซ่งจื่ออวี๋พยักหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย
ความหมายนี้ ก็คือเขาไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมเช้าแล้ว
โม่เยว่รู้สึกไม่เต็มใจ สายตาหยุดอยู่ที่หยุนหว่านหนิง
นางรีบร้อนผายมือทั้งสองข้างออก “ไม่ต้องมองข้า! ข้าเป็นฮูหยินหลังเรือน วังหลังห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ข้าเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว คงจะไม่สามารถเข้าประชุมเช้าหรอกใช่ไหม?”
โม่เยว่พูดไม่ออก
โม่จงหรานเดินไปสองสามก้าว เห็นเขายังยืนอยู่ที่เดิม มีความสุขขึ้นมา “ยังไม่ไปอีก?”
“ทำไม? กลัวว่าซ่งจื่ออวี๋จะกินเมียของเจ้าหรือ?”
เขายังกลัวเล็กน้อยจริงๆ!
เมื่อก่อนโม่เยว่ยังรู้สึกโชคดี ที่หยุนหว่านหนิงลักพาตัวซ่งจื่ออวี๋ลงมาจากเขา ช่วยแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของเขา
แต่ต่อมาค่อยๆพบว่า สายตาของซ่งจื่ออวี๋ที่มองไปทางหยุนหว่านหนิงดูเหมือนจะแปลกประหลาดเล็กน้อย
ในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาย่อมเข้าใจความแปลกประหลาดในสายตานั่นอยู่แล้ว
โม่เยว่เสียใจภายหลังอย่างมาก
ตอนนั้นไม่ควร จะให้ซ่งจื่ออวี๋มาเมืองหลวงเลย!
โดยเฉพาะครั้งก่อน เพื่อที่จะไปช่วยซ่งจื่ออวี๋ หยุนหว่านหนิงถึงกับทำให้ตัวเองเหนื่อยจนหมดแรง……ในใจของโม่เยว่ ทั้งเจ็บแปลบทั้งขมขื่นจนใจและรู้สึกโกรธ
วันนี้ปล่อยให้พวกเขาอยู่ในห้องเดียวกัน ในใจของเขาไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยอยู่แล้ว
“ซ่งจื่ออวี๋ เจ้าเป็นถึงปรมาจารย์ผู้หลีกเร้นจากโลกียวิสัยนะ”
สายตาของเขาจ้องมองซ่งจื่ออวี๋อย่างไม่ละสายตา น้ำเสียงแฝงไปด้วยการกดดันอย่างชัดเจนเล็กน้อย “ความหมายของข้า เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”
ซ่งจื่ออวี๋ยังไม่ได้พูดอะไร กลับเป็นหยุนหว่านหนิงที่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย
ผู้ชายคนนี้ พูดจากดดันซ่งจื่ออวี๋ ต่อหน้าเสด็จพ่อ? !
ซ่งจื่ออวี๋สีหน้าไม่ยินดียินร้าย
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของโม่เยว่ เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย “ความหมายของอ๋องหมิง จื่ออวี๋เข้าใจ ขอท่านอ๋องโปรดวางใจ”
โม่เยว่ออกไปจากห้องทรงพระอักษรอย่างอาลัยอาวรณ์
ทิ้งหยุนหว่านหนิงกับซ่งจื่ออวี๋ไว้ภายในห้องทรงพระอักษร บรรยากาศดูแปลกประหลาดเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าบริเวณโดยรอบไม่มีใครแล้ว ซ่งจื่ออวี๋ถึงได้นั่งลงบนเก้าอี้ทันที สีเลือดบนใบหน้าจางหายไปในชั่วพริบตา
เขาครางอู้อี้ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งสายตาก็เปลี่ยนเป็นมืดมนแล้ว!
“ซ่งจื่ออวี๋! ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”
หยุนหว่านหนิงรีบเดินไปแก้มัดให้เขา “ท่านจะลำบากไปทำไม? เมื่อวานข้าก็แค่พูดกับเสด็จพ่อไปอย่างนั้นเอง!”
“กลัวว่าเจ้าจะมีโทษลบหลู่เบื้องสูง”
ซ่งจื่ออวี๋ยิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง ริมฝีปากซีดขาว
หยุนหว่านหนิงถึงได้กลิ่น ที่เหมือนกับกลิ่นคาวเลือดเล็กน้อย รวมไปถึงกลิ่นหอมยาบนร่างกายของเขา……นึกถึงบาดแผลที่น่ากลัวบนร่างกายของเขา นัยน์ตาของนางร้อนผ่าว “อาการบาดเจ็บของท่านมันคืออะไรกันแน่?”
ซ่งจื่ออวี๋ก้มหน้าลง ไม่ได้พูดอะไร
“ท่านมีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่กันแน่?”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วแน่น
เมื่อวานไปที่ภูเขาหยุนอู้ ไม่สามารถแงะปากของเสวียนซันเซียนเซิงออกได้
วันนี้ นางวางแผนจะถามซ่งจื่ออวี๋โดยตรง!
นางเพิ่งจะพูดออกมา ก็ได้ยินซ่งจื่ออวี๋กล่าวว่า “หว่านหนิง วันหน้าหากเจ้ามีเรื่องอะไร ก็มาถามข้าโดยตรงได้เลย”
“ทางด้านอาจารย์ เจ้าไม่ได้คำตอบอะไรหรอก”
เขารู้จริงๆด้วย ว่านางไปหาเสวียนซันเซียนเซิงเมื่อคืนนี้!
หยุนหว่านหนิงคิดทบทวนดูแล้ว ก็นั่งลงตรงข้ามเขา “ซ่งจื่ออวี๋ ในเมื่อท่านพูดขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะถามเจ้าเป็นอย่างดีจริงๆ”
“ข้อแรก ในอดีตท่านกับข้ารู้จักกันใช่ไหม?”
สายตาของซ่งจื่ออวี๋เป็นประกายเล็กน้อย สุดท้ายก็พยักหน้า
ก่อนหน้านี้พวกเขารู้จักกันจริงๆ? !
แต่ไม่ว่าอย่างไรหยุนหว่านหนิงก็นึกไม่ออก ว่านางกับซ่งจื่ออวี๋รู้จักกัน!
นางขมวดคิ้วจนเป็นอักษร “ชวน” ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “ในเมื่อท่านรู้ว่า ข้าไม่ใช่คนในห้วงเวลานี้”
“ก็น่าจะรู้ว่า สำหรับข้าแล้วความทรงจำบางอย่างอาจจะขาดหายไป ข้าจำไม่ได้ว่าข้ารู้จักท่าน”
หยุนหว่านหนิงกล่าวถามอย่างหยั่งเชิง “พวกท่านสองคนมีความสัมพันธ์กันอย่างไรกันแน่?”
“พวกท่าน” ในที่นี้ หมายถึงร่างเดิมหยุนหว่านหนิงกับซ่งจื่ออวี๋
เหตุใดซ่งจื่ออวี๋ถึงเรียกหยุนหว่านหนิงว่า “หนิงหนิง” ?
“ข้าจำได้ก็เพียงพอแล้ว”
ซ่งจื่ออวี๋มองดูนางอย่างลึกซึ้ง “หว่านหนิง เรื่องบางอย่างเจ้าลืมไปแล้ว สำหรับเจ้าแล้วอาจจะดีกว่าก็ได้ ชะตาฟ้าลิขิต ในเมื่อสวรรค์กำหนดให้เจ้าลืมเรื่องนี้ มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเจ้า”
“วันหน้าเจ้าแค่ต้องจำไว้ว่า เจ้าคือหยุนหว่านหนิง ข้าคือซ่งจื่ออวี๋ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
นี่หมายความว่าไม่ยินดีจะบอกนาง……
หยุนหว่านหนิงโมโห “ท่านพูดบ้าอะไรของท่านอยู่เนี่ย?”
“เมื่อครู่นี้ท่านยังบอกว่า ข้าอยากถามอะไรก็ให้ถามท่านได้เลย! ข้าก็ถามโดยตรงแล้ว ท่านยังไม่ตอบมาตามตรงอีก นี่ไม่ใช่การจงใจแกล้งข้าหรอกหรือ?”
ซ่งจื่ออวีก้มหน้า นิ่งเงียบไป
“ได้ ท่านไม่ตอบคำถามข้อนี้ ก็ไม่เป็นไร”
หยุนหว่านหนิงเห็นท่าทาง “ยากที่จะคาดเดาและทำให้คนกลัดกลุ้ม” ของเขา ได้แต่กัดฟันกล่าวขึ้นมาอีก “เช่นนั้นคำถามข้อที่สอง”
“อาการบาดเจ็บบนร่างกายของท่านมาได้อย่างไร?”
สายตาของนาง มองไปทางปกคอเสื้อที่ขาวสะอาดของซ่งจื่ออวี๋
นางจำได้ว่าภายใต้เสื้อผ้าสีขาว คือบาดแผลที่ทำให้คนตกใจ……
“เป็นเพราะข้าใช่ไหม? ยังรักษาให้หายได้ไหม?”
คำถามหลายข้อติดต่อกัน น้ำเสียงของหยุนหว่านหนิงเร่งรีบเล็กน้อย
ไม่ว่าอย่างไร ครั้งนี้นางเป็นคนติดค้างซ่งจื่ออวี๋
ไม่ว่าในอดีตพวกเจ้าจะรู้จักกันหรือไม่ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร นางหยุนหว่านหนิงไม่เคยมีนิสัยติดค้างหนี้บุญคุณคนอื่นมาตลอด นางมีแค้นต้องชำระ มีบุญคุณก็ยิ่งต้องทดแทน!
หากอาการบาดเจ็บของซ่งจื่ออวี๋สามารถรักษาให้หายได้ ไม่ว่าจะใช้ยาวิเศษหายากอะไร นางก็ต้องหาวิธีรักษาเขาให้หาย!
นี่คือน้ำใจที่นางควรต้องตอบแทน!
ฟังออกถึงความเร่งรีบในน้ำเสียงของนาง ซ่งจื่ออวี๋มองไปทางนางด้วยสายตาซับซ้อน
เขากำลังจะพูดออกมา หน้าประตูก็มีเสียงดังมา: “พระชายา!”