อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่433 ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านแม่จัง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่433 ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านแม่จัง
ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น สีหน้าโม่เยว่ก็เปลี่ยนไป รีบกลับหลังหันไปดู
เห็นหยวนเป่าตื่นแล้ว
ตอนนี้กำลังคลานไปบนตัวหยุนหว่านหนิง
เด็กดีและน่ารัก
หยุนหว่านหนิงยังไม่ตื่น หยวนเป่านั่งอยู่ข้างเตียง จับมือนางเบาๆ สายตามองไปยังหรูโม่ แล้วมองไปยังโม่เยว่ “ท่านพ่อ”
เขาเรียนอีกครั้ง
โม่เยว่ก็ถึงได้สติ
รีบลุกขึ้น ยื่นมือไปอุ้มหยวนเป่า “หยวนเป่า เจ้าตื่นแล้วเหรอ?”
หยวนเป่ากอดคอของเขาไว้ ใบหน้าเย็นเฉียบถูไถใบหน้าของเขา “ท่านพ่อ ครั้งนี้พี่หรูโม่ช่วยข้าไว้ ท่านพ่ออย่างลงโทษพี่เขาเลยนะ”
หยวนเป่าพูดขอร้องแทนหรูโม่
หรูโม่ขอบตาแดงก่ำ
ตั้งแต่ที่หยวนเป่าหายตัวไป เขาก็ไม่เคยหลับสนิทเลย
เขารู้สึกผิดและโทษตัวเอง
อดทนมาหลายวันหลายคืน วันนี้ขอบตาแดง น้ำตารื้นติดต่อกันสองครั้งแล้ว
เขาไม่คิดว่าหลังจากช่วยคุณชายเล็กได้แล้ว คุณชายเล็กไม่เพียงแต่ไม่โทษเขา แถมยังขอร้องแทนเขาอีก……
หรูโม่กัดริมฝีปากก้มหน้าลงไป น้ำตาไหลตกลงพื้นไม้
หรูอวี้เริ่มบีบน้ำตา “ฮื่อๆๆ นายท่าน ดูคุณชายน้อยสิ เห็นใจกันขนาดไหน! นายท่านให้อภัยหรูโม่สักครั้งเถอะขอรับ!”
“เจ้าหมายความว่า ข้าใจร้ายใจดำงั้นเหรอ?”
โม่เยว่มองเขาตาขวาง สายตาเย็นชา
หรูอวี้อึ้ง ยิ้มเขินๆ “ข้าน้อยไม่ได้หมายความแบบนั้น……”
“งั้นเจ้าจะสื่ออะไร?”
“ข้าน้อย ข้าน้อย……”
หรูอวี้ตอบไม่ได้ จึงต้องมองหยวนเป่าด้วยสายตาขอร้อง
ปกติเขาก็สนิทกับหยวนเป่า
ตอนนี้เห็นหรูอวี้ตอบไม่ได้ หยวนเป่าก็เลยตอบแทน “ท่านพ่อ พี่หรูอวี้กับพี่หรูโม่ก็เหนื่อยกันมามาก พวกเขาสนิทกับข้าด้วย ท่านพ่อก็ปล่อยพวกพี่ๆไปเถอะ!”
เหตุผลการขอร้องของเขาง่ายและตรง พวกเขาเป็นเพื่อนของข้า
โม่เยว่: “……”
ลูกชายพูดมาขนาดนี้แล้ว เขายังจะพูดอะไรได้อีก?!
โม่เยว่ที่เป็น ‘ทาสลูกชาย’ ก็มองหรูโม่กับหรูอวี้ แล้วพูดว่า “ยังไม่รีบไสหัวออกไปอี รอข้าเชิญพวกเจ้ากินข้าวด้วยกันหรือไง?!”
“มิบังอาจขอรับๆ”
หรูอวี้รีบลุกขึ้น แล้วลากตัวหรูโม่ไปด้วยกัน ทั้งสองรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง
ไม่รอโม่เยว่พูด หยวนเป่าก็กอดคอของเขาไว้แน่น “ท่านพ่อ ข้าคิดถึงท่านพ่อจัง! คิดถึงท่านแม่ด้วย คิดถึงพวกท่านที่สุดเลย!”
น้ำเสียงของเขายังคงแหบแห้ง
โม่เยว่รู้สึกปวดใจ ดวงตาพร่ามัว
“พ่อกับแม่ก็คิดถึงเจ้ามากเหมือนกัน”
เขาอุ้มหยวนเป่ามานั่งบนเก้าอี้
นี่เป็นครั้งแรกในระยะเวลาอันยาวนานที่หยวนเป่าใกล้ชิดกับโม่เยว่ ใบหน้าของหยวนเป่าแนบชิดกับแผงอกของเขา มือน้อยๆกอดเขาไว้แน่น
วินาทีนั้น……
โม่เยว่รู้สึกเหมือนได้โอบกอดโลกทั้งใบ!
ลูกชายในอ้อมกอดเนื้อตัวนุ่มนิ่ม หัวใจของโม่เยว่แทบละลาย
“ให้พ่อดูเจ้าหน่อยสิ”
เขาจับใบหน้าของหยวนเป่า แล้วสังเกตมองดีๆ พูดเสียงสั่น “เหมือนจะผอมลงนะ แม่เจ้าจะต้องเป็นห่วงเจ้ามากแน่ๆ”
ไม่เพียงแค่หยุนหว่านหนิงที่เป็นห่วง เขาก็เป็นห่วงมากเหมือนกัน!
“ลูกคงจะลำบากแย่เลยสินะ”
โม่เยว่ถอนหายใจเบาๆ แล้วกอดเขาไว้อีกครั้ง “บอกพ่อสิ พวกคนเลวทำร้ายเจ้าหรือไม่?”
“ไม่ขอรับ”
น้ำเสียงของหยวนเป่าดูไม่มีความสุข
เขาอยู่ในอ้อมกอดโม่เยว่ สายตาจ้องมองไปยังหยุนหว่านหนิง
เห็นนางยังไม่ฟื้น สายตาของเขาก็กังวลมากขึ้น
ตอนนี้ หยวนเป่าไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชายร่างใหญ่ เขาแค่เบะปากถามว่า “ท่านพ่อ ทำไมท่านแม่ถึงยังไม่ตื่นล่ะ?”
เขาคิดว่า หยุนหว่านหนิงเหนื่อยเกินไป แค่หลับไปเท่านั้น
แต่ไม่รู้ว่า ร่างกายของนางมีปัญหา
ยาที่นางฉีดให้ตัวเองนั้นสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของนางอย่างมาก!
ถึงแม้หมอที่ปลอมตัวเป็นเสวียนซันเซียนเซิง ให้นางกินยาเพื่อขับพิษออกจากร่างกายของนาง
แต่หัวใจของนางเสียหายอย่างหนัก เกรงว่าคงต้องพักผ่อนอีกนาน
“ท่านแม่ของเจ้า……”
โม่เยว่อยากจะพูดความจริง แต่ก็กลัวว่าหยวนเป่าจะเป็นห่วง ก็เลยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ท่านแม่ของเจ้าเหนื่อยมากเกินไป ให้นางนอนหลับก่อนเถอะ!”
น้ำเสียงนี้ อ่อนโยนจนไม่เหมือนโม่เยว่เลย
หยวนเป่าเงยหน้ามองเขา แล้วตอบ ‘อืม’
อยู่ในอ้อมกอดของเขาสักพัก ก็กระโดดลงมา แล้วปีนขึ้นเตียงเท้าเปล่า! แนบใบหน้าไปที่หน้าอกของหยุนหว่านหนิงเบาๆ “ท่านแม่”
เขากอดหยุนหว่านหนิงไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ข้าคิดถึงท่านแม่จัง”
“ท่านแม่รีบตื่นมาได้ไหม มากอดข้าหน่อย……”
เห็นแบบนั้น โม่เยว่ก็ดวงตาแดงก่ำทันที
เขารู้ว่า ไม่ว่าเขาจะทำยังไง เขาก็เทียบกับหยุนหว่านหนิงในใจของหยวนเป่าไม่ได้
สำหรับลูกแล้ว แม่มีเพียงคนเดียวและไม่มีใครมาแทนที่ได้ทั้งนั้น
แต่เห็นภาพนี้แล้ว เขาก็รู้สึกเศร้าใจมาก
“ท่านพ่อยังมีธุระต้องทำหรือเปล่า? งั้นท่านพ่อไปทำก่อนเถอะ ข้าจะอยู่กับท่านแม่เอง ใช่สิ ข้ากลัวลุงชายร่างใหญ่เลวนั่นกลับมาจับตัวข้าไปอีก ท่านพ่ออย่าไปไหนไกลนะ……”
หยวนเป่าพูดเสริมด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้ากลัวเขาจะกลับมาจับตัวข้าไปอีก”
เห็นได้ชัดว่า เรื่องครั้งนี้กลายเป็นปมในใจของหยวนเป่าไปแล้ว
ลูกชายของเขา ปกติไม่เคยกลัวอะไร!
โม่เยว่เจ็บปวดใจ แต่กลับต้องฝืนยิ้ม รีบพยักหน้าตอบตกลง “ลูกวางใจได้ พ่อจะเฝ้าอยู่หน้าประตู จะไม่ไปไหนไกลเด็ดขาด”
ผ่านเรื่องครั้งนี้ไป เขาไม่กล้าประมาทอีกแล้ว!
แทบจะอยากให้หยวนเป่าอยู่ในสายตาตลอดเวลา ไม่อยากให้เขาหายไปไหนนานๆ?!
ถึงแม้จะมีเรื่องบอกหรูอวี้พวกเขา เขาก็จะบอกที่หน้าประตู จะไม่ออกจากโรงเตี๊ยมนี้เป็นอันขาด!
“ขอรับ ท่านพ่อ”
หยวนเป่าตอบด้วยรอยยิ้ม
ดูแล้วเขาคงจะทำใจได้แล้ว
โม่เยว่เดินออกจากห้องโดยหันหลังกลับทุกก้าว
เพิ่งปิดประตูลง ก็ได้ยินหยวนเป่าพูดเสียงเบาว่า “ท่านแม่ๆ รีบตื่นขึ้นมาสิ ข้าอยากให้ท่านแม่กอดข้า ท่านแม่……”
เขาแสบจมูก รีบเงยหน้าขึ้นกลั้นน้ำตาไว้
หรูโม่กับหรูอวี้ก็เฝ้าอยู่หน้าประตูโดยไม่หายไปไหน
เห็นเขาเดินออกมา หรูโม่ก็ก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไร
ถึงแม้หยวนเป่าจะขอร้องแทนเขา โม่เยว่ไม่ได้ลงโทษเขา แต่หรูโม่ก็รู้สึกผิดอยู่ดี
“หรูโม่”
โม่เยว่พูดเสียงเข้ม “เล่าเรื่องที่เจ้าตามหาหยวนเป่ามาทั้งหมด”
เขาอยากได้ยินว่า ลูกชายหนีออกมาได้ยังไง!
เขาจะจับตัวชายร่างใหญ่ที่ริอ่านลักพาตัวลูกชายของเขาให้ได้!
หรูโม่รีบตอบ “ตอบนายท่าน ตอนนั้นข้าน้อยกำลังเฝ้าอยู่ที่ท่าเรือ ไม่ทันได้สังเกตเห็นชายร่างใหญ่พาคุณชายน้อยวิ่งผ่านไปเลย”
“เพราะเขาเปลี่ยนหน้าให้คุณชายน้อย ก็เลยยากที่จะจำได้”
“คุณชายน้อยฉลาดมาก ตัวเองล้มลงและดึงดูดความสนใจของทุกคน”
“เขาไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากข้าน้อย เพราะกลัวจะทำให้เขารู้ตัว ก็เลยตั้งใจพูดแบบนั้นออกไป ทำให้ข้าน้อยจำคุณชายน้อยได้ ดังนั้นก็ถึงช่วยคุณชายน้อยไว้ได้ทัน!”
ตั้งใจพูดแบบนั้น?
โม่เยว่แปลกใจมาก หยวนเป่าพูดอะไรกันแน่
“พูดว่าอะไรเหรอ?”
หรูโม่ตอบอย่างละเอียด
ได้ยินคำตอบของเขา โม่เยว่ที่สีหน้าเย็นชา ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา
หรูอวี้ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาก็รู้สึกแปลกใจ เกาหัวแกรกๆแล้วถามอย่างสงสัย “นายท่านหัวเราะอะไรเหรอขอรับ?!”