อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่54 ความสัมพันธ์สองสามีภรรยาแบบจอมปลอมจริงด้วย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่54 ความสัมพันธ์สองสามีภรรยาแบบจอมปลอมจริงด้วย
หยุนหว่านหนิงหยิบยาออกมาจากช่องว่างและมอบมันให้กับเปี้ยจู (ช่องว่าง=สิ่งที่ใช้เชื่อมต่อกับนางเอก)
ยาเม็ดขวดหนึ่ง และสเปรย์พ่นขวดหนึ่ง หลังจากอธิบายวิธีการใช้ให้นางเสร็จ ก็สั่งให้คนรับใช้ส่งเปี้ยจูกลับไป แต่ก็ค่อยเฝ่าดูอย่างลับๆ
พรุ่งนี้ก็เป็นวันฉลองพระชันษาของเต๋อเฟยแล้ว เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
คืนนี้ เปี้ยจูพยานคนนี้ จะต้องห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น!
เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนหว่านหนิงส่งหยวนเป่าไปที่ตระกูลกู้
กู้ป๋อจ้งได้ลาออกจากข้าราชการมานานแล้ว ดังนั้นต่อให้เป็นวันฉลองพระชันษาของเต๋อเฟย แม้จะได้ส่งคนมาส่งใบเชิญแล้วก็ตาม เขาก็ไม่คิดที่จะเข้าวัง
สถานที่ที่สกปรกเช่นนั้น กู้ป๋อจ้งไม่อยากเข้าไปเหยียบอีก
โรคของกู้หมิง ก็ดีขึ้นภายใต้การรักษาของหยุนหว่านหนิง และตอนนี้ก็สามารถลงมาเดินได้แล้ว
เพียงแต่ว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเรื้อรังนั้น ยังไม่ได้ทำการรักษา
กระเพาะของเขา สาหัสยิ่งนัก
อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งในการดูแลรักษา
อย่างไรก็ตาม หยุนหว่านหนิงก็ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ตอนนี้โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเรื้อรังของเขานี้ยังไม่อันตรายถึงชีวิต ยาที่รักษาโโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเรื้อรัง คุณสมบัติของยาก็แรงมาก
ดังนั้น จะต้องรักษากระเพาะอาหารก่อน
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงกับหยวนเป่า กู้หมิงก็ตกตะลึงยิ่งนัก
แต่ไม่นาน ก็ดีใจขึ้นมา
เขาอายุจะสามสิบแล้ว แต่ก็ยังไม่แต่งงาน มีลูก ดังนั้นเขาจึงรักหยวนเป่าเด็กน้อยที่น่ารักและน่าเอ็นดูนี้เป็นอย่างมาก
แทบอยากจะมอบสิ่งดีๆ ทั้งหมดของเขาให้กับหลานชายตัวน้อยๆคนนี้ไปหมด
หลังจากกลับมาที่จวนอ๋องหมิง หยุนหว่านหนิงก็เร่งให้โม่เยว่รีบเข้าวัง
“เข้าวังเช้าขนาดนี้ทำไม?”
โม่เยว่เพิ่งเปลี่ยนยาเสร็จ มีกลิ่นยาจางๆอยู่บนตัว เขากำลังเล่นไฟฉายขนาดเล็กนั้นอยู่ “งานเลี้ยงวังจะเริ่มขึ้นในยามเซิน”
สิ่งนี้น่าสนใจยิ่งนัก
กดปุ่มเปิดปิด ก็สว่างขึ้นทันที
ยังสามารถเอาไว้ในอ้อมแขน สะดวกกว่าตะเกียงไปหลายเท่าเลย!
“วันฉลองพระชนมพรรษาของแม่ท่าน หรือวันฉลองพระชนมพรรษาของแม่ข้ากันแน่?”
หยุนหว่านหนิงจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาไรดั่งที่ตนหวังไว้ “ข้าได้ยินว่าอ๋องฉู่พวกเขา พาพระชายาไปน้อมทักทายเสด็จแม่เช้าเลย แต่ท่านลูกแท้ๆคนนี้กลับยังไม่ยอมออกจากจวน?”
“ก็เพราะข้าเป็นลูกแท้ๆ จึงไม่จำเป็นต้องสนใจพิธีรีตองทำเพื่อเอาหน้าเหล่านี้”
โม่เยว่ไม่ใส่ใจ และไม่ถือคำพูดของนางเป็นเรื่องสำคัญอะไร
“ข้ามีเรื่องต้องเข้าวัง”
หยุนหว่านหนิงเดินขึ้นไปที่ข้างเขา ทำท่าเหมือนจะแย่งไฟฉาย “หากเจ้าไม่ยอมตามข้าไปในตำหนักเว่ยหยาง องค์หญิงเก้าก็จะไม่เชื่อคำพูดของข้า”
จะได้รับความเชื่อใจของเต๋อเฟย
อย่างแรก ก็ต้องจัดการกับโม่เฟยเฟยให้ได้ก่อน
แต่ทำไงได้ ต่อให้ตายผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ยอมเจอนาง
คอของเปี้ยจู คงต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนกว่าถึงจะเห็นผล
หนึ่งเดือนกว่า ถือว่าเร็วมากแล้ว
จัดการกับโม่เฟยเฟยให้ได้ก่อน จากนั้นก็ค่อยจัดการกับเต๋อเฟย……หยุนหว่านหนิงคิดดีมาก
“เจ้ามีเรื่อง ไม่ใช่ข้ามีเรื่อง”
โม่เยว่ทำท่าทางเหมือนไม่เกี่ยวไรกับตัวเอง
“ท่าน……”
หยุนหว่านหนิงกำหมัดด้วยความโกรธ แต่ก็รู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ และสงบออร่าอันขุ่นมัวในใจลง “ข้าให้เงินท่าน”
นางยิ้มอย่างสดใส “ท่านรู้ ข้าขาดทุกอย่าง แต่ไม่ขาดเงิน”
“หนึ่งแสนตำลึงเงิน”
โม่เยว่ยื่นมือออกมา และทำท่าหมายตัวเลขหนนึ่ง
“หนึ่งแสน?!ท่านปล้นหรือ!”
หยุนหว่านหนิงจ้องเขา สาตาก็สามรถดึงเอ็นลอกหนังของเขาทิ้งแล้ว
“น้อยไปอย่างมาคุย”
“หนึ่งหมื่น!”
หยุนหว่านหนิงกัดฟันกราม “หากท่านไม่ไป ข้าจะเอาเงินไปทุบโม่เฟยเฟย! ข้าไม่เชื่อ เห็นแก่หน้าเงินแล้วนางยังจะไม่มาพบข้าอีก!”
หนึ่งแสนต่อราคาจนถึงหนึ่งหมื่น นางก็เป็นผู้ยอดเยี่ยมนัก
วันนี้เงินหนึ่งหมื่นตำลึงนี้ ไม่ใช่โม่เยว่เป็นคนได้
ไม่ก็ นางจะโยนให้กับโม่เฟยเฟยทีละหนึ่งร้อย หนึ่งร้อยตำลึงเงิน!
โยนหนึ่งร้อยครั้ง ไม่เชื่อว่านางจะไม่ยอมมาเจอตัวเอง!
หรือไม่ก็ ก็ใช้เงินหนึ่งหมื่นตำลึงนี้ไปสนองต่อความชอบนาง เปลี่ยนเป็นสิ่งที่โม่เฟยเฟยชอบ……
โม่เยว่เหลือบมองนาง “หยุนหว่านหนิง เจ้าต่อราคาเป็นหรือไม่?”
มีการต่อราคาเยี่ยงนางด้วยหรือ? !
“หนึ่งหมื่น จะไปไม่ไปก็แล้วแต่!”
หยุนหว่านหนิงไม่ยอมขึ้นราคาสูงกว่านี้อีก “ข้ารู้ว่าช่วงนี้ค่ายเสินจีของพวกท่านกำลังศึกษา และพยายามสร้างอาวุธปืน ไม่เพียงแต่จะขาดแคลนเงินเท่านั้น แถมยังขาดเอกสารที่เกี่ยวกับการทำอาวุธปืนอีกด้วย……”
เงื่นอไขนี้ เย้ายวนใจคนยิ่งนัก!
ช่วงนี้โม่หุยเฟิงพยายามช่วงชิงสูงต่ำกับเขาอยู่เสมอ
เมื่อสองวันก่อน โม่หุยเฟิงได้ไขคดีที่ค้างคาในเมืองหลวง และได้รับคำชมจากโม่จงหราน
ดังนั้น โม่เยว่จึงตัดสินใจศึกษาวิธีการทำอาวุธปืน
หากสร้างมันออกมาโดยเร็ว ทางเสด็จพ่อ……
“ตกลง”
โม่เยว่ยืนขึ้นและเดินออกไปขึ้นนอกโดยไม่หันกลับมามอง หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวก็พบว่าหยุนหว่านหนิงไม่ได้เดินตามมา “ไปสิ ยังยืนทำอะไรอยู่?”
หยุนหว่านหนิง:“……”
ว่าแล้ว พวกเขาเป็นสามีภรรยาที่ต้องใช้เงินเพื่อรักษา “ความสัมพันธ์” นี้เอาไว้
โม่เย่ เข้าไปในตำหนักเว่ยหยางอย่างราบรื่น
เปี้ยจูปลอมตัวเป็นสาวรับใช้ และตามนางเข้าไปที่ตำหนักเว่ยหยาง
นางรับใช้ในวังมาเป็นเวลาสิบปี ดังนั้นโม่เฟยเฟยก็รู้จักนาง
วันนี้กลัวฉินซื่อเสวียจะจำได้ หยุนหว่านหนิงจึงทำหน้ากากหนังคนมาให้นางสวมโดยเฉพาะเลย
หลังจากเข้าไปในตำหนักเว่ยหยาง จึงค่อยถอดหน้ากากหนังคนออกมา
เมื่อเห็นเปี้ยจู โม่เฟยเฟยก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก!
ปีนั้น เปี้ยจูเป็นคนมอบถ้วยชาให้กับนางเอง!
เมื่อเห็นเปี้ยจูเป็นใบ้ นางก็ตกใจจนพูดไม่ออก หยุนหว่านหนิงเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟัง ด้วยสีหน้าจริงจัง “องค์หญิงเก้า เรื่องทั้งหมดเป็นเช่นนี้”
“ท่านไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูด คำพูดของโหยวเอ้อท่านก็ไม่เชื่อ”
“เมื่อเห็นเปี้ยจู ท่านเชื่อหรือยัง?”
ไม่เพียงแต่แค่เชื่อ?
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เต๋อเฟยก็ได้แอบส่งคนไปตามหาเปี้ยจู เพื่อตรวจหาเรื่องในตอนนั้นให้ชัดเจน
แต่เปี้ยจูเหมือนหายตัวไปจากในวัง หาอย่างไรก็ไม่เจอ!
ที่แท้แกล้งตายแล้วหนีออกจากวังไป แถมยังแต่งงานแล้วด้วย? !
หลังจากได้สติ โม่เฟยเฟยก็เหลือบมองโม่เยว่โดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ก็กัดฟันแล้วพูดว่า “ใครจะไปรู้ว่าเปี้ยจูถูกเจ้าซื้อตัวไปหรือเปล่า?”
“นางพูดไม่ได้ เจ้าเป็นคนทำ เพื่อไม่ให้นางพูดความจริงออกมา หรือยังไงกันแน่?”
เอาแล้ว!
อคติก็คืออคติ!
โม่เฟยเฟยเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมาจากฉินซื่อเสวียก่อน และยอมรับอย่างแน่นอนแล้วว่านางหยุนหว่านหนิงเป็นผู้หญิงเลวที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์!
ดังนั้น ไม่ว่าหยุนหว่านหนิงจะทำอะไร หรืออธิบายอย่างไร นางก็ไม่เชื่อ!
เมื่อเห็นนางมองบน โม่เยว่ถึงค่อยเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ทุกประโยคที่นางพูดนั้นเป็นจริง”
“หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าจะส่งคนไปจับตัวฉินซื่อเสวียมา และยันกันต่อหน้าเจ้า”
นอกเหนือจากวิธีนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีวิธีที่สมเหตุสมผลกว่านี้ ที่สามารถทำให้โม่เฟยเฟยที่ไม่ค่อยฉลาดนี้เชื่อได้
“พี่เจ็ด เจ้าเอาแต่ช่วยนาง!”
โม่เฟยเฟยกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
“ข้าช่วยคนมีเหตุผล” (ช่วยคนมีเหตุผล ไม่ช่วยคนในครอบครัว=จะช่วยคนที่มีเหตุผล แต่หากไม่มีเหตุผล ต่อให้เป็นญาติก็จะไม่ช่วย)
ไม่ช่วยคนในครอบครัว
“แต่ แต่พี่สะใภ้สามจิตใจดีเยี่ยงนั้น จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ถึงจะเป็นอย่างนี้ น้ำเสียงของโม่เฟยเฟยเองก็เริ่มไม่ค่อยแน่ใจแล้ว “ยันกันก็ต้องยันกันอยู่แล้ว! แต่ว่า ได้ยินว่าพี่สะใภ้สามถูกพี่สามกักขัง วันนี้เป็นวันฉลองพระชันษาของเสด็จแม่ ไม่รู้ว่าพี่สามจะพานางเข้าวังหรือไม่”
กักขัง?
โม่เฟยเฟยตระหนักในภายหลังว่า “พี่สะใภ้สามทำอะไรลงไป ถึงถูกพี่สามกักบริเวณไว้”
โม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงส่งสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งให้นาง
สีหน้าของโม่เฟยเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย “หรือว่า พี่สะใภ้สามกระทำความผิดลงไปจริงๆ?”
ในหัวใจของนาง ฉินซื่อเสวียเป็นคนที่บริสุทธ์ และไม่มีวันทำผิดพลาด……
“วันนี้เป็นวันฉลองพระชันษาของเสด็จแม่ ตามหลักการพระชายาหยิงก็ต้องเข้าวังอยู่แล้ว”
น้ำเสียงของหยุนหว่านหนิงมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงอ่อนโยนดังขึ้นนอกประตู “โม่ลี่ องค์หญิงของเจ้าอาการดีขึ้นหน่อยหรือยัง?ข้าไม่ได้มาเยี่ยมเฟยเฟยมานานแล้ว”
ทั้งสามหันไปในทางที่เสียงดังมา
เมื่อเห็นฉินซื่อเสวียเดินมาถึงที่หน้าประตูพอดี
พูดถึงก็มาถึงพอดีเลยจริงๆ!